เช้านี้
แปลกใจเมื่อเรียกแท็กซี่คันแรก ก็ยินยอมไปส่งโดยดี ไม่ทราบว่าเป็นโชคดีของทั้งคนขับหรือผู้โดยสาร (บอกได้เลยว่ายังเจอท่านโชเฟอร์ปฏิเสธอยู่เนืองๆ แต่ก็ไม่อยากเสียเวลารายงาน ก็เรียกคันต่อไป ก็เท่านั้นเองครับ)
นั่งไปสักพัก พี่คนขับก็ส่งหนังสือพิมพ์ใหม่ให้หนึ่งเล่ม พอรับมาก็เกิดความรู้สึกที่แปลกปนอึ้งขึ้นมาในขณะนั้นเลยครับ คือทบทวนได้ว่าตัวเองไม่ได้จับหนังสือพิมพ์เป็นเล่มๆ พลิกไปมาได้อย่างนี้มานานมาก นานจนจำไม่ได้ว่าครั้งล่าสุดที่อ่านหนังสือพิมพ์แบบจับต้องได้เมื่อไหร่กันแน่ รู้เลยว่านี่คงถึงจุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์แล้วละ ด้วยวิถีชีวิตคนในยุคนี้ไม่ได้ข้องแวะร้านขายหนังสือเลย การจะหาหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายแล้ว
พี่คนขับเล่าและให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการปิดตัวลงของนิตยสารรายสัปดาห์ที่เคยเป็นที่นิยมของผู้คนมากว่ายี่สิบปี ชนิดที่บอกว่าเคยมีผู้คนติดนวนิยายในนิตยสารจนงอมแงม จนต้องไปสั่งที่แผงให้สำรองไว้ให้และรีบมารับจากแผงเพื่ออ่านตอนต่อของนิยายที่เคยอ่านไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน
เหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปทั่วโลก แม้นิตยสารระดับโลกที่ลงภาพวาบหวิวก็ต้องปรับตัวและลดปริมาณการพิมพ์ลง เพิ่มช่องทางการอ่านทางดิจิตอลมากขึ้น
ผลกระทบโดยตรงน่าจะเป็นผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับกระบวนการผลิตหนังสือ การส่งหนังสือ ระบบการขาย ฯลฯ
จะว่าไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะในเมื่อการพิมพ์ลดลง การใช้กระดาษก็ลดลง ก็ลดการใช้ไม้มาทำกระดาษลดลง
คงจะเป็นกรณีที่กล่าวได้ว่า ในดีมีเสีย ในเสียก็มีดี
คงต้องจับกระแสกันต่อนะครับ
หมอสุข
สุขุม เจียมตน
ไม่มีความเห็น