ภูมิคุ้มกันที่หมอต้องเตรียม (Immunity doctors need)
การดูแลรักษาสุขภาพเป็นงานที่ไม่มีวันจบ ไม่มีเวลาราชการ ไม่มีวันหยุด และเป็นงานของทุกๆคน ทุกชีวิต ธรรมชาติได้สร้างชีวิตมาพร้อมกับศักยภาพในการเยียวยาตนเอง ดูแลตนเอง รับรู้ตนเอง รวมทั้งปัญญาในการทำให้ตนเองมีความสุขอยู่แล้ว ขึ้นกับว่าเราจะใช้หรือไม่ใช้หรือไม่เท่านั้น แต่ด้วยความซับซ้อนของชีวิต ทำให้ชีวิตมีเนื้อหา ความรู้มากมายในการทำงานเป็นปกติ จึงมีคนบางคนที่ทุ่มเทเวลา กำลังกาย กำลังใจ ศึกษาให้ลึกซึ้งถ่องแท้ให้มากที่สุด เท่าที่พอจะมีเรี่ยวมีแรงทำ เพื่อหวังว่าจะได้ดูแลรักษาสุขภาพไม่เพียงเฉพาะของตนเอง แต่ของผู้อื่นด้วย เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "บุคลากรทางการแพทย์"
สิ่งหนึ่งที่ผู้ที่ "เข้าวงการ" จะต้องตระหนักก็หนีไม่พ้นสัจธรรมข้างต้น ที่ว่า "การดูแลสุขภาพเป็นงานที่ไม่มีวันจบ" นั่นคืองานนี้เป็นงาน full-time 24/7 และ 365 วันต่อปี และการดูแลสุขภาพแค่ลำพังตนเองก็มีหลากหลายมิติอยู่แล้ว เพราะชีวิตนั้นมีความเป็นองค์รวม ครั้นจะไปดูแลคนอื่นด้วย ก็เป็นความกล้าหาญและทะเยอทะยานระดับหนึ่งทีเดียว ในการที่จะทำให้ได้สมบูรณ์ ณ ที่นี้จึงขอเรียบเรียงการตระเตรียมอะไรบางอย่างเอาไว้สู้กับศึกที่ไม่มีวันชนะ (ถาวร) นี้ เอาไว้เป็นภูมิคุัมกันในการทำงาน คือการเตรียมกาย เตรียมความคิด และเตรียมใจ (Hand Head and Heart)
การเตรียมกาย (Hand)
การเตรียมความคิด (Head)
การเตรียมใจ (Heart)
เมื่อระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
เป็นสัจธรรมข้อหนึ่งคือ มีเกิด ตั้งอยู่ ก็ต้องมีสิ้นสุด ดับไป สูญสลาย ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นไม่ว่าจะตระเตรียมอย่างไร ก็จะไม่สามารถคงอยู่ได้ถาวร สิ่งที่เราทำได้คือการตระเตรียมปัจจัย "ภายใน" ให้ head hand heart ของเราดีที่สุดเท่านั้น แต่เราจะเจอกับ "ปัจจัยภายนอก" ที่นอกเหนือความควบคุมของเราเข้ามาคุกคาม และสามารถรุนแรงได้ถึงกับพังทลายภูมิคุ้มกันของเราลงไป
เหมือนกับโรคเอดส์ โรคมะเร็ง ที่จู่โจมทำลายด่านภูมิคุ้มกันของมนุษย์ กลายเป็นโรคร้ายที่เมื่อเป็นแล้ว การแพทย์แทบจะทรุดซวนเซไป เพราะมันจู่โจมที่ราก ที่ฐาน ของชีวิต อย่างในภาพยนต์ Spiderman ตอนหนึ่ง ที่ตัวร้ายประกาศว่า "จู่โจมชั้นสูงนั้น ต้องทำลายที่หัวใจ" เมื่อทำลายหัวใจได้ ที่เหลือก็เป็นเพียงซากที่ไร้จิตวิญญาณ หรือถูกครอบงำด้วยอำนาจมืด อำนาจด้านต่ำของชีวิตแทน ทุกวันนี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ปัจจัยภายนอกที่คุกคามโดยตรงต่อ "หัวใจแห่งความเป็นแพทย์" ทวีความรุนแรงมากขึ้น แทบจะเป็น organized crime หรือการจัดตั้งคนมาทำลายอย่างตั้งอกตั้งใจเลยก็ว่าได้
มะเร็งหัวใจของแพทย์
หัวใจเป็นอวัยวะที่พิศดาร พิเศษ ในบรรดาอวัยวะทั้งหมดหัวใจเป็นอวัยวะที่มี "ภูมิคุ้มกัน" โดยลักษณะของตัวมันเองที่จะไม่เป็นมะเร็ง แต่ในที่นี้ จะหมายถึง heart คือ กำลังใจ ความรัก สังคมอาจจะไม่ตระหนักว่าสิ่งใดๆก็ตามที่ทำให้ผู้ปฏิบัติงาน "รักงาน" นี้น้อยลง จะมีผลกระทบต่องานทั้งหมดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความล้มเหลวในความรักต่องาน ก็มีเหตุไม่ต่างจากความล้มเหลวในความรักทั่วๆไปของชาย/หญิง แต่อย่างใด
คนอาจจะคิดว่างานทางการแพทย์ เป็นงานทางวิทยาศาสตร์ ทางกลไกการทำงานของร่างกาย แต่ที่จริงแล้ว งานการดูแลผู้คนนั้น "ต้องอาศัยความรัก" เป็นพื้นฐาน เป็นสุนทรียศาสตร์ เป็นสังคมศาสตร์ ปัจจัยใดๆที่ทำให้ความสุนทรีย์นี้หายไปจากชีวิตแพทย์ พยาบาล เมื่อนั้นคนที่อยู่เบื้องหน้าก็จะเป็นเพียงวัตถุ สิ่งของ ที่ความสัมพันธ์ก็จะดำเนินไปตามนั้น
มะเร็งหัวใจระยะสุดท้ายของแพทย์
มนุษย์ไม่ได้อยู่เพียงเพื่ออยู่รอด หรือเพื่อความรักเท่านั้น แต่ยังสามารถจะอยู่อย่างมีความหมายได้ด้วย เราทำสิ่งที่ยากๆ เหน็ดเหนื่อย ใช้เวลายาวนาน ผลลัพธ์ก็อาจจะไม่ได้ทันใจ ได้ดีตามที่คาดหวัง แต่เรายังคงทำบางสิ่งบางอย่างได้ เพราะสิ่งนั้น หรือการกระทำนั้นทำให้ "ชีวิตของเรามีความหมาย" ปัจจัยในสังคมทุกวันนี้ เริ่มมีที่คุกคามต่อ "งานที่มีความหมาย" ของแพทย์ไปทีละน้อย และมากขึ้นเรื่อยๆ
ในสังคมปัจจุบันมีเหตุปัจจัยมากมายที่ทำให้ "ชีวิตหมดความหมาย" ไปเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้เป็น direct threat การคุกคามโดยตรงต่อทุกๆวิชาชีพที่ต้องใช้ธรรม ใช้ปัญญา ใช้คุณธรรม ใช้การเสียสละ เป็นต้นทุนในการทำงาน
เรากำลังทำอะไรกัน?
สกล สิงหะ
เขียนที่หน่วยชีวันตาภิบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๑ นาฬิกา ๑๘ นาที
วันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะเมีย
ตั้งแต่กลับมาเรียนอีกรอบ ได้ราวน์วอร์ดอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเรียกว่ารักหรือเปล่าค่ะ
แต่..
ไม่มีวันไหนไม่อยากไปทำงาน ^_^
อยู่เวรถึงเช้า ไม่สบาย แต่สนุุก รู้สึกชีวิตมีความหมาย
บางที เราอาจเห็นคุณค่ามากๆ ของสิ่งที่เกือบจะเสียไปแล้วกระมังค่ะ
คงไม่ใช่แค่หมอนะคะ ทุกคนที่เป็น helper น่าจะใช้ได้หมด