ศาสนาชินโต (Shintoism)


ศาสนาชินโต (Shintoism)

“ชินโต” มาจากอักษรจีนสองตัว คือ "เชน" (Shen) แปลว่า "เทพทั้งหลาย" ส่วน "โต" หรือ "เต๋า" (Tao) แปลว่า "ทาง" รวมความแล้วแปลว่า "วิถีทางแห่งเทพทั้งหลาย"

สัญลักษณ์ศาสนา ได้แก่
ประตูโทริอิ (Torii) คือประตูอันมีเสา 2 เสา มีไม้ 2 ท่อนขวางอยู่ข้างบน เป็นเครื่องหมายแสดง บริเวณศาลเจ้าของชินโต

ศาสนาชินโตเป็นศาสนา พหุเทวนิยม( Polythaeism ) คือนับถือเทพเจ้าหลายองค์ เช่น เทพเจ้าแห่งภูเขา ลำธาร พระจักรพรรดิได้รับการยกย่องให้เป็นเทพเจ้า


การกำเนิดศาสนา

ชนชาติญี่ปุ่นสมัยโบราณมีเผ่าต่างๆ หลายเผ่า แต่ละเผ่าเคารพบูชาบรรพบุรุษและเทพเจ้า แต่เดิมไม่มีชื่อเรียกศาสนานี้ เมื่อพุทธศาสนา และศาสนาขงจื๊อได้แพร่ไปสู่ประเทศญี่ปุ่นจึงเรียกศาสนานี้ว่า “ชินโต” เพื่อให้ต่างจากศาสนาพุทธและศาสนาขงจื๊อ

ประวัติศาสดา
ศาสนาชินโตไม่มีศาสดา บูชาเทพเจ้า เชื่อถือเวทมนต์ คาถา บูชาธรรมชาติและบรรพบุรุษ
คำสอน
คำว่า “ชินโต” แปลว่า วิถีของพระเจ้า คำสอนจึงมุ่งให้บุคคลปฏิบัติตนตามทางของสวรรค์ ภักดีต่อพระเจ้า ซึ่งหมายถึงธรรมชาติรอบตัวมนุษย์ ศาสนาชินโตยึดถือคำสอนสืบเนื่องมาจากศาสนาเต๋าและขงจื๊อหลายประการ

มีเทพนิยายของญี่ปุ่นโบราณเล่าสืบต่อกันมาว่า พระอาทิตย์เป็นผู้สร้างเกาะญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นทั้งหลายเป็นลูกหลานของพระอาทิตย์

ศาสนาชินโตสอนให้ผู้หญิงเคารพผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ให้คุ้มครองผู้หญิง และต่างฝ่ายต่างต้องรักและสามัคคีกันข้อปฏิบัติตามศาสนาชินโต คือ จงรักภักดีต่อเทพเจ้า ต่อจักรพรรดิและปฏิบัติตามหลักจริยธรรมเพื่อบำเพ็ญความดีสูงสุด 4 ประการ คือ

1.ให้มีความคิดเบิกบาน

2.ให้มีความคิดบริสุทธิ์

3.ให้มีความคิดถูกต้อง

4.ให้มีความคิดเที่ยงตรง

การบูชา

การบูชาธรรมชาติ

คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเทพแห่งพระอาทิตย์ทรงสร้างเกาะญี่ปุ่นและธรรมชาติทั้งหลาย เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ มหาสมุทร แม่น้ำ ภูเขา น้ำตก ต้นไม้ สิ่งที่พระเจ้าทรงสร้าง จึงมีฐานะสูงควรแก่การเคารพบูชา
ในเรื่องจักรวาล ชินโตสอนว่า กามิ (Kami) หรือเทพเจ้าเป็นเจตภูตที่ไม่มีรูปร่าง ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นนิรันดร กามิเป็นเทพเจ้าในธรรมชาติ เหตุการณ์ต่างๆ ในจักรวาลมาจากการบันดาลของกามิ กฎแห่งธรรมชาติทั้งปวงคือ ทางแห่งเทพเจ้า

การบูชาจักรพรรดิ
คนญี่ปุ่นบูชาจักรพรรดิ เพราะถือว่าเป็นผู้สืบสายมาจากดวงอาทิตย์

การบูชาบรรพบุรุษ
ญี่ปุ่นเชื่อว่า คนญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันสืบเชื้อสายมาเป็นสายเลือดเดียวกัน

การบูชาบรรพบุรุษของญี่ปุ่น มีทั้งบรรพบุรุษของครอบครัวและบรรพบุรุษของชาติ

การบูชาผู้กล้าหาญ
ญี่ปุ่นเป็นคนรักชาติมาก ผู้ใดอุทิศชีวิตให้ชาติ วิญญาณของผู้นั้นจะได้รับการยกย่อง ทหารญี่ปุ่น

จึงรบด้วยความกล้าหาญ เพราะรู้ว่า ถ้าตายก็จะมีผู้เคารพบูชา
คำสอนเหล่านี้มีผลทำให้คนญี่ปุ่นเป็นคนรักชาติ รักบรรพบุรุษของตนอย่างยิ่ง เกิดเป็นหลักธรรมประจำใจที่เรียกว่า บูชิโด ซึ่งเป็นวินัยของนักรบในกลุ่มชาวญี่ปุ่น

เทพเจ้าของศาสนาชินโต
1.เทพผู้สร้างสูงสุด คือ อามาเตระสุ-โอมิคามิหรือสุริยเทพี กับซีกิโยมิหรือจันทรเทพ
2.เทพประจำสิ่งต่างๆในธรรมชาติ ที่มนุษย์ชื่นชอบหรือเกรงกลัว รวมทั้งวิญญาณที่มีอำนาจบันดาลให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น (Kami)
3.มนุษย์ที่ทำความดี เมื่อสิ้นชีวิตแล้ว ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์จุดหมายปลายทางของชีวิต คือ การเข้าถึง

พระเจ้า

ระบบคุณธรรม
1.ความกล้าหาญ ให้กล้าหาญที่จะมีชีวิตอยู่และไม่กลัวตาย
2.ความขลาด ความขลาดถือว่าเป็นบาป จึงมีคติว่า บาปทุกอย่างนั้นจะได้รับอภัยเมื่อสำนึกผิด ยกเว้นความขลาดกับการลักขโมย
3.ความจงรักภักดี ชินโตสอนให้จงรักภักดีต่อจักรพรรดิเป็นอันดับหนึ่ง อันดับต่อมาคือครอบครัวและสังคม

4.ความสะอาด ความสกปรกเป็นบาป เป็นความผิดต่อเทพเจ้า ผู้ทำตนให้สะอาดเป็นผู้เคารพเทพเจ้า

จากความเชื่อนี้ การอาบน้ำในสังคมญี่ปุ่นจึงเป็นทั้งพิธีกรรมทำตนให้สะอาด และเป็นพิธีกรรมชำระบาปด้วย

ข้อปฏิบัติต่อสังคม
1.คุณธรรมสูงสุดได้แก่ ความจริง ความซื่อสัตย์และความเคารพต่อบรรพบุรุษและผู้ใหญ่
2.ภักดีต่อจักรพรรดิและราชวงศ์ เคารพบรรพบุรุษและผู้ใหญ่
3.ซื่อสัตย์ต่อเพื่อน รักและสามัคคีกับคนในชาติ รักคนอื่นให้เท่ากับรักตนเอง
4.ผู้เยาว์ต้องอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ ชายต้องซื่อสัตย์ต่อชาติ และหญิงต้องเคารพชาย
5.รักและเคารพบิดามารดา รักและสามัคคีกับคนในครอบครัว
6.ทำงานด้วยความซื่อสัตย์
7.มีความประหยัด
8.อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว
9.ต่อสู้เมี่อถูกรังแก และแก้แค้นให้ผู้ที่เราเคารพ
10.ไม่กลัวตาย
11.ฝึกตนเองให้มีความคิดเบิกบาน ความคิดบริสุทธิ์ ความคิดถูกต้อง ความคิดเที่ยงตรง

ลัทธิบูชิโด คือ ลัทธิที่ยกย่องคนกล้า ซึ่งคนญี่ปุ่นเรียกว่า "ซามูไร" (Samurai) คำว่า "บูชิโด" แปลว่า "หนทางของอัศวินนักสู้" หลักประพฤติของซามูไรญี่ปุ่นในสมัยนั้น มีดังนี้ คือ
1.ซามูไรทุกคนจะต้องอยู่ในสังกัดของเจ้านายในระบบศักดินา และจะต้องจงรักภักดีต่อเจ้านายซามูไรจะต้องรำลึกบุญคุณเจ้านายอยู่เสมอและหา ทางตอบแทนบุญคุณนั้นให้ได้ เพราะการตอบแทนหนี้บุญคุณถือว่าเป็นความดีสูงสุด พันธะหน้าที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับเจ้านายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่าครอบครัว และครอบครัวของซามูไรทุกคนจะต้องสนับสนุนการกระทำของพวกเขาจึงจะได้รับ ยกย่องจากสังคม

2. ซามูไรจะต้องเป็นผู้มีความกล้าหาญ ไม่กลัวความตาย การตายที่มีเกียรติของซามูไรคือ การทำฮาราคิริ (Harakiri) หรือเซ็ปปุกุ (Seppuku) การตายแบบนี้เป็นการแสดงความกล้าหาญอย่างสูง ที่จะต้องเผชิญกับความเจ็บปวด โดยการใช้มีดสั้นแทงที่หน้าท้องใต้เอวขวา กรีดมาทางซ้าย แล้วดึงมีดขึ้นข้างบน เป็นการเปิดช่องท้อง และตัดลำไส้ให้ขาด

3.ซามูไรจะต้องยอมตายเพื่อรักษาเกียรติ
4.ซามูไรจะต้องจงรักภักดี อ่อนน้อมถ่อมตนต่อเจ้านาย
5.ซามูไรจะต้องมีความเที่ยงธรรม มีเมตตา

คัมภีร์ของศาสนาชินโต มีคัมภีร์ทางศาสนาที่สำคัญ คือ

1.คัมภีร์โคยิกิ (Ko-Ji-Ki) เป็นจดหมายเหตุโบราณ รวบรวมขึ้นในปีพ.ศ. 1255 บันทึกจากคำท่องจำ เนื้อหาเริ่มจากตำนานการเกิดของเกาะญี่ปุ่น เป็นการตีความเทพนิยายและตำนานเก่าๆ เริ่มตั้งแต่การกำเนิดของพระเจ้า บรรยายเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์นับแต่จักรพรรดิองค์แรก คือ ยิมมู (พ.ศ. 1171) จนถึงสมัยที่มีการรวบรวมคัมภีร์โคยิกิขึ้น และกล่าวถึงพิธีกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ข้อห้าม การปฏิบัติต่อเทพเจ้าต่างๆของชาวญี่ปุ่นโบราณ

2. คัมภีร์นิฮองงิ (Nihongi) แปลว่า จดหมายเหตุ ประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น แต่งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 1263 ซึ่งเป็นเวลาที่ญี่ปุ่นเริ่มติดต่อกับยุโรปและชาวญี่ปุ่นเริ่มเกิดสำนึกทาง ชาตินิยมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ถือว่าเป็นวรรณคดีชั้นสูง เขียนด้วยอักษรภาษาจีนล้วน กล่าวถึงเรื่องของพระเจ้าตามเทพนิยายดั้งเดิมมาเหมือนกันถึงสมัยจักรพรรดินี บีโด (พ.ศ. 1350) เล่มนี้ เและบรรยายเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ระบุอำนาจของจักรพรรดิ กำหนดให้ประชาชนเคารพและจงรักภักดีต่อจักรพรรดิ วันประสูติของจักรพรรดิถือเป็นวันสำคัญที่สุด
3.คุมภีร์เยนงิ - ชิกิ (Yengi - Shiki) เป็นบทสวดและพิธีกรรมในสมัยเยนงิ (ระหว่าง พ.ศ. 1444 - 1566) อธิบายเรื่องพิธีกรรมต่าง ๆในสมัยโบราณ และบทสวด (Nori - to)
4. คัมภีร์มันโย - ชิว (Munyo - Shiu) ประกอบด้วยคำโคลงบรรยายการเกิดของสวรรค์ การที่สุริยเทพ

ทรงสร้างเกาะญี่ปุ่น เป็นต้น

นิกาย
ปัจจุบันนี้ยังคงมีชาวญี่ปุ่นที่นับถือชินโตอยู่มากความเป็นชินโตอยู่ในลักษณะของจิตสำนึก และอยู่ในรูปของวัฒนธรรมญี่ปุ่น
1.ชินโตแห่งราชสำนัก (Shinto of the Imperial House) ชินโตกลุ่มนี้มีศูนย์กลางอยู่ที่การประกอบพิธีกรรมถวายดวงวิญญาณของบรรพชน ของพระจักรพรรดินับตั้งแต่สมัยโบราณเป็นต้นมา โดยพระจักรพรรดิจะเป็นผู้ทรงประกอบพิธีกรรม ในปัจจุบันประเพณีนี้ยังมีอยู่ รัฐรับรองและสนับสนุนและวางข้อบังคับให้นักบวชซึ่งเป็นคนของราชการปฏิบัติ กิจเฉพาะทางราชการ แต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม
2.ชินโตศาลเจ้า (Shrine Shinto) ชินโตกลุ่มนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความเชื่อแบบชินโตในสมัยโบราณกับความ เชื่อแบบชินโตในปัจจุบัน ระบบความเชื่อและพิธีกรรมของทั้งสองแบบถูกนำมาปฏิบัติร่วมกันที่ศาลเจ้า เพื่อบูชาเทพเจ้า ซึ่งเป็นที่สิงสถิตของกามิและเป็นที่สำหรับสวดมนต์ภาวนา

3.ชินโตนิกาย (Sect Shinto)หมายถึง กลุ่มกระบวนการทางศาสนาที่อิงอยู่กับศาสนาประจำชาติของญี่ปุ่น แต่แยกเป็นนิกายต่างๆกันซึ่งส่วนมากมีกำเนิดในศตวรรษที่18 จนถึงช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 19 อันเป็นช่วงสุดท้ายของยุคเอโด ที่มีระบบการปกครองแบบเจ้าขุนมูลนาย จนกระทั่งถึงช่วงต้นของยุคเมจิ รัฐบาลของยุคเมจิที่เกิดขึ้นใหม่ได้สร้างชินโตของรัฐขึ้นมา และให้กลุ่มศาสนาเหล่านี้อยู่ภายใต้การปกครองของชินโตของรัฐโดยอนุญาตให้ทำ พิธีกรรมต่างๆ ลักษณะของชินโตกลุ่มนี้คือ ความสนใจเกี่ยวกับปัญหาในชีวิตประจำวันและสวัสดิภาพของมนุษย์ในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะในชุมชนชาวกสิกรรม
4.ชินโตพื้นบ้าน (Folk Shinto) ชินโตกลุ่มนี้นำเอาความคิดของพุทธศาสนา ศาสนาเต๋า และศาสนาขงจื๊อ มาผสมผสานกับความเชื่อแบบชินโต เกิดเป็นแนวคิดแบบไสยศาสตร์ผสมกับหลักปฏิบัติทั่วไปของชาวบ้าน ช่วยเสริมความมั่นคงทางจิตใจ ทำให้คนรู้สึกปลอดภัยจากอันตราย กลายเป็นวิถีชีวิตประจำวันมากกว่าศาสนา

พิธีกรรม
ศาลเจ้าและนักบวชของชินโต
ศาลเจ้าชินโตเป็นที่สิงสถิตของกามิ และเป็นที่สำหรับสวดมนต์ อ้อนวอน ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ นิยมสร้างในแถบชนบท เช่น บนภูเขา น้ำตก หรือบนเกาะ

ศาลเจ้าของญี่ปุ่นมีรูปแบบเรียบง่าย ทำด้วยไม้และกระดาษ ทางเข้ามีประตูโทริอิ (tori - i) ที่สร้างด้วยไม้หรือหิน ภายในศาลเจ้ามีสัญลักษณ์ของกามิคือกระจก แต่บางแห่งอาจจะสร้างรูปเสื้อผ้า หรือดาบ มีที่สำหรับตั้งอาหารเซ่นไหว้ เช่น ข้าว ผัก ปลา เป็ด ไก่ รวมทั้งเหล้าสาเก แต่ต้องไม่เซ่นไหว้ด้วยเลือดเพราะถือเป็นของไม่บริสุทธิ์

นักบวชของชินโตมีทั้งชายและหญิง นักบวชหญิงจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ นักบวชชายบางนิกายมีครอบครัวได้ ส่วนผู้ทำหน้าที่รับใช้ในวัดจะเป็นผู้ชาย และมีหัวหน้านักบวชทำหน้าที่ดูแลศาลเจ้ารวมทั้งเป็นประธานในพิธีกรรมต่าง ๆ
นักบวชในศาสนาชินโต จะไม่ประกอบพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความตาย ให้เป็นหน้าที่ของพระในพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้ชาวญี่ปุ่นจึงนับถือศาสนาชินโตและศาสนาพุทธไปพร้อมกัน

จุดมุ่งหมายในการบูชาเทพเจ้า เพื่อให้วิถีชีวิตของผู้บูชาเป็นที่พอใจของเทพเจ้า

วันเทศกาลหรือวันนักขัตฤกษ์ มีขบวนแห่ มีการบรรเลงดนตรีและเต้นรำ พระทำพิธีอ่านบทสวดเบี้องหน้าเทพเจ้าแห่งศาลเจ้าเพื่ออำนวยสิริมงคล
พิธีถวายสักการะพระจักรพรรดิที่เป็นองค์บรรพบุรุษ สถานที่ถวายความเคารพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี คือ

วิหารไดจิงจู ตำบลอิเซ (Ise) อันเป็นสถานที่สำคัญที่ประดิษฐานพระคันฉ่อง ซึ่งเชื่อกันว่าสุริยะเทพีได้ทรงประทานให้แก่บรรพบุรุษดั้งเดิมของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตจะต้องเดินทางไปสักการะพระคันฉ่อง เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต

พิธีฉลองเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ตรงกับวันที่ 23 พฤศจิกายน ในวันนี้แต่เดิมพระจักรพรรดิ์ของญี่ปุ่นทรงเป็นผู้ทำพิธีโดยเซ่นไหว้ด้วยผล ไม้และผลผลิตที่ได้จากการเก็บเกี่ยวในครั้งแรก แต่ปัจจุบันนี้นิยมกระทำตามท้องถิ่นต่าง ๆ ในระหว่างเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน


พิธีชำระล้างบาป มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน คือ

ขั้นที่ 1 พิธีเตรียมตัวให้บริสุทธิ์ (Preliminary purification) หรือ เกสไซ (Kessai) เป็นการเตรียมตัวก่อนประกอบพิธี เพื่อชำระล้างมลทินทางกายโดยไม่รับประทานอาหาร และชำระล้างร่างกายให้สะอาด
ขั้นที่ 2 พิธีชำระล้างให้บริสุทธิ์ (Purification) หรือ ฮารัย (Harai) เป็นพิธีชำระล้างมลทินและบาปข้างใน ประกอบพิธีโดยนักบวชโดยแกว่งไม้ศักดิ์สิทธิ์เหนือศีรษะหรือเหนือวัตถุสิ่งของที่ต้องการชำระ
ขั้นที่ 3 พิธีถวาย (Dedication) ในการอุทิศตนจะถวายกิ่งไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นสัญลักษณ์ของการเก็บเกี่ยว ครั้งแรก ต่อมาถวายข้าว เหล้า และอาหารต่าง ๆ มีการแสดงดนตรีและการเต้นรำด้วย แล้วจึงมีการอธิษฐาน

วันปีใหม่ แต่เดิมมาตรงกับเดือนกุมภาพันธ์โดยนับตามปฏิทินจันทรคติ แต่ปัจจุบันฉลองกันตั้งแต่วันที่ 1-6 มกราคมของทุกปี เป็นวันชำระล้างสิ่งสกปรก เช่น บ้านเรือน ร่างกาย และจิตใจ ในวันนี้ทุกคนรื่นเริงแจ่มใส มีการเซ่นไหว้บรรพบุรุษด้วยอาหารพิเศษ และนิยมไปเคารพกราบไหว้ตาม ศาลเจ้าเพื่อขอพร
เทศกาลตุ๊กตา วันที่ 3 มีนาคม ของทุกปี วันนี้เป็นวันรื่นเริงของเด็กหญิง มีการแต่งตุ๊กตาอย่างสวยงามด้วยชุดสมัยโบราณ ครอบครัวที่มีลูกสาวเลี้ยงฉลอง เป็นการให้ความสำคัญแก่เพศหญิง
วันเด็กชาย วันที่ 5 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันที่ครอบครัวแสดงความยินดีต่อการเติบโตของเด็กชายในตระกูล จุดประสงค์หลักของวันนี้เพื่อเตือนให้มีความกล้าหาญ ความเข้มแข็ง และความรับผิดชอบต่อครอบครัว







หมายเลขบันทึก: 613909เขียนเมื่อ 14 กันยายน 2016 17:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 กันยายน 2016 17:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท