ตอนเย็นระหว่างกินอาหารธรรศถามแม่ว่า
ธรรศ - คุณแม่ครับ เมื่อไหร่ธรรศถึงจะได้เงินช่วยเหลือ
แม่ - เงินช่วยหลืออะไรกันคะ
ธรรศ - ก็วันก่อนที่มีกิจกรรมพาเด็กไปดูหนัง ธรรศได้ยินน้าจี กับคุณหมอบอกว่า เค้าจะมีทุน หรือจะช่วยเด็กที่เป็นมะเร็งไงคุณแม่ ก็ธรรศเป็นมะเร็งเหมือนกัน เลยสงสัยว่าเค้าจะช่วยด้วยมั้ย
แม่ - อ๋อ มูลนิธิจัดกิจกรรมให้เด็กที่ป่วยเป็นมะเร็ง เพราะเด็กไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหน อาจจะเพราะต้องรักษาตัว ก็ต้องอยู่แต่โรงพยาบาล และใช้เงินเยอะ ส่วนธรรศน่ะ เที่ยวตลอดไม่ใช่หรือลูก ระหว่างนอนโรงพยาบาลยังออกมาเที่ยวเลย แล้วก็กลับไปนอนโรงพยาบาลใหม่ พ่อแม่พาเที่ยวเยอะแล้วไงคะเราช่วยตัวเองได้ เราก็ทำของเราเอง
ธรรศ - ครับ ก็ถามดู เพราะเห็นพูดถึงเด็กที่เป็นมะเร็ง
และเนื่องจากเมื่อช่วงบ่ายธรรศปวดศีรษะจึงนอนพัก ตอนกลางคืนจึงนอนไม่หลับ ราว 4 ทุ่ม ขณะที่แม่อาบน้ำก็ได้ยินธรรศเปิดประตูห้องนอนออกมาเพื่อไปปัสสาวะ พอแม่อาบน้ำเสร็จแม่จึงเดินไปหาธรรศในห้องนอน
แม่ - ธรรศยังไม่หลับเหรอลูก 4 ทุ่มกว่าแล้วนะ
ธรรศ - ครับ ยังไม่ง่วงเลย หาวก็ยังไม่หาว (ปกติเวลาธรรศง่วง จะเริ่มหาว)
แม่ - วันจันทร์หน้าแม่มีนัดหมอ ธรรศก็มีนัดหมอเหมือนกันนะคะ ธรรศต้องไปทำ Bone scan ดูกระดูกไงคะ
ธรรศ - แล้วทุกคนต้องทำมั้ยครับคุณแม่ หรือเฉพาะคนที่ไม่สบาย
แม่ - เฉพาะคนที่ไม่สบายที่คุณหมอเห็นว่ามันอาจเกี่ยวกับกระดูกก็ต้องตรวจกระดูก อย่างธรรศเป็นมะเร็ง แล้วเคยเจอว่ามะเร็งไปที่กระดูกด้วย ก็ต้องตรวจเป็นระยะว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ โรคกลับมาอีกหรือไม่
ธรรศ - แล้วถ้าโรคกลับมาล่ะครับ
แม่ - คุณหมอก็จะดูว่าเราจะรักษาแบบไหน หรือทำอะไรได้บ้าง เราก็มาปรึกษากันค่ะว่า “ควรทำ” อย่างไร และ ” อยาก” ทำอย่างไร
ธรรศ - คุณแม่ครับ คุณแม่เล่าให้ฟังอีกทีได้มั้ยครับว่า ตอนแรกรู้ได้ยังไงว่าธรรศเป็นมะเร็ง
แม่ - ตอนแรกธรรศไม่มีอาการอะไรเลย วันนั้นธรณ์มีผื่นที่แขน แม่เลยพาพาหาคุณหมอกิจจา คุณหมอก็ทักว่าธรรศดูเหมือนท้องป่องๆ นั่นล่ะค่ะเป็นจุดเริ่มก่อนที่จะทราบว่าธรรศเป็นมะเร็ง แล้วธรรศอยากทราบอะไรอีกคะ
ธรรศ - (เริ่มหาว) ตอนนี้ธรรศเริ่มๆ ง่วง เลยไม่ค่อยอยากทราบแล้ว แต่เรื่องของธรรศนี่มันเยอะจังนะครับคุณแม่
แม่ - ค่ะ แม่เลยต้องเขียนไว้ไงคะ จะได้ไม่ลืม เพราะธรรศเรื่องเยอะจริงๆ ด้วย วันหลังธรรศเอาเรื่องของตัวเองมาอ่านนะคะ
ที่ผ่านๆ มา แม่และลูกจะคุยกันเรื่องมะเร็งอย่างสบายๆ ธรรศก็ไม่ได้รู้สึกว่าการป่วยเป็นมะเร็งเป็นเรื่องน่ากลัว น่ากังวล หรือผิดปกติมากมาย ก็คงเหมือนแค่ว่า ถ้าป่วยก็ไปหาคุณหมอ รักษาโรคตามแนวทางที่คุณหมอแนะนำ ถึงแม้ว่าโตขึ้นธรรศก็จะเรียนรู้เรื่องโรคมะเร็งมากขึ้น แต่ในเมื่อธรรศเองก็อยู่กับโรคนี้มาตลอด ได้ยินได้ฟังและรับรู้มาตลอดว่าตัวเองเป็นมะเร็ง และก็ยังทราบด้วยว่าคนเป็นโรคมะเร็งก็ต้องตาย เพราะทุกคนก็ต้องตาย ไม่มีใครที่ไม่ตาย
มันก็เป็นเหมือนเรื่อง “ปกติ” ที่เราคุยกัน ซึ่งธรรศก็คงไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ากลัว หรือน่าตกใจ เพราะเราคุยกันแบบเป็นเรื่องปกติ ใช้ชีวิตตามปกติ และ “ยอมรับ” ความเป็นปกตินั้น
ขอบคุณรูปถ่ายฝีมือ ครูแป๋ม ศิลปะแหลมคม ค่ะ
12 พ.ค.57
ที่มา https://www.facebook.com/photo.php?fbid=4157752878...