ขอ AAR การประชุมสภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๙ ต่อจากบันทึกเมื่อวันที่ ๑ กันยายนนะครับ และบันทึกนี้เกิดจากปัญหา พรบ. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์เป็น พรบ. ที่ผ่านกระบวนการแบบใช้รูปแบบตายตัว ไม่คำนึงว่ามหาวิทยาลัยนี้มีถึง ๕ วิทยาเขต
จึงเกิดปัญหาการกระจายกรรมการสภามหาวิทยาลัยจากบุคลากรภายใน ที่มีทั้งผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรสายสนับสนุน ที่รวมแล้วก็มีเพียง ๑๒ คนเท่านั้น เมื่อมีกติกาให้ต้องจำแนกเป็นกลุ่มๆ ก็ยากที่จะกระจายให้มีตัวแทนครบทุกวิทยาเขต
ทำให้ต้องกลับไปคิดที่หลักการพื้นฐานว่ากรรมการสภามหาวิทยาลัยคือใคร วิธีคิดแบบใดที่สร้างความเจริญก้าวหน้ามั่นคงแก่มหาวิทยาลัย วิธีคิดแบบใดเป็นความเสี่ยงที่จะก่อปัญหาให้แก่มหาวิทยาลัย
-วิธีคิดที่ก่อปัญหา สร้างความคับแคบ สร้างความขัดแย้ง คือคิดว่ากรรมการสภามหาวิทยาลัยเป็น ตัวแทนของแหล่งที่มา เช่นกรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากวงการธุรกิจ ก็ถือว่าตนเองเป็นตัวแทนวงการธุรกิจ เข้าไปทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของวงการธุรกิจ และจะยิ่งร้ายหากเข้าไปรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจของตน
ตัวอย่างของกรรมการสภาที่เป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย เช่นเป็นรองอธิการบดีวิทยาเขตใด ก็เข้าไปรักษาผลประโยชน์ของวิทยาเขตนั้น เป็นคณบดีของคณะใด ก็เข้าไปทำหน้าที่ปกป้องผลประโยชน์ ของคณะนั้น เป็นอาจารย์ในสาขาวิชาใด ก็เข้าไปปกป้องหรือเรียกร้องผลประโยชน์ของสาขาวิชานั้น นี่คือกระบวนทัศน์ที่จะนำไปสู่สามัคคีเภทในมหาวิทยาลัยนั้น
-วิธีคิดที่นำไปสู่ความเจริญและมั่นคงของมหาวิทยาลัยคือ ไม่ว่าจะเป็นกรรมการสภาประเภทใด มาจาก constituency ใด เมื่อมาทำงานร่วมกันเป็นทีมสภามหาวิทยาลัย จะทำหน้าที่ปกป้องและสร้างผลประโยชน์ให้แก่มหาวิทยาลัยนั้น และเพื่อผลประโยชน์ของประเทศไทยอันเป็นส่วนรวม เราต้องการกรรมการสภามหาวิทยาลัย ที่มีวุฒิภาวะ มีกระบวนทัศน์ และมีพฤติกรรมที่ส่อความเชื่อนี้
วิธีคิดและพฤติกรรมแบบที่ก่อปัญหา เป็นวิธีคิดและพฤติกรรมที่มี conflict of interest เอาผลประโยชน์ส่วนย่อยเป็นที่ตั้ง
วิจารณ์ พานิช
๓๐ ก.ค. ๒๕๕๙
ไม่มีความเห็น