เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงอันแสนจะวุ่นวายของสาวน้อยข้าวสาร ในขณะที่เธอกำลังฝึกงานที่คลินิกกิจกรรมบำบัด ณ ปิ่นเกล้า เธอผู้ซึ่งบอบบาง รูปร่างเล็ก อ่อนไหวต่อความรู้สึกง่าย แต่กลับต้องมาเจอเคส(กรณีศึกษา)ที่ท้าทาย และยากสำหรับเธอ นั่นก็คือคุณลุงวัยเกษียณนามว่า ลุงศรี ที่ถูกวินิจว่าเป็น โรค Bell's palsy ข้าวสารถึงกับจึงตกใจ "เอ๊ะนี่คือโรคอะไรนะ มีอาการของโรคอย่างไรหรือ" และกระวนการะวายใจอย่างมากเนื่องจากเธอทราบเพียงว่าโรคนี้คือโรคอัมพาตใบหน้าเท่านั้น และเธอเองก็ไม่เคยเรียนมาก่อน เธอจึงตั้งคำถามในใจว่า "นักศึกษากิจกรรมบำบัดอย่างเราจะมีบทบาทอย่างไรนะเกี่ยวกับโรคนี้" เธอได้แต่คิด แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกสักที
จนเธอได้พบกับคุณลุงเข้าจริงๆซะที เธอจึงแสดง อาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอยังคิดไม่ออกว่า นักกิจกรรมบำบัดจะมีบทบาทอย่างไร ควรจะประเมินลุงอย่างไรดีนะ เธอแสดงอาการเก้ ๆ กัง ๆต่อหน้าคุณลุง แต่เธอก็ฮึดสู้และใช้ประสบการณ์เดิมเกี่ยวกับการกระตุ้นกลืนในส่วนของการประเมินเกี่ยวกับ การทำงานของกล้ามเนื้อปาก ลิ้น คางช่วยให้เธอกู้หน้าได้สักนิด แต่เมื่อจบแล้วการประเมินนี้แล้วก็เหมือนจบชีวิตเธอ เพราะเธอไม่รู้ว่าควรจะประเมินอะไรต่อ เธอรู้สึกเหมือนลอยอยู่กลางมหาสมุทรเลยทีเดียว เธอจึงใช้ทักษะการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลุง โดยการสัมภาษณ์ว่า "ตอนนี้คุณลุงมีปัญหาอะไรหนักใจที่สุดคะ" ในตอนแรกคุณลุงก็ไม่กล้าที่จะคุยจะตอบเธอ เพราะพวกเราเจอกันเพียงครั้งแรก แต่ด้วยที่ว่าเธอได้ทำบุญบารมีที่ทำไว้มาก อาจารย์ที่คุมการฝึกงานเธอนั้นจึงช่วยไกด์นำในการประเมินให้และช่วยสร้างบรรยากาศให้มีความตึงเครียดน้อยลง ทำให้คุณลุงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น คุณลุงจึงบอกว่า " ตอนนี้คุณลุงกังวลเรื่องการดื่มน้ำมากที่สุด เพราะเมื่อดื่มน้ำแล้วน้ำมักจะไหลออกทางมุมปากขวาเสมอๆ" ข้าวสารเธอจึงได้สัมภาษณ์เพิ่มเติมจึงได้ข้อมูลว่าคุณลุงเคยเป็นโรคหลอดเลือดสมองมาหลายสิบปีแล้ว รวมทั้งตอนนี้คุณลุงก็มีอาการสำลักด้วย
และแล้วในที่สุดก็ครบ 1 ชั่วโมงแห่งความทรหด อึดอัดใจ เธอจึงได้ข้อมูลเพียงว่า ลุงศรีมีปัญหาเรื่อง การอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าเนื่องจากโรคBell's palsy และภาวะการกลืนลำบากเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองเดิมที่อาจหลงเหลืออยู่(การรับความรู้สึกลดลง Negative swallowingและNegative cough ส่วนReflexอื่นปกติ) ที่ส่งผลทำให้การดื่มน้ำของคุณลุงมีความยากลำบาก เสี่ยงต่อการสำลัก
แต่กระนั้นแม้ว่าจะได้ปัญหาแล้วก็มิวายที่จะทำให้ข้าวสารหายค้างคาใจเกี่ยวกับบทบาทของนักกิจกรรมบำบัดในโรคนี้ เมื่อเธอกลับไปยังหอพัก เธอจึงเปิดอินเตอร์เน็ตค้นคว้าหาเนื้อหาเหล่านั้น เพื่อหวังเพียงว่า จะทำให้ลุงศรีสามารถดื่มน้ำได้อย่างปลอดภัย และจะเป็นการให้อภัยที่แสดงพฤติกรรมที่เก้ๆกังๆต่อหน้าคุณลุงด้วย และในที่สุดเธอก็ได้ข้อมูลว่า โรคนี้ควรให้มีก ารออกกำลังกายกล้ามเนื้อใบหน้า โดยทำท่า ยิ้มตาปี๋ ทำปากจู๋ ย่นหน้าผากเป็นต้น เพื่อที่จะนำท่าออกกำลังกายนี้ให้ลุงศรีในสัปดาห์หน้า
เมื่อครบสัปดาห์ เธอก็รอแล้วรอเล่าว่า ลุงศรีจะมาเมื่อไหร่นะ มาให้โอกาสเธอในการแก้ตัวสักหน่อย แต่คุณลุงก็ไม่มาอีกเลย ซึ่งทำให้เธอนั้นรู้สึกผิดกับตัวเองเป็นอย่างมาก และเคสนี้ก็เป็นเคสที่ค้างคาใจเธอตลอดมา
ครึ่งปีผ่านไป ข้าวสารได้เรียนวิชาการให้เหตุผลทางคลินิก โดยให้เลือกเคสที่ตนเองคิดว่ายากที่สุดมา ข้าวสารจึงไม่ลังเลใจที่จะเลือกเคสลุงศรีเป็นเคสยากสำหรับตน
ซึ่งเมื่อเรียนวิชานี้แล้วทำให้เธอสามารถตอบคำถามตนเองได้ว่า นักกิจกรรมบำบัดสามารถมีบทบาทอย่างไรในโรคนี้ โดยเธอได้ค้นคว้าหาตำราทั้งในและนอก เพื่อที่จะตอบโจทย์ของปัญหาดังกล่าว เพื่อให้ปัญหาของลุงศรีมีความสอดคล้องกันระหว่างการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อใบหน้า กับการสำลักง่ายเนื่องจากโรคหลอดเลือดสมองเก่า เพื่อที่จะให้ลุงศรีสามารถกลับมาดื่มน้ำได้อย่างปลอดภัย
เธอจึงค้นพบวิธีรักษาต่างๆที่เป็นอาวุธให้เธอได้บำบัดรักษา เกี่ยวกับการโรคBell's palsyนี้
โดยหนึ่งคือการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อใบหน้าที่อ่อนแรงจากโรคBell's palsyให้การบำบัดรักษาด้วย
เพื่อให้กล้ามเนื้อใบหน้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดื่มน้ำมีความแข็งแรง
และบำบัดรักษาในส่วนของอาการจากโรคหลอดเลือดสมองเดิมนั่นคือการให้การบำบัดรักษา Oro-motor stimulation ได้แก่
และฝึกโดยใช้เทคนิคพิเศษสำหรับผู้มีภาวะกลืนลำบากในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองโดยเฉพาะเช่น เทคนิคMendelsohn maneuver, Masako maneuver, Supraglottic swallowเป็นต้น เพื่อป้องกันการสำลัก
สุดท้ายเป็นในส่วนของการบำบัดรักษาที่ใช้เทคนิคการสอน แนะนำ และการให้กลับไปทำที่บ้านด้วยตนเองได้แก่
เธอจึงเฝ้าภาวนาว่า หากเป็นไปได้เธออยากจะขอโอกาสและขอดูแลบำบัดรักษาคุณลุงอีกครั้ง และขอให้คุณลงสามารถดื่มน้ำได้อย่างปลอดภัยด้วยนะ และเธอเองก็ภาวนาอยู่เสมอว่าหากเจอโรคนี้อีกครั้งก็จะตั้งใจบำบัดรักษาอย่างเต็มความสามารถที่เธอมี
ตอนนี้เธอเองได้แต่พูดในใจว่า "ฉันพร้อมจะดูแลเธอน่ะ" ^^
ไม่มีความเห็น