จากการที่รัฐบาลได้ให้ความไว้วางใจและมอบหมายให้กรมการปกครองเป็นหน่วยงานหลักในการนำนโยบายสำคัญหลายประการไปปฏิบัติให้บังเกิดผลในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการแก้ไขปัญหาความยากจน ตาม 1 ใน 9 ประเด็นยุทธศาสตร์การบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548 – 2551 ซึ่งกรมการปกครองได้ คัดเลือกประเด็นยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจนมาจัดทำเป็นแผน blueprint for change ปื 2548 และได้จัดทำแผนการจัดการความรู้ ( Knowledge Management Action Plan ) สนับสนุนในประเด็นยุทธศาสตร์การ แก้ไขปัญหาความยากจน
ขอบเขต KM ที่กรมการปกครองได้พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความสำคัญเร่งด่วนในขณะนี้คือ การจัดการความรู้เพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการ และได้กำหนดเป้าหมาย ( Desired State ) ของ KM ที่จะดำเนินการในปี 2549 คือ มุ่งเน้นให้อำเภอเป็นศูนย์การองค์ความรู้ เพื่อการแก้ไขปัญหาความยากจนเชิง บูรณาการในพื้นที่ที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยมีหน่วยที่วัดผลได้เป็นรูปธรรม คือ อำเภอ/กิ่งอำเภอ มีข้อมูลผลสำเร็จ การแก้ไขปัญหาความยากจนเชิงบูรณาการในศูนย์ปฏิบัติการไม่น้อยกว่าศูนย์ละ 1 เรื่อง กิจกรรมกระบวนการจัดความรู้ ( KM Process ) และกิจกรรมกระบวนการจัดการเปลี่ยนแปลง ( Change Management Process ) ควบคู่กันไป โดยมีความคาดหวังว่าแผนการจัดการความรู้นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญสู่การปฏิบัติราชการในขอบเขต KM และเป้าหมาย KM ในเรื่องอื่นๆ และนำไปสู่ความเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน ต่อไป
การแต่งตั้ง CKO และ KM ทีม
เพื่อให้การจัดการความรู้ของกรมการปกครอง ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ อธิบดีกรมการ ปกครองได้แต่งตั้ง CKO และ KM ทีม ดังนี้1 นายก้องเกียรติ อัครประเสริฐกุล รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝ่ายบริหารราชการทั่วไป เป็นผู้บริหารด้านการจัดการองค์ความรู้ในกรมการปกครอง ( Chief Knowledge Officer : CKO ) เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้การจัดการความรู้สัมฤทธิ์ผล
2 แต่งตั้งคณะกรรมการด้านการจัดการองค์ความรู้ ( KM Team ) ซึ่งมีรองอธิบดีกรมการ ปกครองฝ่ายบริหารราชการทั่วไป เป็นประธานกรรมการ ว่าที่ ร.ต.ฐิตวัฒน เชาวลิต อธิการวิทยาลัยการปกครอง เป็นรองประธานกรรมการ มีคณะกรรมการประกอบด้วย ผู้อำนวยการสำนัก กองต่าง ๆ / และรองอธิการวิทยาลัยการปกครอง คณะกรรมการ KM นี้ทำหน้าที่ดำเนินงานบริหารจัดการ KM ของกรมการปกครอง
3 แต่งตั้งคณะทำงานจัดการองค์ความรู้ของกรมการปกครอง ( KM Working Group ) โดยมีอธิการวิทยาลัยการปกครอง เป็นหัวหน้าคณะทำงานและคณะทำงาน คือ รองอธิการวิทยาลัยการปกครอง และผู้แทนจาก สำนัก/กอง ต่าง ๆ ของกรมการปกครอง
การขับเคลื่อน KM ของกรมการปกครอง
จากการที่ กรมการปกครองได้จัดทำแผนการจัดการความรู้ ( KM Action Plan ) ซึ่งปรากฏอยู่ในเอกสารคำรับรองการปฎิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ซึ่งได้ส่งให้สำนักงาน ก.พ.ร.เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2549 แล้ว เมื่อพิจารณาเฉพาะเนื้อหาสาระในแผนดังกล่าว จะประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ1 แผนการจัดการความรู้ในส่วนของ กระบวนการจัดการความรู้ ( KM Process )
2 แผนการจัดการความรู้ในส่วนของ กระบวนการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลง ( Change
Management Process ) ซึ่งทั้ง 2 ส่วนจะมีความสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแก้ปัญหาความ ยากจน ตามขอบเขต และเป้าหมายที่กำหนดไว้ให้บรรลุผล ขณะเดียวกัน แผนการจัดการความรู้ในแต่ละส่วน ก็จะมีโครงการและกิจกรรมของแต่ละสำนัก/กอง รองรับเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ซึ่งขณะนี้มีอยู่ไม่น้อยกว่า 15 โครงการ/กิจกรรม
. เรื่องการจัดการความรู้ ( KM ) เป็นเรื่องที่อาจต้องการความรู้ความเข้าใจทางวิชาการอยู่บ้างเพราะดูจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับการทำตามขั้นตอน KM ของสำนักงาน ก.พ.ร. แต่ในความเป็นจริงแล้วการจัดการความรู้มีอยู่ในสังคมไทย มีอยู่ในกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มาเป็นเวลาช้านาน ตัวอย่างเช่นภูมิปัญญาชาวบ้านต่างๆ ศิลปะ วรรณกรรม งานฝีมือ การทำอาหารไทย ซึ่งมีการสร้าง เก็บ และถ่ายทอดความรู้และภูมิปัญญาที่มีในครอบครัว ชุมชน จากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง หรือประสบการณ์ของนักปกครองรุ่นอาวุโสที่มี คุณค่าอย่างยิ่งหลายสิ่งหลายประการที่สั่งสม และถ่ายทอดจนถึงนักปกครองรุ่นปัจจุบัน ซึ่งทำให้ฝ่ายปกครอง เป็นภาคส่วนที่สำคัญในภาคส่วนต่าง ๆ ในการปฏิบัติภารกิจของชาติบ้านเมืองให้สัมฤทธิผล
การขับเคลื่อนการจัดการความรู้ของกรมการปกครองเพื่อสนับสนุนประเด็นยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาความยากจน เป็นงานที่มีความสำคัญอีกงานหนึ่ง ที่ต้องการพลังการมีส่วนร่วมของทุก ๆท่านทั้งส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค และจะเป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการที่จะก่อเกิดการรวบรวมสะสมองค์ความรู้ การใช้ประโยชน์ และต่อยอดองค์ความรู้ในการแก้ปัญหาความยากจน ที่จะเป็นประโยชน์ทั้งต่อการทำงานของกรมการปกครองเพื่อพี่น้องประชาชน และต่อการทำงานแก้ปัญหาความยากจนในภาพรวมของประเทศต่อไป
ไม่มีความเห็น