จิตอาสา นำพาสุข


..เพิ่มพลังบวกให้ชีวิต ด้วยการ"ให้"..


เมื่ออาจารย์สั่งงาน ให้ทำ จิตอาสา

หลังจากได้รับภาระงานมาก็ได้จับคู่กับเพื่อน นั่งหาข้อมูลสถานที่ต่างๆที่สามารถเข้าไปทำงานอาสาได้เเละเราก็ตัดสินใจไปที่ โรงเรียนสอนคนตาบอดกรุงเทพ วันที่เราไปเป็นศุกร์ที่6 ม.ค. 2560 เมื่อไปถึงประมาณบ่ายสองโมงครึ่ง แค่เพียงแลกบัตรประชาชนก็สามารถเข้าไปทำอาสาได้ ในตอนนั้นเรายังไม่ได้เรียนในส่วนเนื้อหาความรู้เชิงคลินิกมากนัก จึงเข้าไปในฐานะประชาชนที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เราเข้าไปถามพี่ที่ดูเเลว่าต้องการให้ช่วยอะไรตรงไหนบ้าง เราเริ่มจากการช่วยเหลืองานทั่วไปติดรูปลงบนปฏิทินเพื่อนำไปเเจกจิตอาสาคนอื่นๆ พอถึงเวลาเด็กเลิกเรียน ก็จะมีน้องมาขอความช่วยเหลือต่างๆเช่น ให้อ่านตัวเลขบนนามบัตรให้ฟัง ให้ช่วยสอนเเละเขียนการบ้านวิชาดาราศาสตร์ให้ ในขณะที่สอนการบ้านน้องก็เริ่มจากการจัดสถานที่ให้เหมาะสมสักเล็กน้อย ให้น้องไกลจากเสียงรบกวน เเละอ่านโจทย์ อ่านหนังสือให้น้องฟังเพื่อให้น้องลองจับประเด็นเเละตอบคำถามด้วยตนเอง น้องๆเก่งกันมาก เเค่ฟังก็สามารถที่จะจำและจับประเด็นต่างๆได้ เเละเราได้มีโอกาสได้พูดคุย เเลกเปลี่ยนความคิดประสบการณ์ กับน้องๆผู้พิการทางสายตาหลายๆคนอีกด้วย การพูดคุยกันนั้นมีการถามถึงความรู้สึก ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการที่น้องเล่าระบายความรู้สึกมากกว่า น้องบางคนเพิ่งตาบอด บางคนตาบอดเเต่กำเนิด บ้างท้อเเท้เเละผิดหวังกับโชคชะตา เกิดคำถามมากมายในหัว ว่า ทำไมต้องเรา ทำไมเราไม่มีเหมือนคนอื่น ทำไมเราไม่เป็นเเบบนั้น เเละการพูดคุยกับน้องๆในวันนี้ทำให้เราได้กลับมาย้อนคิดกับตัวเราว่า ถ้าเป็นเราจะเป็นอย่างไร การใช้ชีวิตโดยมองไม่เห็นคงทำให้การใช้ชีวิตต่างๆเปลี่ยนไป ในฐานะที่เรามองเห็นก็อยากให้ความช่วยเหลือ เพราะผู้บกพร่องทางสายตาก็อยากได้รับความช่วยเหลือจากเรา และอยากช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด จึงทำให้มีความคิดที่อยากจะกลับไปช่วยเป็นตาให้น้องอีก และเมื่อมีความรู้ที่สามารถช่วยน้องๆที่มีความบกพร่องได้ก็อยากจะนำความรู้ไปช่วยเหลือ ให้น้องๆสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ดีขึ้น ให้น้องปลอดภัยจากสิ่งที่น้องมองไม่เห็น

สิ่งที่ได้รับจากการทำจิตอาสาครั้งนี้ แม้เราจะทำเนื่องจากภาระงานที่ได้รับ แต่เมื่อเราเข้าไปทำเเล้วจริงๆ ทำให้รู้สึกได้ว่าเราทำไปด้วยหัวใจ ไม่ได้คิดอะไรมากมาย ทำไปตามความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือ ไม่ได้รู้สึกลำบากใจในการทำ ได้เปิดมุมมองใหม่ๆ แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับน้องๆ ได้ให้กำลังใจคนอื่น ได้ช่วยเหลือคนอื่ด้วยหัวใจไม่หวังสิ่งใดตอบเเทน วันนั้นเรารู้สึกได้เลยว่า เราได้รับความสุขเเบบเต็มอกกลับบ้าน


หลังจากกลับจากการทำจิตอาสาครั้งนี้ เราก็ได้นำสิ่งที่เราได้ต่างๆมาวิเคราะห์เชื่อมโยงกับแนวคิดการทำจิตอาสา เชื่อมโยงความรู้ทางกิจกรรมบำบัดต่างๆ ไปเสนอหน้าชั้นเรียน

รูปที่ใช้นำเสนอครั้งเเรก

เเละรับfeedbackจากอาจารย์ วิเคราะห์ซ้ำอีกครั้งได้ ปรับเปลี่ยน

รูปหลังปรับแก้ไข

นำความรู้สึกที่ได้ถอดออกมาเป็นระบบระเบียบได้ความว่า

>เราได้เรียนรู้การให้มากกว่ารับ เพราะ เราได้ไปช่วยเหลืออย่างเต็มใจด้วยความอยากช่วยเหลือให้น้องสามารถทำสิ่งที่ต้องการทำได้สำเร็จ โดยไม่ได้หวังสิ่งตอบเเทน

>นอกจากนี้การทำจิตอาสาเป็นสิ่งที่เราสนใจอยากจะทำมาตั้งเเต่เด็ก เเต่ไม่มีโอกาสได้ทำ และ ไม่ทราบว่าสามารถเข้าทำได้ง่าย ทำให้ได้เรียนรู้อีกอย่างว่า การทำจิตอาสาเราสามารถเข้าไปทำได้ง่ายๆ ทำให้เราอยากจะหาเวลาว่างไปทำงานจิตอาสาต่อไป และ ในวันที่มีความรู้ด้านกิจกรรมบำบัดจะนำมาช่วยเหลือผู้อื่นให้ประกอบกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้ดีขึ้นด้วย

และการไปช่วยน้องผู้พิการทางสายตาครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกมีความสุขอย่างมาก และวิเคราะห์ออกมาเป็นสเกลความสุขได้ดังนี้


ให้0คือ ไม่รู้สึกอะไร, +5คือมีความสุขมาก, -5คือรู้สึกแย่มาก

จากการทำจิตอาสา4ชั่วโมง สรุปได้ว่า

ในชั่วโมงแรกเป็นการทำงานแปะปฏิทิน รู้สึกมีความสุขประมาณ +2 เพราะ ได้ช่วยงานพี่ๆ พี่พูดกับเราว่า "ดีจังเลยค่ะ อยากให้มาบ่อยๆ"ทำให้เรารู้สึกว่ามาช่วยเเล้วมีประโยชน์ต่อผู้อื่น

ในชั่วโมงต่อมาระดับความสุข +3 เพราะได้เริ่มพูดคุยกับน้องหลายๆคน น้องชวนคุยสนุกสนาน ยิ้มกันทั้งเราเเละน้อง

ต่อมาได้เริ่มสอนวิชาดาราศาสตร์กับน้องคนหนึ่ง ระดับความสุข +4 เพราะรู้สึกว่าจะได้ช่วยเหลือน้อง เราสามารถทำให้น้องทำการบ้าน เข้าใจบทเรียนให้มากขึ้น

ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้าย ความสุขระดับ +5 เพราะ สามารถสอนการบ้านน้องจนเสร็จได้ พูดคุยเล่นกับน้องๆหลายๆคน ได้ให้กำลังใจน้องคนที่กำลังท้อเเท้กับชีวิต ได้ให้น้องระบายความทุกข์บางอย่างออกมาทำให้น้องสบายใจขึ้น ได้พูดคุยเป็นเพื่อนน้องเพราะน้องบอกว่าอยากมีคนคุยด้วย น้องขอบคุณ บอกลาเราเเละอยากให้เรากลับไปหาอีกบ่อยๆ

ช่วงสุดท้ายเป็นช่วงที่ความรู้สึกมีความสุขตลอด4ชั่วโมงที่ผ่านมามารวมผนวกพลังบวกให้กับเรา ตลอดระยะเวลามีเเต่ความรู้สึก อารมณ์ที่เป็นบวก ทำให้เราอยากกลับไปทำอีกครั้ง อยากช่วยเหลือผู้อื่นให้มากขึ้น การให้เพิ่มพลังดีดีกับเราทำให้เรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจกลับบ้านอย่างมีความสุข ทำให้เราคิดอยากจะทำสิ่งดีดีเพื่อคนอื่น ทำให้เราอยากช่วยคนอื่นให้มากกว่านี้ ทำให้เราอยากมีชีวิตที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคม และ นำมาปรับตัวกับชีวิตประจำวันคือ ช่วยเหลือคนอื่นเมื่อมีโอกาส ตั้งใจเรียนเพื่อนำความรู้ไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และบอกเล่าประสบการณ์ให้คนรอบๆตัว เพื่อให้ทุกคนลองออกไปทำอาสาในเรื่องที่เค้าสนใจ ช่วยเหลือผู้อื่นง่ายๆเเม้เล็กๆน้อยๆ

..ท่ามกลางชีวิตที่เร่งรีบ แข่งขัน วุ่นวายในทุกวันนี้ หากลองให้เวลา ใช้ใจสื่อใจช่วยเหลือกันไม่ว่ากับใคร จะมากหรือน้อย เราเชื่อว่า..การให้คนอื่นโดยไม่หวังผลทำให้ได้รับพลังบวกบวกกลับมาเติมเต็มชีวิตเราอย่างเเท้จริง(: ..

หมายเลขบันทึก: 625027เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2017 22:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 มีนาคม 2017 22:29 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท