การเรียนการสอนวิชาภาวะผู้นำในวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ 2559 บรรยายโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุจิน บุตรดีสุวรรณ (คณบดีคณะวิทยาการสารสนเทศ) ในประเด็น “บุคลิกภาพของผู้นำ”
การเรียนการสอนดังกล่าว เป็นการจัดการเรียนรู้ในแบบ "บันเทิงเริงปัญญา" กล่าวคือบูรณาการการบรรยายภาคทฤษฎีคู่กับการปฏิบัติการตามครรลอง “ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง” และเรียนรู้อย่างเป็น “ทีม”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุจิน บุตรดีสุวรรณ
เรียนรู้ภาคทฤษฎีแบบมีส่วนร่วม
เบื้องต้น ผู้ชวยศาสตราจารย์ ดร.สุจิน บุตรดีสุวรรณ เน้นการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับนิยามความหมายของคำว่า “ผู้นำ-ภาวะผู้นำ” และเชื่อมโยงไปยังประเด็นหลักคือ “บุคลิกภาพ” ที่ประกอบด้วยนิยามความหมาย ลักษณะที่บ่งชี้ถึงความเป็นบุคลิกภาพ เป็นต้นว่า...
โดยส่วนตัวแล้ว ผมถือว่าการบรรยายในช่วงนี้ไม่ได้มุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้แก่ผู้เรียนแบบการสื่อสารทางเดียว หรือการยัดเยียดให้กับผู้เรียนแต่เพียงฝ่ายเดียว หากแต่มีการตั้งคำถาม ชวนคิดชวนคุยเป็นระยะๆ รวมถึงการ “โยนไมค์” หรือ “ปลุกเร้า” ให้ผู้เรียนได้แสดงความคิดเห็นร่วม เสมอเหมือนการอภิปรายและตอบข้อซักถามไปในตัวอย่างเสร็จสรรพ
กระบวนการเรียนการสอนเช่นนี้ ไม่เพียงเสริมสร้างบรรยากาศในชั้นเรียนให้ดูคึกคักมีชีวิตชีวาและตื่นตัวเป็นระยะๆ เท่านั้น หากแต่ยังหมายถึงการบ่มเพาะทักษะหลายๆ อย่างแก่นิสิต เช่น การฟัง การคิดวิเคราะห์ การตั้งคำถาม การตอบคำถาม หรือกระทั่งทักษะการกล้าแสดงออก หรือสื่อสารอย่างสร้างสรรค์
ทฤษฎีสู่การปฏิบัติการกลุ่ม : เรียนรู้ตัวเองและเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวอย่างเป็นทีม
ภายหลังการบรรยายภาคทฤษฎีเดินทางไปได้สักระยะหนึ่ง ก็ถึงคราวเปลี่ยนหมุดหมายการจัดการเรียนรู้มาสู่ “กระบวนการ” เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้เพื่อทบทวนตัวเองและเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นทีม
ผู้สอน และทีมผู้ช่วยสอน ดำเนินการแบ่งนิสิตออกเป็นกลุ่มๆ โดยให้แต่ละกลุ่มได้ “โสเหล่” (แลกเปลี่ยนเรียนรู้” ผ่านประเด็นการเรียนรู้ 4 ประเด็น คือ
Hero : ต้นแบบในโลกแห่งความฝันและความจริง
ประเด็นของ ฮีโร่ (Hero) โดยส่วนตัวผมมองว่าเป็นกระบวนการที่ชวนให้นิสิตได้ทบทวนทุนชีวิตของตนเอง
ในอีกมิติหนึ่งเลยก็ว่าได้ ประหนึ่งการชั่งวัดให้เห็นถึงทัศนคติของนิสิตที่ยึดโยงบนฐานคิดความเชื่อและความศรัทธาต่อบุคคลต้นแบบ ซึ่งสั่งสมและเรียนรู้มาเป็นระยะๆ โดยอาจมีทั้งที่เป็นความจริงแตะต้องสัมผัสได้ หรือมีทั้งที่อยู่ในโลกแห่งความฝันที่เรียนรู้และซึมผ่านโลกแห่งนิยาย ละคร ภาพยนตร์ การ์ตูน ฯลฯ
และนี่คือส่วนหนึ่งที่ผู้เรียน (นิสิต) ได้สะท้อนฮีโร่ อันเป็นต้นแทบของนิสิต เป็นต้นว่า
บุคลิกภาพนิสิต : ทบทวนและวาดฝัน
กรณีประเด็นบุคลิภาพที่ควรมีและไม่ควรมีของนิสิต คือกระบวนการที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้นิสิตเกิดการทบทวนตัวเองว่าแต่ละคนมีบุคลิกภาพที่ดีและไม่ดีอย่างไร จากนั้นจึงนำมาแลกเปลี่ยนกัน แล้วขมวดเป็นประเด็นหลัก ซึ่งก็เหมือนการชวนให้นิสิตได้ทำการ “ทบทวน” หรือ “สังเคราะห์” ตัวเองผ่านมุมมองของตัวเองเป็นหลัก โดยให้มองทั้งในมุมบวกและมุมลบ (จุดแข็ง-จุดอ่อน)
เมื่อนำมารวมกันแล้ว ก็เป็นเสมือนการวางหมุดหมายร่วมกันว่าแท้ที่จริงแล้วบุคลิกภาพของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามควรเป็นอย่างไร สอดคล้องกับปรัชญา เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ ค่านิยม รวมถึงคุณลักษะที่พึงประสงค์ของนิสิตมากน้อยแค่ไหน-
และนี่คือส่วนหนึ่งที่นิสิตได้ทำการทบทวน วิเคราะห์ตัวเอง รวมถึงวาดฝันถึงบุคลิกภาพอันเป็นอุดมคติของนิสิต โดยสกัดจากประเด็นความถี่ 3-4 อันดับที่พบมากที่สุดในแต่ละกลุ่ม ดังว่า
บุคลิกภาพที่ดีของนิสิต เช่น
บุคลิกภาพที่ไม่ดี (ไม่ควรมี) ของนิสิต เช่น
มีความหมายใดในการเรียนรู้
ดังที่กล่าวข้างต้นว่าประเด็นการเรียนการสอนหรือการจัดการเรียนรู้ในวันนี้ ประเด็นหลักก็คือเรื่องบุคลิกภาพของการเป็นผู้นำ หรือในอีกความหมายหนึ่งก็คือบุคลิกภาพที่พึงประสงค์ของนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ซึ่งใช้กระบวนการให้นิสิตได้ระดมความคิดร่วมกัน แล้วสะท้อนข้อมูลต่อสาธารณะในครรลองของการแบ่งปัน หรือแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ว่าไปแล้วกระบวนการจัดการเรียนการสอนเช่นนี้ หากไม่นับประเด็น “องค์ความรู้” ที่ว่าด้วย “บุคลิกภาพ” ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือกระบวนการของการเสริมสร้างการเรียนรู้ให้นิสิตได้รู้จัก หรือฝึกทักษะสำคัญๆ หลายประเด็น ทั้งในระดับปัจเจกบุคคลและกลุ่ม/ทีม เป็นต้นว่า
ครับ-นั่นคือมุมมองของผม ส่วนผู้เรียน (นิสิต) เรียนรู้แล้ว จะได้เข้าใจ มีองค์ความรู้และทักษะดังที่ผมกล่าวอ้าง หรือไม่ คงต้องประเมินการเรียนรู้จากนิสิต ซึ่งผมและทีมงานก็กำลังวิเคราะห์ผ่าน “ใบงาน” เป็นรายบุคคล ---
เยี่ยมค่ะ...ผู้นำที่ดีในปัจจุบัน ต้องฝึกทำตน "เปิดใจ" ยอมรับกับความเป็นจริง...สิ่งใหม่ ๆ ที่เปลี่ยนแปลง (ถึงแม้จะไม่ต้องการยอมรับ แต่ผู้นำจะฝืนความเป็นจริงไม่ได้)...ไม่นำอดีตมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ควรปรับเปลี่ยนตนเองอยู่เรื่อย ๆ จะทำให้เข้ากับเด็กยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดีค่ะ...
มองเห็นภาพรวมทั้งหมดว่านิสิตได้เรียนรู้อย่างไร
สอดคล้องกับเรื่องเด่นเช่นเรื่อง บัณฑิตที่พึงประสงค์ของมหาวิทยาลัย
ชอบใจกิจกรรมการเรียนการสอนแบบนี้ที่มีการปลุกเร้าให้ตอบและการโยนไมล์ตลอดเวลา
ขอบคุณมากๆครับ
ต้นทุนดี อนาคตของชาติเหล่านี้
คงเป้นความหวังของชาติบ้านเมืองได้
ต่อไปในอนาคตนะจ๊ะ
สนุกสนาน เรียนรู้จากสังคมวงในเพื่อนกัน พร้อมสู่วงใหญ่ต่อไป
ชื่นชมกระบวนการสอน-เรียนรู้ค่ะ
ครับ พี่ บุษยมาศ
ผมเชื่อเช่นนั้นเช่นกันครับ เรื่องของการเปิดใจ เป็นคุณสมบัติสำคัญที่หนุนให้ผู้นำมีวิสัยทัศน์ที่ดี
การเปิด คือคุณสมบัติพื้นฐานที่ธรรมชาติให้เรามา เป็นประตูแห่งการเติบโต หลายครั้ง ผมเองยังเปรียบเปรยว่า การอ่าน ก็คือการเปิดดวงตาแห่งการเรียนรู้ ด้วยเช่นกัน--
ขอบพระคุณครับ
ครับ ดร.ขจิต ฝอยทอง
ผมมองว่า ถามตอบ --- ชวนตอบ หรือกระทั่งโยนไมค์ให้ตอบ ให้คุย ให้แสดงความคิดเป็นกลยุทธ หรือกระบวนการพื้นฐานของการจัดการเรียนรู้แบบง่ายสุดแล้ว อย่างน้อย ฝึกความกล้า อย่างน้อยผู้เรียนหลายคนก็อาจไม่กล้าหลับ เพราะกลัว "โยนไมค์" หล่นใส่กะบาล 555
ครับ พี่ มะเดื่อ
เราทำหน้าที่บ่มเพาะให้ดีที่สุดในแต่ละวัน
แต่โลกก็หมุนเร็ว เปลี่ยนผ่านในแต่ละวันด้วยเช่นกัน
สิ่งที่เราป้อน หรือบ่มเพาะ คือการสร้างต้นทุนให้กับผู้เรียน
ที่สุดแล้ว ก็อยู่ที่เขาแหละครับว่าจะตกผลึกแค่ไหน
และใช้สิ่งเหล่านั้น ได้ดีแค่ไหน
เท่าทันต่อโลก แค่ไหน
ใช่ครับ พี่หมอ ธิ
ต้องเรียนตามตรงว่า ชัดเจนมาโดยตลอดที่ผมมักออกแบบกระบวนการเรียนรู้จากการเรียนรู้ตัวเองเป็นหลัก จากนั้นจึงค่อยๆ เชื่อมโยงกระบวนการสู่การเรียนรู้ แบ่งปันกับคนรอบข้างใกล้ตัว... เสมอเหมือนจำลองโลกใบใหญ่เข้ามา
จึงได้แต่หวังว่า นิสิต/ผู้เรียนจะเรียนรู้ เข้าใจ ตระหนัก และมีแรงบันดาลใจในการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ครับ
โดยเฉพาะการเรียนรู้จากเรื่องใกล้ตัว ไปสู่เรื่องรอบตัว นั่นเอง
ขอบพระคุณครับ