๑) โลกไทย
-------ไทยคือเทศ เขตถิ่น ดินเฉพาะ
ที่บ่มเพาะ ให้ก่อเกิด กำเนิดสาย
เผ่าชนเชื้อ เนื้อเลือด เหือดเป็นไทย
บนไผท แห่งโลก ปกป้องมา
----------บรรพบุรุษ ขุดดิน เลือดรินหลั่ง
เพื่อก่อสร้าง วางกำแพง ให้แข็งหนา
เพื่อป้องกัน บ้านเมือง เนืองน้ำตา
เอาเวลา เอาชีวิต พิชิตชัย
----------ผู้นำดี มีชัย ไปกว่าครึ่ง
กษัตริยา คือที่พึ่ง เป็นหนึ่งไท้
ทั้งกอบกู้ ขู่ฆ่า ราวีไว
เพื่อให้ไทย ได้เป็นไท ในเอเชีย
---------ประเทศไทย ในวันนี้ มีปัญหา
ที่ผ่านมา ฆ่าแกง แย่งกินเหี้ย
ไทยฆ่าไทย ใจฆ่าตัว ผัวฆ่าเมีย
จนท้องเสีย เพลียอ่อน จนร้อนกาย
----------ราษฎร์ไทย หลายทัศน์ ขัดแย้งย้อน
แบ่งเป็นก้อน เกาะกัด ขัดเป็นสาย
แบ่งเป็นสี บีฑา ด่ากระจาย
เดือดเป็นไฟ ไร้เพื่อน มาเตือนตน
---------เมื่อทิฎฐิ วิถีทัศน์ บำบัดยาก
อาการหนัก เรื้อรัง ยังไม่สน
ทหารกล้า หน้ายักษ์ รักษาคน
มาล้างพล ล้างทัศน์ ขจัดภัย
----------จนทำให้ ไทยวันนี้ มีภาพลักษณ์
โลกก็อยาก มาพักพิง อิงอาศัย
เป็นเมืองธรรม ธรรมชาติ สะอาดใจ
เป็นเมืองไท ได้เสพสุข ทุกเวลา
๒) ธรรมชาติ
--------ไทยเป็นถิ่น ดินเกษตร เขตไร่สวน
ป่าพืชล้วน ชวนชม อุดมค่า
น้ำชุ่มฉ่ำ ดินดำ ตามท้องนา
อีกปูปลา หน้าฝน ก็ล้นเนือง
---------จะเที่ยวเขา เนาป่า แลหาสัตว์
ดูทิวทัศน์ วัดวา อารามเหลือง
วิถีราษฎร์ ปราชญ์ไทย ใฝ่รุ่งเรือง
จนชาวเมือง เยื้องย้าย ไหลไปชม
----------ธรรมชาติ หาดทราย ที่หมายมอง
คนทั้งผอง มองหมาย ไปถ่ายขม
ทั้งต่างชาติ มาดมุ่ง จูงมือชม
นั่งตาก-ลม ชมแดด ให้แผดกาย
---------จะลงน้ำ ดำทะเล ไปเหล่สัตว์
ให้ปลากัด ขัดผิวหนัง อย่างเสียวไส้
มุดมองป่า ปะการัง อย่างเพลินใจ
ปลาหลากหลาย ใต้น้ำ ตามทะเล
---------จะเที่ยวเมือง เรืองธรรม ย่ำวิถี
ชาติไทยมี วิถีไทย ได้สรวลเส
วัฒนธรรม อันล้ำค่า ในอาคเนย์
มีพื้นเพ ประเพณี เป็นศรีเมือง
----------แต่คนไทย ในวันนี้ ย่ำยีราก
ชาชินหนัก ไม่รักษ์ไทย ให้เป็นเหมือง
กายเป็นไทย ใจเป็นเทศ ข้ามเขตเมือง
วัฒน์รุ่งเรือง ผสมผสาน จนฐานพัง
---------จิตสำนึก ในชาติ ก็ขาดสิ้น
ไม่รักถิ่น ดินท้องที่ มีภูมิหลัง
ทำลายชาติ ธรรมชาติ ขาดปลูกฝัง
เอาอัตตา เป็นตัวตั้ง หวังเพื่อตน
---------จึงต่างคน ต่างขน ต่างโยนผิด
ไม่รับผิด คิดร่วมใจ ไร้ใจสน
ปล่อยปละปลง ลงไว้ ให้รัฐตน
กลายเป็นคน คือมลพิษ จิตรากลอย
๓) สังคม
--------สังคมไทย ในอดีต คือมิตรแท้
ยังแน่วแน่ ในท้องถิ่น กินปลาหอย
ใครไปเยือน เหมือนมิตร จิตไม่ลอย
มีรักร้อย ห้อยธรรม นำชีวี
--------มีศาสนา พาใจ ให้สำรวม
ไม่หละหลวม ลืมตัว ชั่วหมองศรี
จึงเกรงกลัว ชั่วบาป สาปชีวี
เป็นวิถี ชี้นำ ให้กรรมกรอง
---------มีครอบครัว มีรั้วกั้น ไม่หวั่นไหว
ปู่ตายาย ดูแล คอยแก้ข้อง
มีลูกหลาน สานจิต พิจครรลอง
ความมัวหมอง ไม่ข้องขัด วัฒนา
----------สังคมคน ไม่ป่นปี่ มีจิตหยาบ
ยังกลัวบาป กลัวกรรม ตามผลา
มีศีลธรรม นำใจ ไม่โรยรา
สื่อออกมา เป็นมวลจิต ชีวิตไทย
----------แต่สังคม คนไทย ในวันนี้
ไม่ปราณี แต่บีฑา ฆ่ากันง่าย
ปล้นจี้ ชิงทรัพย์ ไม่อับอาย
เป็นชู้ง่าย ไม่อายตัว มั่วกามา
---------อีกวจี จี้ด่า มายาชัด
สารพัด กัดจิก หยิกภาษา
อีกโพสต์คลิป บีบบังคับ ของลับมา
นี่คือหน้า คนไทย ในยุคนี้
---------เรื่องดื่มเหล้า เมายา สารพัด
ถิ่นแออัด วัดสลัม ทำบัดสี
หรือคนไทย ได้อิสระ มาฟรีๆ
จึงไม่มี รากเหง้า ขัดเกลาตน
---------สังคมไทย ในวันนี้ มีหลายเผ่า
จึงผ่าเหล่า เคล้าแหง่ง ทุกแห่งหน
เชื้อต่างชาติ ชาติต่างเผ่า เราปะปน
กลายเป็นคน "อินเตอร์" แต่เบอร์ไทย
๔) ชีวิต
----------สมัยก่อน ย้อนรอย เป็นร้อยปี
ไทยนี้มี มีเชื้อชาติ วงษ์วาดไหน
จีนมอญลาว คือเหง้าราก สลักไทย
เราแยกย้าย กลายสยาม เป็นนามตน
---------ต้นชีวิต มีรากเหง้า เผ่าพ่อแม่
แต่ที่แท้ รากเหง้า คือน้ำฝน
น้ำคือแหล่ง แอ่งชีวิต มิตรปวงชน
ทุกๆคน ต้องยลยิน ทั้งกินใช้
----------ป่าคือแม่ ผู้แปรพักต์ รักษาน้ำ
สัตว์คือพ่อ ผู้ค้ำจุน หนุนขยาย
ดินคืออ่าง เขื่อนกั้น สร้างสรรค์ไพร
ให้มวลไม้ สัตว์ป่า พึ่งพากัน
----------ชีวิตคน พ้นกรรม จากถ้ำป่า
มาตั้งท่า นครเรือง เมืองสวรรค์
มาสร้างบ้าน อาคารตึก นึกคิดกัน
จินตนาการ สานสร้าง เป็นผังเมือง
----------ชีวิตล้น คนเมือง รุ่งเรืองยุ่ง
อยู่เหมือนยุง มุ่งมั่น ต้องฝันเฟื่อง
ต้องอดทน ทนคน ที่ล้นเมือง
จะย้ายเยื่อง ไปไหน ต้องใช้เงิน
-----------ยิ่งอยู่เมือง เนืองนาน ชีวันซีด
เพราะดวงจิต วิญญาณ ยิ่งหั่นเหิน
หนีเยื่อใย ธรรมชาติ ขาดนานเกิน
จิตเผชิญ ทุกข์ถม ระทมใจ
----------จึงหาทาง วางมือ สื่อหาราก
จึงหาหลัก รักษ์ใจ มิให้ไหว
แสวงหา ดิน-น้ำ ธรรมค้ำใจ
เข้าดงไพร ป่าเขา บรรเทาตัว
-----------ชั่งน่าแปลก แตกต่าง ทางวิถี
คนจนหนี ป่าเขา เข้าเมืองสัว
คนเมืองหนี เข้าป่า รักษาตัว
ชีวิตรั่ว ตัวใจ ไร้หลักพิง
๕) เวลา
---------วันเวลา นาที มีกันทั่ว
๒๔ ชั่ว โมงยาม ตามโลกวิ่ง
วันคืนคูณ หมุนเวียน เสถียรจริง
สรรพสิ่ง พิงพึ่ง จนถึงกาล
---------ช่วงเวลา หน้าฤดู ดูผิดแผก
เกิดความแปลก แตกต่าง อย่างมหันต์
อากาศร้อน นอนนั่ง อย่างทรมาน
หน้าหนาวสั่น สะบั้นกาย จนไข้กิน
----------ยามหน้าฝน ก็ล้นหลาก มากมายนัก
ท่วมอ่วมหนัก ภักษา ข้าวกล้าสิ้น
พายุแรง แข็งข่ม ขย่มภินท์
น้ำไฟดิน ถิ่นพืชป่า จึงปราชัย
-----------เวลา(ของ)คน ไม่พ้นกิจ ชีวิตนี้
ใช้ชีวี จี้งาน จนกาลหาย
จิตทุ่มเท เซซัด ไปจัดกาย
หารายได้ เพื่อจ่ายเลี้ยง ไม่เกี่ยงงาน
----------งานคือเงิน เงินคืออาหาร สมานทุกข์
มีทางปลุก ให้สนุก สุขสนาน
ใช้ชีวิต ติดตามโลก งกตามกัน
จึงแข่งขัน งานกิจ พิชิตรวย
----------มีเวลา วันหยุด เป็นจุดพัก
คอยฟูมฟัก รักษ์ตัว ไม่กลัวม้วย
มวลทรัพย์สิน เงินทอง กองอำนวย
ยามเจ็บป่วย ช่วยได้ แต่ใจจน
----------วันเวลา นาที ที่มีค่า
คือรักษา ดวงจิต ไร้พิษผล
ก่อนจะลา กายโลก ไม่โศกจน
จิตเสียพล กลใจ ไปอย่างงาม
๖) สัตว์
----------โลกจะสวย ด้วยศิลป์ ไม่สิ้นสี
โลกจะมี สมดุล หนุนสยาม
สร้างสัมพันธ์ ฟั่นนิเวศ ทุกเขตคาม
ให้งดงาม ตามธรรมชาติ คือสัตว์ไพร
---------หมู่แมลง แต่งโลก ให้ดกดื่น
ช่วยพลิกฟื้น ผืนดิน ถิ่นอาศัย
รักษากฎ กำหนดพันธุ์ ไม่บรรลัย
ให้พืชได้ ขยายผล ตามกลกาล
----------อีกหมู่สัตว์ จัดกระจาย ให้พืชผล
ให้ผู้คน พึ่งพา เป็นอาหาร
ให้พืชงอก ดอกงาม ตามกลกาล
ดอกเบ่งบาน ละลานตา นานาสี
-----------เมืองไทย มีไม้งาม ธรรมชาติ
อีกมีสัตว์ มากมาย อยู่หลายที่
เราชื่นชม สมใจ ในไพรมี
ในฤดี มีเยื่อใย ใฝ่รักษ์หรือ
-----------มีนักล่า ฆ่าสัตว์ สัตว์สงวน
ลดจำนวน มวลมาก ตามหลักสื่อ
นำไปขาย ให้ต่างชาติ ระบาดบือ
พวกรับซื้อ ถือเป็นยา ราคาแพง
----------สมองลิง หนังสิงโต งาโงโง้ง
สัตว์ในวงศ์ เสือหมี ดีทั้งแผง
งูมีพิษ ฤทธา ราคาแพง
ร้านผัดแกง แย่งซื้อ ถือสรรพคุณ
-----------นี่หรือคือ พวกมนุษย์ สุดประเสริฐ
ชอบรสเลิศ อาหารป่า หน้าสถุน
กินสัตว์ป่า ล่าสัตว์ ขาดสมดุล
ใครจะหนุน โลกยั้ง เมื่อพังครืน
----------ประเทศไทย หลายปี มีสัตว์น้อย
จึงค่อยๆ ลดสัตว์ป่า เพราะฝ่าฝืน
ดักล่า ฆ่าเล่น เน้นเป้าปืน
จงช่วยฟื้น ตื่นตัว ทั่วเมืองไทย
๗) พืช
-----------ป่าพืชไม้ ใบเขียว เป็นเกลียวผืน
ปกป้องพื้น แผ่นดิน อินทรีย์หมาย
สัตว์พึ่งพา หาอาหาร เป็นบ้านไพร
โรงงานใหญ่ ให้อากาศ ปัดป้องคน
----------เป็นแหล่งลุ่ม ชุมน้ำ ธรรมชาติ
หล่อเลี้ยงสัตว์ พืชพันธุ์ สัมพันธ์ผล
เป็นที่อยู่ หมู่ปลา เคหาชล
ให้มวลคน ยลอาบ ซึมซาบใจ
-----------น้ำคือแหล่ง แอ่งพืช ได้ยืดยอด
ที่กกกอด ก่ายกัน พันเป็นสาย
เป็นผืนป่า ปฐพี มีหัวใจ
เป็นแหล่งให้ โลกใบนี้ มีมนตรา
-----------พืชให้คุณ หนุนสัตว์ ยืนหยัดสู้
พืชให้หมู่ อาหาร การรักษา
พืชอุ้มน้ำ ทำดิน เป็นถิ่นรา
ให้เห็ดรา สารพัด บำบัดดิน
-----------ป่าไม้ไทย หายหด เกือบหมดป่า
ถางทำไร่ ไถทำนา เกือบหมดสิ้น
ภูเขาเขียว เลี้ยวลด หมดคลุมดิน
เห็นแต่หิน ดินดาน เขาล้านไม้
-----------ยามฝนตก กระโหลกเขา ดูเปล่าหมวก
ฝนสะดวก บวกลู่แรง แอ่งน้ำไหล
ดินเป็นโคน บนเขา ไหลยาวไกล
ทำลายไพร ทำลายคน จนป่นปี้
----------ทั้งบ้านเรือน เหมือนขยะ พัดพาถม
ถนนจม ล่มสลาย ทำลายที่
ท่อนซุงไม้ ก่ายกอด ทอดธรณี
สะท้อนภาพ ฝีมือ ผู้ถือขวาน
----------เมื่อพืชไม้ ในป่า ถูกล่าตัด
ไทยก็ขาด ตัวช่วย อำนวยกั้น
เมื่อฝนมาก หนักหน่วง บ่วงสายธาร
จึงไหลผ่าน บ้านทุ่ง เข้ากรุงไกล
-----------สรรพสิ่ง ทิ้งภาพ กำกับสอน
จากสิงขร รอนแรม แย้มเส้นสาย
มีเมืองกรุง ที่มุ่งลง เป็นธงชัย
มีหมุดหมาย ปลายทาง ยังทะเล
๘) เสพสุข
---------คำว่าไท นัยนี้ มีความหมาย
ฟรีสไตล์ ได้เสรี ไม่มีเขว
ใครจะค้า ใครจะท้า ขอฮาเฮ
ไม่ลังเล ที่จะผิด คิดจะทำ
----------มีกฎหมาย เอาไว้ขู่ กูไม่สน
มีอิทธิพล คนโต โชว์เรื่องหยาม
ตำรวจไหน ใครกล้า มาท้าทำ
ไทยท้าทำ ยำกันเอง เก่งในไทย
---------เป็นคนไทย เหมือนใจ ไร้ขอบเขต
เรื่องทางเพศ เอร็ดอร่อย โชว์หอยขาย
สิ่งบันเทิง เริงเร้า เขย่ากาย
กินดื่มขาย กายตน เพื่อผลรวย
---------เมืองบริโภค อาหาร ทานพร่ำเพรื่อ
กินเป็นเหยื่อ ปากตน จนไม่สวย
อ้วนจนอวบ ควบโรค โชคอำนวย
คงมอดม้วย มรณา ไม่น่านาน
--------ชายไทย ใจกล้า ท้าพระยายม
เสียงระงม รถแข่งซิ่ง วิ่งแข่งขัน
ท้าตำรวจ อวดศักดา ท้าชีวัน
กฎหมายมัน ล้าสมัย ไล่ไม่จน
----------พวกเสพยา ก็ท้าทาย กฎหมายรัฐ
สารพัด ขนมา น่าฉงน
ผ่านด่านไทย ไปสะดวก พวกอิทธิพล
เสรีชน คนไทย ไร้สำนึก
----------นักเสพสุข ทุกวัย ไทยที่หนึ่ง
ชั่งน่าทึ่ง เมืองไทย ใจผนึก
เล่นเครื่องสื่อ มือจิ้ม ชวนอิ่มลึก
เช้าจนดึก ฝึกก้มหน้า บ้าออนไลน์
-----------พวกหนุ่มสาว ชาวเที่ยว เลี้ยวเข้าเถ็ค
พวกเด็กๆ เข้าร้านเกมส์ เต็มเช้าสาย
นี่คือแดน แสนสุข คุกคนไทย
เสพสุขใจ ในไทยแลนด์ แดนเสรี
๙) จิต
----------จิตมนุษย์ สุดสาย ปลายตัณหา
ไหลลงท่า ถิ่นทะเล ไม่เหหนี
ตามสัญชาต ญาณส่ง ตรงพอดี
เส้นทางนี้ โลกีย์ฝัง ทางสัญจร
----------จิตเหมือนน้ำ ต่ำลง ตรงวิถี
แรงโน้มชี้ น้ำหนัก ตามปักศร
จิตเป็นน้ำ ธรรมสาย ในสาคร
หากแยกถอน สาครจิต ปริศนาธรรม
----------จิตอริยะ บุคคล ไม่ปนเปื้อน
ไม่ไหลเลื่อน เคลื่อนคล้อย ลอยไปต่ำ
จิตเหนือจิต รู้จิต จิตรู้ตาม
เพราะจิตงาม มีธรรมคู่ ดูทุกกาล
----------จิตคนไทย สมัยนี้ มีแต่คิด
อยากผลิต เงินได้ สบายฉัน
อยากร่ำรวย หวยเบอร์ เจอรางวัล
อยากได้บ้าน รถคันหรู๋ คู่ดีๆ
------------จิตสัตว์โลก โบกสะบัด ชัดเด่นมาก
แผ่ความอยาก มากพลัง สร้างรัศมี
เห็นแต่ไกล ธงชัย ให้ฉันที
จิตดวงนี้ ไม่มีเต็ม ท้องทะเลใจ
---------คิดอยาก ไม่มากเกิน พอเดินคล่อง
คิดให้คล่อง ท่องให้จำ ทำให้หน่าย
พอเพียงเท่า เอาชีวิต จิตรอดตาย
สร้างภูมิใจ ให้สมดุล คุณอนันต์
๑๐) ตาย
---------อันความตาย ชายหญิง วิ่งไม่รอด
ต้องทิ้งทอด กายตน โอนสังขาร
มันเป็นเพียง อาคาร บ้านชั่วกาล
อวสาน กาลโลก โบกมือลา
---------เราอยู่ใน กลกาล นาน๑๐๐ (ปี)
น้อยกว่านี้ มีกว่านั้น กรรมปั้นหนา
เกิดมาอยู่ รู้การสร้าง วางเจตนา
ใช้โลกา หาทางสร้าง มรรคจิต
-----------ในโลกนี้ มีไทย ให้กำเนิด
เป็นแดนเกิด แดนกาย ให้สถิตย์
แผ่นดินนี้ มีคุณ หนุนให้คิด
มีดวงจิต ให้คุณ ได้คุ้นธรรม
------------ตายเพื่อตาย หรือเพื่อใจ ให้มีหลัก
ตายด้วยหลัก อย่าให้ลอย ปล่อยถลำ
ตายด้วยจิต คิดวาง ทางพระธรรม
ตายอย่างต่ำ คือกำกาย ไม่ย้ายใจ
-----------เพราะคนไทย ตายมาก วันหลักร้อย
กรรมนิดหน่อย ก็ม่อยม้วย ซวยง่ายๆ
เพราะประมาท ขาดระวัง หรืออย่างไร
หรือว่าไทย ใจเสรี จนฟรีตาย
-----------นี่คือกาล ผ่านมา ปัญหาหลัก
จึงขอฝาก สลักกลอน สอนเอาไว้
ผิดแล้วรู้ อยู่แล้วคิด ฝึกจิตไว
ปัญญาใจ คือก้าวข้าม กรรมทั้งปวง
------------ภาพมนุษย์ คนไทย ในปีนี้
จะช่วยชี้ อนาคต กำหนดห่วง
เห็นอดีต เป็นบทเรียน อย่าเขียนลวง
เราทั้งปวง คือดวงใจ ของไทยเอย
-------------------------------(๒๕/๑๒/๕๗)-------------------------------------
An epic in poetry!
I would have burned a lot of candles to write just a few stanzas. But you covered history, ecology, economy, life and death,... 10 aspects in details. An epic in one single post!
อ่านแล้วทั้งงดงามด้วยภาษา และสาระครบถ้วนเป็นข้อคิด
สะท้อนภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปชนิดกู่ไม่กลับจริงๆ
สวัสดีปีใหม่นะคะ