เมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาทีมผู้จัดฯ
ประกอบไปด้วย อ.สพสวัสดิ์ ทองเทพ วิทยากรหลัก และลุงเสิด
วิทยากรกระบวนการและเจ้าหน้าที่คลินิกทั้งสองคน ได้จัดอบรมการรักษาโรคด้วยไทยกัวซา
ในกิจกรรมนี้ไม่ได้ใช้งบประมาณ โดยได้รับเงินจากการลงทะเบียนคนละ 500 บาท สำหรับ ผู้สมัครปกติ และคนละ 200 บาท สำหรับผู้เคยเข้าอบรมมาก่อน รวมได้เงิน 7,500 บาท
ใช้จ่ายค่าอาหารทั้งสองวัน รวมเป็นเงิน 3,520 บาท
จึงเหลือเงินไว้ใช้ในการจัดกิจกรรมอบรมในหลักสูตรส่งเสริมสุขภาพเดือนหน้าเพื่อซื้ออาหารเลี้ยงผู้เข้าอบรมฯ
มากถึง 3,980 บาท
นับได้ว่าผู้เข้าอบรมที่จ่ายเงินลงทะเบียนเป็นผู้ร่วมให้ทุนในการจัดกิจกรรมเติมความรู้ต่อความดีให้รุ่นน้องอย่างแท้จริง
การอบรมครั้งนี้ ลุงเสิดและ อ.กบ (สพสวัสดิ์) ได้สรุปบทเรียนพอได้เนื้อหาว่า
การประเมินความเข้าใจเนื้อหาที่จัดให้ ผู้เข้าอบรม
ที่ผ่านการอบรมกับลุงเสิดตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ สามารถเรียนรู้ได้เร็วและทำความเข้าใจเนื้อหาต่อเนื่องได้เป็นอย่างดี แน่นอนว่าผู้ไม่ได้เรียนรู้เนื้อเบื้องต้นมาก่อนย่อมไม่รู้เรื่องและตามไม่ทันแถมมีข้อคำถามตลอดเวลาทำให้เสียเวลาในการช่วยทำความเข้าใจอย่างมาก
ความจริงเราไม่ได้รับสมัครไว้แต่แรกเพราะคาดการไว้ล่วงหน้าแล้วจากกิจกรรมที่เคยจัดมาก่อนแต่ผู้อบรมอาศัยมาสมัครหน้างานเลยทำให้ปฏิเสธไม่ได้
การประเมินด้านทักษะการปฏิบัติการ
แม้ผู้เข้าอบรมจะยังไม่สามารถปฏิบัติได้ตามเป้าหมายที่เรากำหนดไว้
แต่ก็มีแนวโน้มที่ดีในความเข้าใจในหลักการที่เป็นสากล
ซึ่งจะทำให้พัฒนาศักยภาพตนเองได้ในอนาคต ด้านความพึงพอใจในกิจกรรม
ถ้าวัดจากเนื้อหาในหลักสูตรจัดว่าได้คะแนนในระดับที่พอใจ
ผู้เข้าอบรมรุ่นนี้พอใจในการบรรยายมากกว่ากิจกรรมการฝึกปฏิบัติ
เนื่องจากเป็นมือใหม่ในการให้บริการสุขภาพและยังทำงานด้านกัวซาไม่มากเท่าที่ควร เป็นที่สังเกตว่าผู้เข้าอบรมส่วนใหญ่สนใจในการอุดหนุนผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในคลินิก
มากพอสมควร
เพราะแต่ละท่านจับจ่ายราวกับเป็นมหกรรมสินค้าทั้งที่ของก็เหมือนเดิมแถมใส่ตู้เก็บไว้ไม่ได้เอาอะไรออกมาโชว์
และในเรื่องนี้ทางคลินิกฯ
ถือว่าท่านเป็นผู้ให้ความอุปการคุณอย่างยิ่ง เพราะสินค้าของเราสามารถกระจายรายได้ไปสู่กลุ่มผู้ผลิตอย่างแท้จริง
เท่ากับเป็นการร่วมสร้างสังคมไทยให้น่าอยู่และมีความสุขยิ่งขึ้น
แต่มีสิ่งที่น่าเสียดายอีกอย่าง คือในวันที่สองของการอบรม
เราเปิดให้บริการตามปกติโดยมีความคาดหวังว่าอยากให้ผู้เข้าอบรมสังเกตกระบวนการรับคนไข้
ตรวจวินิจฉัย และรักษา จากมืออาชีพจริงๆ เพราะคนไข้ที่มามีเกือบทุกโรคที่ได้อบรมฯ
แต่แทบไม่ได้มีใครสนใจที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ตรงๆ ที่อยู่ตรงหน้า
จนลุงเสิดต้องเริ่มอบรมซ้ำเรื่องเดียวกับเหตุการณ์จริงที่เกิดอยู่ข้างๆ และผู้เข้าอบรมก็สมารถเข้าสู่เนื้อหาได้ราวกับถูกสะกดจิตเพราะให้การบรรยายจนทำให้เพิ่มเติมเนื้อหาส่วนอื่นให้จนเกินเวลาที่เคยจัดมาสรุปแล้วต้องปิดการอบรมเกือบหกโมงเย็นเพราะความกระตือรือร้นของผู้เข้าอบรมนั่นเอง
ไม่มีความเห็น