บันทึกชีวิต l วันออกพรรษา
วันนี้เป็นวันออกพรรษาเมื่อวันก่อนได้เขียนบันทึกไว้ในสิ่งที่ตั้งใจในช่วงสามเดือนของการเข้าพรรษาไว้ที่ https://www.gotoknow.org/posts/617044 เช้านี้ที่วัดอากาศสบายดี (บันทึกเช้าวันที่ ๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙..... อ่านต่อได้ที่: https://www.gotoknow.org/posts/617065) มีผู้คนมารอใส่บาตรและทำบุญพอสมควร
การตั้งจิตตั้งใจในพรรษานี้ ...บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้และเกินความคาดหมายอย่างปิติในใจ
ตั้งใจทำโรงทานสังฆทาน ๔ ครั้ง กับงานกฐินอีก ๑ ครั้ง ... แต่สามารถทำได้ ๖ ครั้งรวมกฐินอีก ๑ ครั้ง
ตั้งใจถวายปานะพระภิกษุท่านลงอุโบสถ เดือนละครั้ง (รวม ๓ ครั้ง) ... แต่สามารถทำได้เดือนละสองครั้ง (รวม ๖ ครั้ง) เวลานึกถึงบุญที่ได้ทำจิตใจอิ่มเอิบ จึงอยากบันทึกเก็บไว้
อะไรก็ตามที่ได้ทำเกินความคาดหมาย...หัวใจก็เต็มอิ่ม
ที่วัดมีพิธีทางพุทธศาสนาตามปกติ แต่ด้วยอุปนิสัยส่วนตัวไม่ชอบคนเยอะๆ จึงไม่ได้ไปร่วมด้วย มักจะปลีกตัวอยู่ที่ที่คนไม่เยอะและไม่พลุกพล่าน และบางครั้งก็คลุกคลีกับเด็กๆ ที่ศาลา หรือไม่ก็เข้าทางภาวนาในโซนแม่ชี
เข้าพรรษาปีนี้ได้เรียนรู้อะไรกับตนเอง...
เป็นคำถามที่ใคร่ครวญในตน มีเรื่องราวอันเป็นสภาวะละเอียดเกิดขึ้นมากมาย ... ศีลที่รักษาไม่ได้ โดยใช้พื้นฐานศีล๕ และถือพรหมจรรย์ในข้อ๓ เพิ่มเติมอีกสามข้อ ไม่ทานหลังเที่ยง ไม่ใช้เครื่องประทินผิวและชมมหรสพ ไม่นอนฟูกสูง รวมเป็นแปดข้อ ... เมื่อจิตตั้งมั่นแล้วไปละเมิดศีล รักษาไว้ไม่ได้จิตก็วิปลาสไปได้ บางครั้งกิเลสที่ผลุดขึ้นมาในดวงจิตเป็นตัวละเอียดปัญญาและสติมีไม่มากพอ สิ่งที่จะรักษาเราไว้ได้คือ ทาน...ศีล และความอดทน (ขันติบารมี)... เป็นตัวหนุนหรือประคองไว้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะการพิจารณาใคร่ครวญทางปัญญา ...จะปรากฏคล้ายลักษณะปิ๊งแว้ป
การเชื่อฟังพ่อแม่ครูบาอาจารย์เป็นสิ่งที่ต้องรีบน้อมรับ เพราะนั่นคือ สภาวะที่ปลอดภัยที่สุด อันเป็นความปลอดภัยจากการตกลงไปในที่ชั่ว หรือการทำอกุศลกรรมต่างๆ ได้ อันเนื่องจากปัญญาเราไม่มีมากพอที่จะรู้เท่าทันในสภาวะที่ละเอียดนั้น
สิ่งที่ได้กับตนเองในพรรษานี้...
อธิษฐานบารมี...
ทานบารมี...
ขันติบารมี...
บางครั้งก็มี...ปัญญาเกิดขึ้นบ้างเล็กๆ น้อยๆ พอเลี้ยงตัวเองได้
การระลึกถึง...และทบทวนตนเองในลักษณะเช่นนี้ ทำให้มีกำลังใจ และตั้งใจใช้ชีวิตภายใต้กรอบศีลธรรม อย่างแน่วแน่มากๆ ขึ้นตามลำดับ
นึกถึงตอนต้นพรรษาจะไปขออนุญาตพ่อแม่ครูบาอาจารย์กลับมาใช้วิถีชีวิตตามปกติ แต่ไม่ทันได้เอ่ยอะไร ก็ถูกท่านดักคอไว้ก่อน ทำให้ไม่กล้าเอื้อยเอ่ยออกมา...จนถึงทุกวันนี้นึกถึงทีไรก็รู้สึกละอายใจยิ่งนักที่เกือบเพลี้ยงพล้ำต่อกิเลส...
ในช่วงท้ายของพรรษามีเรื่องที่สะเทือนใจคนไทยทั่วทั้งแผ่นดิน ได้เขียนไว้ที่ https://www.gotoknow.org/posts/616983 การได้รับการเตือนสติจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ...และสามวันของการได้ภาวนาอย่างเต็มที่ และพิจารณาธรรมถึงเรื่องที่มาและที่ไป ใจนี้ก็สงบลง ทำให้นึกถึงคำสอนของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาให้เราได้ฝึกฝนเมื่อถึงเวลาที่จะได้ใช้สิ่งที่ฝึกฝนไว้นั้นก็ถูกนำมาใช้อย่างเป็นอัตโนมัติ ... มีสติสัปปชัญญะ...
แต่นี่ก็ถือว่าไม่ใช่ที่สิ้นสุดของการเดินทางแห่งภายใน
ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไปไม่ถึง ... สะสมกำลังสติปัญญายังไม่มากพอ
แต่อย่างน้อยการได้ถอดบทเรียนกับตนเอง ก็พอทำให้เห็นความจริงใจตนเองได้บ้าง
...
๑๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๕๙
ไม่มีความเห็น