มนุษย์เราเกิดมา...ไม่ค่อยได้ถูกสอนให้รู้จักเรื่องของ "ความจริงของชีวิต"
กันสักเท่าไหร่...รู้แค่ว่า...ได้เกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว เมื่อลืมตามองดูโลก
มุ่งที่จะเน้นไปทางความสุข...ทางด้านวัตถุ...มากกว่าจิตใจ...แข่งขัน
ชิงดี ชิงเด่นกัน อิจฉา ริษยา ดูถูก แบ่งชั้นกัน รวย - จน มี - ไม่มี สุดท้าย
ก็ตะเกียกตะกาย...กอบโกยหาสิ่งต่าง ๆ เข้ามาทดแทนในสิ่งที่ตนเองไม่มี
บางคนมีก็ไม่พอใจ...หาให้พอกพูนเพิ่มขึ้น...มีใครสักกี่คนที่พอจะรู้บ้างว่า
สิ่งที่หามานั้น...สุดท้ายก็ไม่ได้เอาติดตัวไป เมื่อถึงเวลาอำลาจากโลกนี้ไป
ทิ้งทรัพย์สมบัติทุกสิ่งให้กับโลกมนุษย์รุ่นต่อไป...มีทั้งรักษาและทำลาย
กับสิ่งที่ได้กอบโกยมา...มนุษย์ไม่ได้คำนึงถึง "ความสุข" ที่แท้จริง
ความสุขที่แท้จริง คือ ความสุขภายในใจเรา...ความสุขที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
ความสุขที่ได้แบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ๆ ที่สามารถแบ่งปันได้....เท่าที่กำลังแรง
ของเราจะแบ่งปัน เพราะแบ่งแล้วไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ นี่คือ การแบ่งปัน...
การให้ด้วยใจ ให้แล้วเกิดสุข...การไม่กล่าวร้าย ป้ายสีกัน อย่ามองแต่ตนเอง
คิดว่าดี มองคนอื่นไม่ดี...เพราะจะกลายเป็นคนคิดลบ...เป็นคนมองโลกแง่ลบ
คิดร้ายต่อผู้อื่นเสมอ...หากฝึกคิดบวก จะทำให้เป็นคนอารมณ์ดี เย็น สงบ นิ่ง
มีแต่เสียงหัวเราะ ยิ้มง่าย ไม่หงุดหงิด มองโลกในเชิงบวก...หากทุกคนฝึกได้
นั่นคือ การอยู่ร่วมกันในสังคม จะไม่ค่อยเกิดปัญหาเช่นปัจจุบัน...
จะมีใครรู้ เรื่อง การใช้ชีวิตจริง ๆ บนโลกมนุษย์นี้สักกี่คน...บางคนจนตายก็ยัง
ไม่เข้าใจว่า...เกิดมาทำไม? หาความสุขทางด้านวัตถุมากกว่าจิตใจ
นำตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่สูงกว่าต้องมีให้เท่าเขาให้ได้...บางคนก็นำ
ไปเปรียบเทียบกับคนที่ต่ำกว่าทับถมผู้ด้อยกว่า...แบบนี้ก็ไม่ใช่
หากมนุษย์เข้าใจในเรื่องของ ความพอเพียงอย่างแท้จริง...ก็จะมีสุขมากกว่า
ทุกวันนี้ จะไม่มีการคอรัปชั่น เพราะเข้าใจชีวิตที่เป็นอยู่ว่า "ความสุข" ไม่ได้
หมายถึง การที่มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่ความสุขอยู่ที่ใจ...จะมีหรือไม่มี
ก็ฝึกใจให้มีความสุข...ไม่โลภมาก...ไม่กอบโกย แค่เพื่่อให้ตนเองสุขใจ
คิดในเชิงบวกเสมอ...แต่สำหรับคนคิดบวก เมื่อมองสภาพตามความเป็นจริงใน
ปัจจุบันแล้ว ก็กลายเป็นจุดอ่อนให้กับคนที่คอยคิดลบทำลายได้เช่นกัน...
แต่หากคิดบวกแล้ว ก็ควรต้องระมัดระวังตัวไว้เท่านั้น...อย่าให้คนคิดลบมาทำลาย
เราได้...เพียงแต่ต้อง "ระมัดระวัง"...ฉันยังคิดว่า...ควรมีหลักสูตรการสอน
ในเรื่องของ "การใช้ชีวิต" ไว้ในหลักสูตรที่สอนเด็ก ๆ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้
และปฏิบัติตนเองอย่างไรมากกว่า...ที่จะสอนให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้และนำวิชาต่าง ๆ
ไปแข่งขันกัน เพราะทำให้เห็นว่า ไม่ว่ากี่รุ่นต่อกี่รุ่น...เมื่อเรียนจบ สุดท้ายก็ต้อง
สอบแข่งขันกันเอง...ควรมีการสอนในเรื่องของการใช้ชีวิตให้เป็นมากกว่า
ที่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ดำรงชีพอยู่ได้ มีความรู้พอประมาณ...การใช้ชีวิตบนโลกนี้
มากกว่าที่จะเรียนรู้แล้วนำไปแข่งขันกันเองในการทำงาน เพราะหากสอนเกี่ยวกับ
เรื่อง การใช้ชีวิตให้ทุกคนเป็นแล้ว สุดท้ายการแข่งขันก็จะลดน้อยลง...
เพราะทุกคนเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของการใช้ชีวิตเป็น...แต่ปัจจุบันกลับไม่มี
จึงเป็นปัญหามาจนถึงปัจจุบัน...และก็บอกว่า...การปฏิรูปการศึกษาล้มเหลว...
ใครกันแน่ที่ทำให้การศึกษาล้มเหลว...นโยบายชัดเจนหรือไม่...หลักสูตรที่สอน
ใช่ความเป็นจริงหรือไม่...วัตถุประสงค์เพื่อสิ่งใด...เรียนรู้กันไปเพื่ออะไร...
มีใครคิดกันสักกี่คนว่า...แล้วการใช้ชีวิตล่ะ ทุกคนเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตหรือไม่?
...
(มันดูเหมือนยาก...แต่ฉันคิดว่า...ไม่มีอะไรบนโลกใบนี้จะยากเกินไป...
หากทุกคนร่วมมือกันทำ...เพราะไม่เช่นนั้น ก็เป็นปัญหาไปจนถึงรุ่นลูก หลาน เหลน ฯลฯ)
ต่อให้แก้อย่างไร...ก็ไม่มีทาง หากทุกคนไม่เข้าใจชีวิตที่แท้จริง...
...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๗ ตุลาคม ๒๕๕๘
พี่เขียนได้จับใจเลย...การปฏิรูปการศึกษาล้มเหลว...
ใครกันแน่ที่ทำให้การศึกษาล้มเหลว...นโยบายชัดเจนหรือไม่...หลักสูตรที่สอน
ใช่ความเป็นจริงหรือไม่...วัตถุประสงค์เพื่อสิ่งใด...เรียนรู้กันไปเพื่ออะไร...
มีใครคิดกันสักกี่คนว่า...แล้วการใช้ชีวิตล่ะ ทุกคนเข้าใจความเป็นจริงของชีวิตหรือไม่?
..
ขอบคุณพี่บุษฯมากนะครับ
ขอบคุณค่ะ คุณแสง... ขอเขียนตามความเป็นจริงนะคะ...เพราะคิดว่า...การศึกษาหลงทางกันมามากเลยค่ะ...สุดท้ายก็มาให้พวกเราได้เรียนรู้ "ชีวิต" กันเอง...คิดว่า น่าจะมีบรรจุไว้ในหลักสูตร หรือมีนโยบายที่ชัดเจนมากกว่านะคะ...แก้ให้ถูกจุด (กันไว้ก่อนที่จะต้องมาแก้ไขภายหลังค่ะ)...นี่คือ นิสัยของคนไทย ไม่ค่อยคิดวางแผนไว้ก่อน...ทำไปแบบไม่คิดถึงความเป็นจริง...สุดท้ายก็ได้ความไม่เป็นจริง...แล้วจะเรียกร้องกับใครกัน...ในฐานะที่ทำงานบุคคลมา จึงมองเห็นภาพในปัจจุบันได้อย่างชัดเจนเลยค่ะ...
ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ