เกือบครบหนึ่งปีตั้งแต่เม.ย. 2557 ดร.ป๊อปมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนากิจกรรมบำบัดศึกษาให้เกิดอย่างเป็นระบบแก่อาจารย์ นักศึกษา และผู้สนใจศาสตร์และศิลป์ทางกิจกรรมบำบัด แต่การเปลี่ยนทัศนคติของคนที่ต่างจริตย่อมมีอุปสรรคให้ท้าทายสุขภาวะอยู่เสมอ ขอบพระคุณทุกท่านโดยเฉพาะนักศึกษาที่น่าจะแกร่งขึ้นจากอารมณ์กับการรู้คิดในบทบาทผู้จุดประกายอย่างผมอป
ผมกำลังเรียนรู้และใส่ใจในคุณภาพทักษะศตวรรษที่ 21 ของนศ.กิจกรรมบำบัด ปี 1-4 ม.มหิดล เป็นหลัก คลิกศึกษาได้
ที่นี่ [Acknowledgement: ROUTE 21]
สรุปการเรียนรู้แบบตื่นรู้ อยู่ตัว หัวใจงาม แบบดร.ป๊อป คือ นักศึกษาเรียนรู้ผ่านกรณีศึกษา (Case-based Learning) และคิดวิเคราะห์บริบทในโลกความเป็นจริง (Real world-based Learning) พร้อมมีการเรียนรู้ผ่านกระบวนการสืบสอบ (Inquiry-based Learning) ให้เรียบเรียงกรณีศึกษาและมีงานค้นคว้าข้อมูล (Task-based Learning) เพื่อสรุปหลักฐานเชิงประจักษ์แบบ Mind Mapping โดยทำงานกับกลุ่มของตนเอง มีการนำเสนอแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกลุ่มอื่นๆ และให้แต่ละสมาชิกนอกกลุ่มทำหน้าที่สะท้อนความคิดเห็นด้วยเชิงสร้างสรรค์ด้วย
ผมจึงขอบันทึกถอดบทเรียนหลังจากอ.แอนกับดร.ป๊อปได้พยายามปรับรูปแบบกระบวนการเรียนรู้ในชั้นเรียนกิจกรรมบำบัดเพื่อสุขภาพจิตในนศ.ปี 3 จำนวน 18 คน ดังนี้:-
1. หลังจากเรียนกับอ.ป๊อปไปในหัวข้อต่างๆ นักศึกษามีการเปลี่ยนแปลงทักษะด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนอย่างไร (จาก 0 ไม่เปลี่ยนแปลง ถึง 10 เปลี่ยนแปลงมากที่สุด) พร้อมเหตุผล
-
การฟัง (6.94 คะแนนเฉลี่ย): ยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก ฟังแล้วจับใจความไม่ได้บางเรื่อง การเรียนแบบ Active Learning ทำให้เราต้องสนใจฟัง ฟังได้ละเอียดมากขึ้น ไม่มีเอกสารแจกทำให้ฟังจับใจความมากขึ้น ต้องตั้งใจฟังแล้วจดเอง ยังต้องพัฒนาฟังมากขึ้น ตั้งคำถามจากการฟังมากขึ้น พยายามจับใจความประเด็นหลัก เรียนรู้จากการฟังอย่างตั้งใจมากขึ้น ฟังเข้าใจจนประยุกต์การเรียนกับการจัดกิจกรรมได้ ฟังสรุปจับใจความคำพูดของอาจารย์ได้ ฟังแล้วคิดตามมากขึ้น
-
การพูด (6.47 คะแนนเฉลี่ย): แสดงความคิดเห็นดีขึ้น นึกคำพูดได้ไม่เร็ว ใช้เวลาคิดก่อนพูด ฝึกให้เข้าใจความรู้ก่อนนำเสนอ เสียความมั่นใจในการพูด ได้จัดกลุ่มกิจกรรมกับผู้รับบริการบ่อยขึ้น พูดนำเสนองานมากขึ้น มีโอกาสพูดต่อหน้าเพื่อน กล้าแสดงออก คิดเร็วมากขึ้น ยังต้องพัฒนาการถามมากขึ้น กล้าพูด แสดงออก และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าดีขึ้น ฝึกพูดกับผู้รับบริการตัวต่อตัวและเป็นกลุ่ม มีความมั่นใจในการพูดหน้าชั้นเรียนมากขึ้น ฝึกเตรียมตัวในการฝึกพูด มีทักษะพูดไหลลื่นขึ้น ฝึกพูดนำเสนอ-นำกลุ่ม-สอนเพื่อน
-
การอ่าน (6.74 คะแนนเฉลี่ย): จับใจความเนื้อหาวารสารวิชาการได้ชัดเจน ไม่ต้องเปิดพจนานุกรม อ่านภาษาอังกฤษหลายรอบ ยากและนานกว่าจะเข้าใจ บางทีในห้องเรียนเนื้อหาไม่ชัดทำให้ต้องอ่านจากนอกห้องเรียน สืบค้นวารสารวิชาการมากขึ้น ยังคงต้องพัฒนาซ้ำๆมากกว่านี้ ได้เทคนิคการอ่านหลักฐานเชิงประจักษ์ ไม่มีเวลาทบทวนเนื้อหาจึงอ่านได้ไม่มากทั้งๆที่อยากหาความรู้เอง สามารถอ้างอิงข้อมูลใหม่ๆมากขึ้น ยังมีสมาธิในการอ่านไม่เพียงพอ หาหลักฐานเชิงประจักษ์ซึ่งปกติไม่ค่อยอ่านหนังสือ ทำให้ได้แนวทางบำบัดใหม่ๆมากขึ้น ไม่มีเนื้อหาการเรียนให้อ่านเลยจับต้องไม่ได้
-
การเขียน (6.44 คะแนนเฉลี่ย): ยังเขียนจากความจำมากกว่าความเข้าใจ เขียนวนไปมา พยายามเรียบเรียงประโยคให้คนอ่านรู้เรื่อง เรียนไม่มีเอกสารเลยยากที่จะเขียนอธิบายเล็กน้อย รู้จักการเขียนและเรียบเรียงความคิดแบบ Mind Mapping ได้ถูกหลัก เขียนบรรยาย-งาน-ข้อสอบเยอะมาก ต้องคิดหาข้อมูลออกมาเขียนให้ได้ ต้องสรุปความ อ่านยังไม่ครอบคลุมเลยเขียนไม่ดีพอ เขียนกรองจังประเด็นได้ดี มีความอดทนในการเขียนได้นานและเยอะขึ้น ยังเขียนไม่เป็นระบบแม้ว่าจะฟัง พูด อ่าน ได้ดีขึ้น เขียนเคสเป็นรูปธรรมมากขึ้น เขียนสรุปความได้ดีขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีพอ
2. หลังจากเรียนกับอ.ป๊อป ให้นักศึกษาแสดงความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา เพื่อการปรับปรุงการเรียนการสอนในปีการศึกษาถัดไป
- งงๆ ไม่รู้ทิศทางว่าต้องเริ่มจากตรงไหน อยากให้อาจารย์มี guide ที่ไม่ structure อยากได้กระบวนการที่เราเรียนรู้ใหม่ๆ ขอบคุณที่พาไปจัดกลุ่มที่สมเด็จเจ้าพระยา ทำให้เห็นภาพจริงๆ แต่ตอนสังเกตเคสมันงง ควรสังเกตหนึ่งเคสคนเดียวแล้วจัดกิจกรรม 3 ครั้งจะได้มองเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น สังเกตส่งต่อหลายคนแล้วสับสน และควรสอนการใช้แบบประเมินมาตราฐาน
- วิชานี้ทำความเข้าใจเรื่องซับซ้อน อยากให้อาจารย์แนะนำภาพที่ชัดเจนกว่านี้ ดูเป็น Abstract แต่ชอบที่ให้ปฏิบัติจริงที่สมเด็จเจ้าพระยา อยากให้ชี้นำแนวทางการประเมินและการจัดกิจกรรมการรักษาให้ชัดเจน
- Active Learning เป็นสิ่งที่แปลกใหม่ ไม่มีชีท ให้เราเรียนรู้เองผ่านการเห็นเคสและทำกิจกรรม ชอบและไม่ง่วง ตื่นรู้ตลอดเวลาและจำได้จากการลองทำกิจกรรม แต่สับสนไม่เห็นภาพในบางอย่าง เช่น กรอบและกิจกรรมที่เหมาะสมกับระดับการรู้คิดของเคส อยากให้อาจารย์สอนพื้นฐานให้เราเข้าใจก่อน จะทำให้เรียนมีความสุขสนุกมากขึ้น
- ชอบที่อาจารย์มีความรู้และแนะนำได้ดี แต่อาจารย์ยังไม่เห็นกระบวนการเรียนรู้ของนศ.และกระบวนการสอนของอาจารย์ท่านอื่นๆ อยากให้อาจารย์ลงมาสอนหรือแนะนำแนวการสอนทุกรายวิชา เพราะอาจารย์แต่ละคนมีแนวคิดต่างกัน อยากให้อาจารย์ทุกท่านมีแนวทางกิจกรรมบำบัดที่นำไปใช้ได้จริง
- การเรียนครั้งนี้ทำให้รู้ฝ่ายจิตเล็กน้อย แต่ยังไม่มากพอที่จะเอาไปใช้กับคนไข้จริงได้ เพราะไม่มีหลักการและวิธีการที่แน่นอนที่จะมาเป็นหลักให้หนูคิดต่อและประยุกต์ใช้จริงๆ อาจารย์สอนหลักการให้เราน้อยไป
- ยังไม่เข้าใจมากนัก ยังทำกระบวนการรักษาไม่ครบ อยากให้อาจารย์สอนหลักการแล้วยกตัวอย่างการรักษาให้ชัดเจนมากขึ้น แต่พอได้ไปทำกิจกรรมที่สมเด็จเจ้าพระยาที่เป็นผู้นำกลุ่ม ก็เข้าใจมากขึ้น แต่ยังไม่ครอบคลุมเพราะยังไม่มีหลักชัดเจน
- ไม่สามารถจับประเด็นได้ตรงกับสิ่งที่อาจารย์กำลังจะสอน อาจจะสอนก่อนแล้วให้ช่วยกันคิดช่วยกันทำในเคสนั้นๆ การไปเจอเคสทำกลุ่มจริงที่สมเด็จเจ้าพระยาเป็นสิ่งที่ดีมาก ได้ลองผิดลองถูก ได้ Feedback ดีจากพี่ๆที่นั้น แต่เป้าประสงค์ในแต่ละครั้งไม่ชัดเจนทำให้ประเมินมาตราฐานไม่กล้าที่จะเลือกใช้จริง
- เรียนกับอาจารย์ต้องจดเนื้อหาทุกครั้ง ได้ฝึกฟัง-มอง-เขียนพร้อมกันเลยข้อมูลตกหล่น ตามไม่ทัน
- ชอบที่ได้เรียนและรู้สึกได้ถึงความตั้งใจทุ่มเทของอาจารย์ แสดงความคิดเห็นและถามคำถามทันที อยากให้อาจารย์สรุปบทเรียนและเป้าประสงค์ของการเรียนอีกครั้งจะขมวดปมได้ว่า วันนี้เราต้องได้อะไรในคาบนี้
- ชอบการเรียนแบบนี้ทำให้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น แต่อยากได้กำหนดเคสแล้วมาอภิปรายหลักการให้ตรงกัน อยาก approach เดี่ยวที่สมเด็จเจ้าพระยา อยากให้เฉลยข้อสอบว่าที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
- ชอบการเรียนแบบนี้ ทำให้ได้ความรู้จดจำได้จริงๆ แต่การสอบแบบ take home มีเวลากำหนดและมีภาระรายวิชาอื่นๆ ทำให้ทำได้ไม่ไดั เสียใจที่ทุ่มเทกับตัวพรีเซ็นต์ แต่งานออกมาไม่เป็นที่พอใจของอาจารย์ รู้สึกเสียใจ
- อยากให้อาจารย์ทำแบบทดสอบเนื้อหาความรู้ ไม่ใช่วัดคะแนน แล้วเสริมสิ่งที่นักเรียนยังขาด ควรเพิ่มการสอนเป็นสังเกตเคสระหว่างสอนกับมีการทบทวนความรู้ด้วยการสอบปฏิบัติบ่อยๆ
- เป็นคาบเรียนที่อาจารย์ต้องเตรียมพลังงานมาเยอะมาก อาจารย์เป็นที่ปรึกษา เวลาถามอะไรอาจารย์จะคอยให้คำปรึกษาที่ดีเสมอ ทำให้มีกำลังใจในการเรียนต่อ บางครั้งเรียนก็เครียดเพราะความเชื่อมั่นในตัวเองมีน้อย รู้สึกว่า โจทย์ของอาจารย์ค่อนข้างยากเพราะกลัวทำไปไม่ตรงกับที่อาจารย์ต้องการ ชอบที่อาจารย์เล่าประสบการณ์ในการทำเคสเยอะๆ เพราะจะคอยจำว่า อาจารย์ใช้วิธีการยังไง ทำอย่างไรบ้างกับคนที่มีอาการแบบนั้น อยากให้อาจารย์คอยแชร์อยู่เสมอๆ ถ้าได้เจอเคสจริงก็จะได้ทำตามที่อาจารย์เล่าเป็นแนวทางให้ฟัง
- อาจารย์ทุ่มเทให้กิจกรรมบำบัดมาก เวลาเห็นแล้วมีพลังในการเรียนตลอด คิดว่าอยากจะเป็นนักกิจกรรมบำบัดที่เก่งและมีความสุขในอนาคตเลย อาจารย์สู้ๆ
- ไม่เข้าใจว่า ถ้าเขียนเยอะก็จะได้คะแนนเยอะหรอค่ะ เห็นอาจารย์พูดซ้ำว่า กระดาษที่ให้ไม่ได้เขียนแค่นั่นนะ เอากระดาษเพิ่มได้นะ ในคาบเรียนไม่ทำให้รู้จักฝ่ายจิตเพิ่มมากขึ้นเท่าไร แต่จะไปได้จากการไปทำกลุ่มที่สมเด็จมากกว่า รู้ว่าอาจารย์อยากให้ประยุกต์ความรู้เอง แต่ก่อนที่จะนำความรู้มาประยุกต์ ก็ต้องมีความรู้ให้มากพอก่อน อาจารย์สอนมามันยังไม่เห็นภาพเท่าไร
- สนุกมาก ชอบเรียนกับอาจารย์ ตัวเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา ความรู้ที่ได้น่าสนใจ สามารถนำไปใช้ได้จริง เห็นกิจกรรมบำบัดเป็นรูปธรรมมากขึ้น ที่พยายามเรียนเพราะเห็นตัวอย่างจากอาจารย์ ที่ใฝ่รู้ใฝ่เรียนอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยถือตัวว่าเป็นอาจารย์ และพยายามแก้ไขปัญหาดูแลนักศึกษาทุกคน ทำให้เห็นกระบวนการคิดของกิจกรรมบำบัดที่แท้จริง แต่ก็มีการบ้านที่เยอะจนเครียดและไม่ได้ทำวิชาอื่น
- เกิดมาเพิ่งเคยพบอาจารย์ป๊อปนี่แหละที่ทำ Active learning ได้ดีที่สุด แต่อยากให้เป็นกระบวนการทางกิจกรรมบำบัดมากกว่าว่าต้องทำยังไงบ้าง อาจารย์ฟังความคิดเห็นของนศ.ทุกคนจริง ถ้าปลูกฝังตั้งแต่ปี 1 จะทำให้เข้าใจมากขึ้น พวกเราอยู่ปี 3 แล้วปรับมาเป็น Active กระทันหันจึงทำให้เพื่อนๆ ที่เรียนแบบ Passive นั้นปรับตัวไม่ทัน
- ชอบที่มีการให้ไปเจอกับผู้รับบริการจริง ลงมือทำจริง แต่ก่อนที่จะลงมือทำ ควรจะได้วิธีการก่อน และวิธีการนั้นควรมาจากการสอนที่ถูกต้องและเหมาะสม