บทความ O-Net scores rise, students still failing ใน นสพ. บางกอกโพสต์ ฉบับวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๕๙ บอกโรคเรื้อรังทางการศึกษาของประเทศ คือความไม่เป็นธรรม (inequity) ทางการศึกษา
อ่านรายละเอียดคะแนนเฉลี่ยแต่ละวิชาในนักเรียนทั้งประเทศ นักเรียนของโรงเรียนสาธิต นักเรียนในโรงเรียนในเมือง และนักเรียนของโรงเรียนในชนบทเอาเองนะครับ จะเห็นภาพความไม่เป็นธรรม ทางการศึกษา บทความบอกว่า ความรู้ของนักเรียนในชนบท ล้าหลังกว่านักเรียนในเมืองถึง ๓ ปี
บทความ National education plan needs new implementation approach ใน นสพ. เดอะเนชั่น ฉบับวันเดียวกัน บอกว่าสำนักงานสภาการศึกษาได้ยกร่างแผนพัฒนาการศึกษา ๑๕ ปี และเลขาธิการสภาการศึกษาบอกว่า ในอดีต เพียงร้อยละ ๑๕ ของแผนฯ เท่านั้น ที่มีการนำไปปฏิบัติ
บทความนี้แนะนำวิธีบริหารแผนเป็น ๓ ขั้นตอนตามแบบมาเลเซีย ซึ่งผมเห็นด้วยว่า การบริหารแผน ที่ถูกต้องมีความสำคัญยิ่ง
ผมมีความเห็นว่า แผนและการบริหารแผนการศึกษาแห่งชาติ ในเวลา ๒๐ ปีที่ผ่านมามีความผิดพลาด และยิ่งแก้ยิ่งเละ เพราะเป้าหมายผิด หลงไปจัดการที่โครงสร้างการบริหารที่กระทรวง ไม่ได้เข้าไปจัดที่ห้องเรียน ไม่ได้พุ่งเป้าที่ผลลัพธ์การเรียนรู้แบบบูรณาการของผู้เรียน เวลานี้ก็ยังหลงจัดการเพื่อยกระดับคะแนนสอบโอเน็ต เท่านั้น
ยิ่งแก้ไข ผู้ได้รับประโยชน์ยิ่งเป็นผู้บริหารในกระทรวง และผู้เสียประโยชน์ยิ่งเป็นเด็กไทย เพราะหลงมุ่งเน้นเป้าหมายที่ผิด
ผมขอเสนอให้ผู้บริหารของสภาการศึกษา และของกระทรวงศึกษาธิการอ่านหนังสือ โรงเรียนบันดาลใจ แล้วจะเข้าใจว่า แผนและการบริหารการศึกษาไทยหลงทางอย่างไร
วิจารณ์ พานิช
๒๒ มี.ค. ๕๙
ไม่มีความเห็น