KM กับ วพส.
วพส. คือ สถาบันวิจัยและพัฒนาสาธารณสุขภาคใต้ ในสังกัด ม. สงขลานครินทร์ โดยการสนับสนุนด้านการเงินของ สสส. โดยมีวัตถุประสงค์คือ “สร้างองค์ความรู้และระดมทรัพยากรนักวิชาการชั้นสูงของภาคใต้เพื่อการพัฒนาสุขภาพของภูมิภาคนี้” และมียุทธศาสตร์ในการทำงาน ๓ ประการ
ยุทธศาสตร์ที่ ๑ สนับสนุนและเสริมความเข้มแข็งด้านวิชาการของสาขาระบาดวิทยาและสาขาวิชาการอื่นๆ รวมทั้งสร้างนักวิชาการรุ่นใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ ๒ พัฒนาระบบจัดการงานวิจัยและการจัดการความรู้ของชุดโครงการวิจัย ทำงานร่วมกับหน่วยส่งเสริมวิจัยอื่นๆ ในภูมิภาคและเปิดช่องทางใหม่เพื่อการสื่อสารทางวิชาการกับชุมชนโดยตรง
ยุทธศาสตร์ที่ ๓ วิเคราะห์ทิศทางการพัฒนาสุขภาพภาคใต้เพื่อสนับสนุนให้เกิดการวิจัยไปในทิศทางที่เหมาะสม
โครงการ วพส. เป็นโครงการใหญ่มาก จึงต้องมีคณะกรรมการอำนวยการของโครงการ และผมก็ถูกเชิญเข้าร่วมเป็นกรรมการนี้ด้วย
วันนี้ (๒๙ มิ.ย. ๔๘) มีการประชุมคณะกรรมการชุดนี้ ผมจึงมีแรงบันดาลใจ มาเล่าสู่กัน
ในการประชุมมีวาระพิจารณายุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ ว่าเหมาะสมต่อสถานการณ์ปัจจุบันหรือไม่ ควรมียุทธศาสตร์เพิ่มเติมอย่างไร และมีข้อเสนอแนะอื่นๆ อย่างไร ผมจึงเสนอให้สมาชิกของคณะผู้ดำเนินการโครงการแต่ละคนลองทำ AAR ผลการดำเนินการในช่วง ๑ ปีเศษที่ผ่านมา ว่า
1. ที่ตนเข้ามาร่วมโครงการนี้ มองเป้าหมายของโครงการอย่างไร
2. ส่วนใดของเป้าหมาย ที่บรรลุผลเกินคาด เพราะเหตุใด
3. ส่วนใด ที่ไม่ค่อยบรรลุผล เพราะเหตุใด
4. ควรปรับปรุงการดำเนินการโครงการอย่างไรบ้าง
การทำ AAR เช่นนี้ เป็นการหา “ข้อมูลดิบ” เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการ ทำให้กรรมการได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นจากข้อมูลในเอกสารประกอบการประชุม ซึ่งเป็น “ข้อมูลสุก” และทำให้กรรมการอำนวยการสามารถให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะได้ตรงเป้ายิ่งขึ้น
นี่คือบทเรียนด้าน KM บทแรก : ใช้ KM หาข้อมูลการปฏิบัติจริง โดยใช้เครื่องมือ AAR
คณะกรรมการให้ความเห็นและข้อเสนอแนะมากมาย ข้อหนึ่งคือใช้หลักการ/แนวคิด (concept) ของ KM ในการสร้างองค์ความรู้เพื่อพัฒนาสุขภาพ คือเชื่อว่าความรู้เพื่อการพัฒนาสุขภาพด้านต่างๆ มีอยู่แล้วในชาวบ้าน (แต่อาจจะไม่ครบด้าน และที่ว่ามีความรู้บางด้านนั้นก็อาจเป็นความรู้เพียงระดับ ๒ – ๓ ดาว ไม่ใช่ ๕ ดาว) คณะนักวิจัยจะต้องรู้วิธีเสาะหาความรู้นั้น (ซึ่งมีอยู่ในกลุ่มคน/ชุมชน ที่มีความสำเร็จในการพัฒนาสุขภาพด้านนั้นๆ) และเอามาต่อยอดด้วยความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ให้ชาวบ้านเอาไปทดลองปฏิบัติเพื่อพัฒนาสุขภาพให้ดียิ่งขึ้นไปอีก วนเวียนเช่นนี้เรื่อยไป ผมได้ปวารณาไว้ว่าหาก “หัวปลา” ชัด สคส. จะส่งวิทยากรไปช่วยจัด “ตลาดนัดความรู้” ให้
นี่คือบทเรียนด้าน KM บทที่ ๒ : ใช้ ตลาดนัดความรู้ เป็นเครื่องมือ สกัด ความรู้จากผลสำเร็จ (best practice) เอามาเชื่อมโยงกับความรู้จากภายนอก ได้ชุดความรู้ใหม่ สำหรับเอาไปทดลองใช้ และหมุนเกลียวความรู้ เป็นวัฎจักไม่รู้จบ
วิจารณ์ พานิช
๒๙ มิ.ย. ๔๘