เพื่อนรัก..หักเหลี่ยม..เต๋อ


เพื่อนรัก.......หักเหลี่ยม....เต๋อ....

คำว่า “เพื่อน” นั้นมีความหมาย ไม่ยิ่งใหญ่แต่จริงใจให้เธอ เพลงแผ่วแว่วผ่านโสตประสาทเข้ามาแล้ว มันทำให้เต๋อรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ อย่างบอกไม่ถูก ใช่ค่ะ เต๋อมีความหลังกะคำว่าเพื่อน เพราะเพื่อนที่เต๋อรักนี่แหละค่ะ คุณๆ เรื่องนี้เต๋อโดนมากะตัวหมาดๆ เพื่อนรักหักเหลี่ยมเต๋อ ได้ชนิดที่ว่าจี๊ดถึงทรวงเลยทีเดียว ตามมาค่ะ เต๋อจะเหลาให้ฟัง เต๋อเป็นคนค่อนข้างที่เหมือนโลกส่วนตัวสูงปรี๊ด แต่แอบเปรี้ยวในบางอารมณ์ นางมีเพื่อนรักมากกกกกกกกกกกกก ต้องลากเสียงด้วยค่ะ ว่ามากกกกกกกกกจริงๆ ชนิดที่ว่าหายใจเข้าก็เป็นเพื่อนคนนี้ หายใจออกก็เป็นเพื่อนคนนี้ตลอดเวลา จะไปไหนมาไหนนางจะซื้อของมาฝากเพื่อนคนนี้เสมอๆ เต๋อ....เป็นฉายาที่เรียกกันในกลุ่มเพื่อนสนิท ฉายานี้ได้มาเพราะความเปิ่น โก๊ะ ต๊องๆ ทะเล้น ทะลึ่ง ความเฮฮาของนางนั่นเอง ที่จริงนางก็มีชื่อเสียงเรียงนามของนางเช่นกัน “เนื้อแพร” เป็นชื่อเต็มๆ ของนางแต่กลับไม่มีใครเรียกนามนี้ของนางซักคนทุกคนรวมทั้งตัวของข้าพเจ้าก็เรียกนางว่า “เต๋อ” เช่นกันแรกๆ นางงอนมากที่มีคนเรียกนางเยี่ยงนี้ นางจะแย้งตลอด“เราชื่อ “แพร” นะเรียกให้ถูกซิ” แต่ก็ไม่มีใครสนใจที่จะเรียกเพราะรู้ว่ายังไงๆ นางก็งอนแค่ใหม่ๆนางชินนางก็ลืมซึ่งมันเป็นเช่นนี้มานานแหละ ตั้งแต่รู้จักกับนางมา

วันหนึ่งนางมีอันที่จะต้องจำจากเพื่อนรักของนางไปปฏิบัติงานที่อื่น ช่วงแรกๆ นางก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรแต่นานๆ เข้านางชักไม่แน่ใจเพราะนางเฝ้าแต่คิดถึงเพื่อนของนางมากมาย นางจึงส่งข้อความติดต่อไปบ้างเพื่อให้หายคิดถึง เหตุที่นางเฝ้าคิดถึงแต่เพื่อนเพราะนางไม่มีแฟนเหมือนกันนั่นเองนางจึงเทความรักที่มีให้กับเพื่อนคนนี้อย่างมาก ที่นางไม่มีแฟนเพราะนางเลิกรากับแฟนหนุ่มไปนั่นเองนางมีแต่บุตรหนึ่งคนที่ต้องดูแลบ่อยครั้งที่นางนำปัญหาต่างๆ มาปรึกษาเพื่อนสนิทของเสมอ เพราะเพื่อนอีกคนก็มีปัญหาไม่ต่างกันกับนางทั้งสองจึงสนิทกันกว่าใครในกลุ่ม นางทั้งสองจะ งุงิ กันตลอดซึ่งเพื่อนๆ ก็เข้าใจว่าคุณแม่ลูกหนึ่งทั้งสองจะเม้าหมอยเรื่องลูกๆ วัยซนกันนั่นเอง เป็นเรื่องที่นางทั้งสองเม้าหมอยกันได้อย่างออกรสออกชาติเลยทีเดียว ด้วยหน้าที่การงานที่ทำให้ เดอะแก๊งค์มีอันต้องห่างเหินกันออกไปในบางครั้งบางคราวนี้แต่ก็ยังหาเวลามาพบปะสังสรรค์กันเป็นบางครั้งและยังคงเฮฮากันเหมือนเดิม เพราะมีเรื่องโก๊ะๆ ของเต๋อมาให้เม้านั่นเอง หนีไม่พ้นเรื่องของความเปิ่น ทะเล้น ของเต๋อที่เพื่อนๆ ในแก๊งค์ยกเอามาคุยกันจนฮาลั่นทั้งแก๊งค์นั่นเอง

และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีผู้หวังดีได้เข้ามาพูดคุยกับเต๋อ แรกๆ เต๋อไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้นได้แต่หัวเราะ หึ หึ “เต๋อ ถามจริงเก๋ เป็นคนแบบไหนอ่ะ” เต๋อหันไปมองหน้าคนถามนิดหนึ่งก่อนจะตอบไปว่า “เก๋ น่ารักมาก อัธยาศัยดีมาก ร่าเริงไม่เป็นพิษเป็นภัยกะใครหรอกในความคิดของแพรนะ อุ้มถามทำไมหรา” อุ้มยิ้มนิดๆ ก่อนจะพูดต่อไปว่า “แล้วรู้จักกันมานานแล้วหรอ” เต๋อยิ้มน้อยๆ แล้วพูดว่า “ก็ตั้งแต่มาทำงานที่นี่แหระ เราทำงานอยู่กะเขามาตลอดเลยสนิทกัน เขาอัธยาศัยดีนะ” อุ้มแย้งขึ้นว่า “เต๋อ มองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า เคยเห็นพฤติกรรมเขาลับหลังเรารึ เปล่า” คราวนี้ได้ผล เต๋อเริ่มอึ้งแล้วคิดตาม เก๋ มีอะไรพิเศษลับหลังเราหรือว่ะ เต๋อ ตัดสินใจถามออกไปทันที “อุ้มกำลังจะบอกอะไรเรารึ มีอะไรที่เราไม่รู้รึ” อุ้มยักไหล่นิดหนึ่งก่อนจะพูดว่า “ไม่ดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่ายุให้แตกคอกันเปล่าๆ” ฟังดูดีทีเดียวสำหรับการทิ้งบอมแล้วถอยกลับแบบนี้ “ไหน อุ้มลองพูดมาดิ ว่ามีอะไร เดียวเราพิจารณาเองว่าจะเชื่อหรือไม่ ตกลงมั้ย ว่าไงล่ะ อุ้ม” อุ้มลังเลนิดหน่อยก่อนจะเล่าอย่างหมดเปลือกว่า เผอิญได้ยินเพื่อนเก๋ เพื่อนรักของเต๋อเม้าหมอยกับเพื่อนคนนึงเรื่องลับสุดยอดของเต๋อ แล้วก็พากันขบขันเพียงเพราะในสายตาแล้วเต๋อเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ถือว่าเต๋อเป็นเพื่อนสนิทคนสำคัญอย่างที่เต๋อ

ยกย่องไม่ เมื่อความจริงที่พรั่งพรูจากปากอุ้มที่กล่าวออกมานั้น เต๋อรู้สึกเหมือนถูกค้อนปอนด์อันใหญ่ทุบกระหน่ำลงที่หัว ความไว้ใจ ความเชื่อใจ ความรักที่มีต่อเพื่อนคนนี้ลดลงทันทีแต่เต๋อก็ยังไม่เชื่อในทันที เรื่องนี้มันต้องพิสูจน์เต๋อคิด โถ!!!!!!! นางช่างแสนดีประดุจนางเอกในละครน้ำดีตอน 20.00 นาฬิกา เลยทีเดียว เต๋อพยายามไม่เชื่อคำกล่าวของอุ้มแต่เหตุการณ์หลายอย่างที่เต๋อสังเกตเห็นไม่ว่าจะเป็นการตีตัวออกห่าง ความช่วยเหลือ การพูดจาที่ห่างเหินออกไป บางครั้งเธอยังพูดให้เต๋อต้องเสียหน้าต่อสาธารณะชนด้วยซ้ำ หรือมันจะเป็นเรื่องจริง เต๋อเริ่มปรึกษากับเพื่อนในกลุ่มอีกคน อีกคน อีกคน อีกคน และอีกคน แต่ก็ไม่มีใครให้คำตอบที่ดีกับเต๋อได้เลย เต๋อตัดสินใจด้วยการนิ่งไม่ถามใครอีก เพื่อให้เรื่องมันเงียบหายไปเอง แต่พับผ่าเหอะ จุ๋มหนึ่งใน 4 คนที่เต๋อดันปากดีไปถามเรื่องนี้กับเก๋ จนเป็นเหตุให้เก๋มาขอคุยกับเต๋อหน่อยเพื่อเคลียร์กันแต่เรื่องมันหาจบแค่นั้นไม่ เมื่อเก๋รับปากกับเต๋อว่าเรื่องจะจบในวันนี้ แค่นี้ เราเข้าใจกันแต่เก๋กลับนำเรื่องนี้ไปคุยกับหัวหน้าใหญ่ ( เป็นเรื่องแล้วววววววววววว ใหญ่ซะด้วยยยยยยยย)

คราวนี้อะไรหลายๆ อย่างทำให้เต๋อซาบซึ้งกับคำว่า เคลียร์ของเพื่อนจนถึงก้นบึ้งเลยทีเดียว เมื่อตอนที่นั่งคุยเคลียร์เพื่อนสาวบอกว่า “เราคุยกันได้เนาะ แล้วก็จบๆ ไป” เต๋อพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจนัก แต่ก็ยอมนั่งเคลียร์เพื่อให้เรื่องจบๆ ไปดีกว่าคาราคาซังกันอยู่แบบนี้ เต๋อเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าเรื่องจริงๆ มันเป็นมาอย่างไร เมื่อเพื่อนบอกจบเต๋อก็จบ แต่ผลลัพท์มันไม่ได้อยู่ที่ลมปากของนาง เพราะลิ้นนางไม่มีกระดูกนางจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าสู่หัวหน้างานอย่างออกรส เต๋อ ได้แต่นึกเสียใจที่ผ่านมาเราไม่มีดีให้นางได้จดจำบางเลยหรือไร ที่เคยช่วยยามนางออกไปดี๊ด๊า จนเข้างานช้าเป็นชั่วโมง นั่นยังไม่ดีพอใช่มั้ย คอยชงเมื่อยามที่เขาดูงานเลื่อนขั้น นี่ยังไม่พอใช่มั้ย คอยซ่อมของที่พังออกเงินให้นางนี่ยังไม่ดีใช่มั้ย กรรมของเต๋อเนาะที่มีเพื่อนรักแบบนี้ เต๋อไม่อยากจะเสียใจ “ฉันจะไม่เสียน้ำตาให้เพื่อนแบบนี้โดยเด็ดขาด” เต๋อบ่นกับตนเอง เต๋อเริ่มมองว่าทำไมเพื่อนเก๋จึงเป็นแบบนี้ เต๋อพบว่าครอบครัวของเก๋ขาดความอบอุ่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังเด็ก ในช่วงวัยรุ่นเก๋ ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อความอยู่รอดของตนเองและน้องชาย เก๋ทำงานส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ มอ 3

ด้วยเหตุนี้เต๋อจึงมองว่าเก๋เป็นเพื่อนสาวที่น่าสงสารและไม่โกรธเคืองอะไรแต่ทำได้เพียงเฝ้ามองดูเพื่อนสาวอย่างสงสาร “ไง เต๋อ เก๋เป็นอย่างที่เราบอกมั้ย เผื่อใจไว้บ้างนะ เราไม่อยากเห็นเต๋อถูกหลอกมากว่านี้” เต๋อได้แต่พยักหน้า “อุ้ม มีไรจะบอกเราอีกมั้ย เราคิดว่ามันไม่น่าจะจบแค่นี้” อุ้ม พยักหน้าอย่างเห็นใจ ในความรักเพื่อนของเต๋อ “เราคิดว่า มันเป็นแค่ช่วงเริ่มต้นนะเต๋อ” เต๋อนึกตามคำพูดของอุ้ม มีอยู่ครั้งหนึ่งเต๋อปรึกษาเรื่องแฟนกับเก๋ คำตอบที่ได้คือ “เต๋อ ฉันว่าแกอย่ามีแฟนเป็นหมอเลย อันตรายจะตายแก น่ากลัวด้วย” เต๋อเชื่อจึงเลิกรากับนายแพทย์คนนึงที่กำลังคุยได้เป็นอย่างดีทีเดียว “เต๋อใจลอยเชียว เป็นอะไรมากมั้ย” อุ้มสะกิดถาม “ปล่าวจ๊ะ เราคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ” อุ้มตบไหล่เป็นเชิงปลอบ “อย่าคิดมาก อีกหน่อยเขาต้องรู้ว่า เต๋อไม่ได้คิดร้ายกับเขา คนอย่างเก๋ชีวิตเขาโลดโผนมาตลอด” เต๋อถอนใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มแหยๆ ออกไป เธอเป็นเพื่อนที่เราไว้ใจ เชื่อใจ ปรึกษาทุกเรื่องคุยกันทุกเรื่อง ไม่น่าทำกันได้ลงเลย

เรื่องแค่นี้เอง ไหนบอกว่าจบแล้วไง เฮ้อ!!!!! เต๋อ เอ๋ย เต๋อ อุ้มเป็นห่วงเต๋อเพราะจากคนที่ร่าเริงกลับกลายเป็นคนเงียบขรึมไปทันที ถามคำตอบคำ คงคิดมากน่าดูก็น่าจะเป็นอย่างนั้น เรื่องแบบนี้ต้องให้เวลากันหน่อย ไอ้อาการเหล่านี้มันไม่ได้เกิดขึ้นได้เฉพาะอกหักรักคุด แฟนเป็นตุ๊ดเท่านั้นนะ เพื่อนที่สนิทกันมากๆ ก็เป็นได้

เมื่อครั้งต้องประจันหน้ากันจังๆ เก๋ก็ทักทายเต๋ออย่างปกติสุขทีเดียว “สวัสดีจ้า เต๋อ” เต๋อทำหน้างงๆ เพราะรับมุกไม่ทันเพราะแต่ละเรื่องที่เจอมันทำให้เต๋อปรับอารมณ์ไม่ทันนั่นเอง “เอิ่ม จ้า” ตอบได้แค่นั้นแล้วก็เดินถอยออกมาจากที่สนิทมากมาย กลายเป็นใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย เมื่อเป็นเช่นนี้เต๋อเริ่มนับใหม่ให้เวลากับตัวเองได้คิดและค้นพบว่า คนเราต่างมีดีมีชั่วด้วยกันทั้งนั้นแล้วใครล่ะที่จะสมบูรณ์แบบได้ทุกคนจริงมั้ย พอคิดได้ดังนี้เต๋อจึงมีความสุขกับชีวิตเพิ่มมาก ครั้นมีเวลาว่างจากงาน เต๋อก็จะไปปฏิบัติธรรมที่วัด ฟังพระเทศน์หลายต่อหลายครั้งเต๋อได้ข้อคิดดีๆ จากคำสอนของพระอาจารย์ทำให้เต๋อซาบซึ้งในรสพระธรรมในระดับหนึ่งเลยทีเดียว การที่เต๋อเสียเพื่อนดีๆ อย่างเก๋แต่เพื่อนใหม่อย่างอุ้มก็เข้ามาแทนที่ อุ้มเป็นคนที่มองโลกเชิงบวกแต่จะบวกแค่ไหนนั้น เต๋อ ก็ไม่รู้เหมือนกันแต่สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้คือ ความจริงใจของอุ้มไม่ว่าจะเป็นแววตา ความห่วงใย ความเอื้ออาทร ซึ่งเต๋อเองสัมผัสได้แต่เต๋อก็ยังขยาดอยู่ดี ถึงเวลานี้เต๋อมีความคิดว่าขออยู่นิ่งๆ ดีกว่า

วันหนึ่งบริษัทจัดงานเลี้ยงฉลองยอดขายโดยนำพนักงานทุกคนไปรับประทานอาหารและเที่ยวพักผ่อนตามอัธยาศัย แม้ว่าเต๋อจะไม่ได้สนิทกับเก๋เหมือนเมื่อก่อนแต่พับผ่าซิ เต๋อต้องพักห้องเดียวกับเก๋ และอุ้ม เต๋อทำหน้าไม่ถูกผิดกับเก๋ที่หน้าตายกรีดกรายมีความสุขกับการได้ท่องเที่ยวพยายามตีสนิทกับอุ้มทุกอย่างเหมือนพยายามบอกว่า แกควรจะอยู่คนเดียวตลอดไปนังเต๋อ ฉันเท่านั้นที่เพียบพร้อมที่จะมีเพื่อนอย่างอุ้ม เต๋อพยายามอยู่นิ่งเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาตามมา แต่สิ่งที่เก๋ทำแต่ละอย่างหาได้เป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรีที่ดีไม่ การได้มาท่องเที่ยวครั้งนี้สนุกสนานมากในกลุ่มของคนที่สนิทกันแต่สำหรับเต๋อเพื่อนสนิทไม่มีอีกแล้วตั้งแต่ถูกเก๋หักหลักครั้งนั้น เต๋อนั่งมองเพื่อนๆที่สนุกสนานกัน กิน เล่น พูดคุย เต่อมีความรู้สึกว่าเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินในกลุ่ม อุ้มเดินข้ามาทักทายเพื่อปลอบใจ “ไม่สนุกรึ เต๋อ” เต๋อยิ้ม “ก็สนุกดี แต่เราเหนื่อยๆ อยากกลับบ้านนอนดีกว่า” อุ้มยิ้มน้อยๆ “ยังคิดเรื่องนั้นอยู่รึ ช่างเขาเถอะ เต๋อ อย่าคิดมาก” เต๋อยิ้มน้อยๆ แล้วพยักหน้ารับทราบ เต๋อพยายามคิดในแง่ดีเดี๋ยวมันก็ผ่านไปต่อไปคงไม่มีอะไรอีกแล้วล่ะนะ แต่เต๋อไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก เพียงไม่นานนัก ผู้ช่วยหัวหน้าก็เรียกเต๋อเข้าไปพบ เต๋อทำหน้า งงๆ ก่อนที่จะเดินไปพบตามคำเชิญนั้น ก๊อกๆ แล้วจึงเข้าห้องของท่านผู้ช่วย “เชิญนั่งครับ เอ่อ...ผมมีเรื่องจะสอบถามนิดหน่อยนะ เนื้อแพร” เต๋อ

พยักหน้ารับทราบ “ค่ะ ท่านรอง ถามได้เลยค่ะ แพรยินดีตอบทุกคำ” ผู้ช่วยถอนใจเฮือกใหญ่แล้วเริ่มสนทนาทันที “พอดีว่า ผมทราบมาว่าคุณนำเอกสารของบริษัทไปทำลาย ผมเลยอยากทราบว่าข้อมูลว่าจริงเท็จแค่ไหน” เต๋อ งง แล้วพยายามนึกตามที่ท่านรองผู้ช่วยได้แจ้งมา เต๋อจึงตอบไปว่า “อ้อ เข้าใจแล้วค่ะ เรื่องเป็นแบบนี้นะค่ะ ท่านรอง” เนื้อแพรเริ่มเล่าทันที “เมื่ออาทิตย์ที่แล้วห้องเก็บเอกสารฝนสาด แพรเลยปรึกษากับท่านหัวหน้า หัวหน้าบอกให้จำหน่ายได้เลยค่ะ เพราะเอกสารนั้นเนื้อหามีในคอมแล้ว แพรก็เลยชั่งกิโลขายไปแล้วค่ะ แต่แพรลืมทำบันทึกข้อความแจ้งค่ะ” ผู้ช่วยพยักหน้ารับทราบ “อ้อ เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเข้าใจล่ะ” เนื้อแพรยิ้มอย่างโล่งอกกับเหตุการณ์นี้ แต่ท่านผู้ช่วยกับพูดทิ้งท้ายว่า “เออ เนื้อแพรเอกสารบางส่วนลงคอมหมดแล้วรึ”

เนื้อแพรใจหายวาบเรื่องนี้ เนื้อแพรเองก็ไม่แน่ใจเท่าใดนัก จึงได้โทรไปปรึกษาเจ้าหน้าที่เก่าทันที “พี่ค่ะ แพรมีเรื่องจะปรึกษาคืออย่างนี้ค่ะ พี่วุฒิ” เนื้อแพรเล่าเรื่องทั้งหมดพี่วุฒิฟังทันที พี่วุฒิแนะนำว่าให้เนื้อแพรบอกกับหัวหน้าทันที เพราะหัวหน้างานเป็นผู้ที่สั่ง ดังนั้นหัวหน้าจึงจะต้องรับทราบเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เนื้อแพรตัดสินใจโทรหาหัวหน้าทันที หัวหน้าใจดีมากบอกให้เนื้อแพรทำเรื่องขึ้นหาเธอทันที เมื่อทำเรื่องเรียบร้อยเนื้อแพรจึงนำเอกสารนั้นไปยื่นให้ผู้ช่วยลงนาม ผู้ช่วยทำหน้าตกใจ “เรื่องนี้ถึงหัวหน้าเลยรึ” ท่านผู้ช่วยถามยิ้มๆ เนื้อแพรได้แต่ยิ้มแหยๆ “ค่ะ”

เหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้ไม่นานประมาณอาทิตย์กว่าๆ เนื้อแพร หรือ เต๋อ ของเราก็ถูกท่านผู้ช่วยเรียกพบที่ห้องอีกครั้ง เนื้อแพรทำหน้างงๆ กับคำสั่งนั้น พลางครุ่นคิดในหัวมันจะมีเรื่องอะไรอีกนะ ฉันทำอะไรผิดอีกหว่า เต๋อคิดพลางเดินตรงไปยังห้องของท่านผู้ช่วยหัวหน้าทันที เมื่อเต๋อเดินไปถึงที่ห้องของท่านผู้ช่วย ท่านผู้ช่วยยิ้มบางๆ และเชิญเต๋อเข้าด้านในทันที “เชิญๆ ครับนั่งตามสบายเลยนะ เนื้อแพร ผมมีเรื่องที่จะปรึกษานิดหน่อย ไม่ต้องเครียดนะ” เต๋อพยักหน้ารับทราบ “ค่ะ มีอะไรให้แพรช่วยหรือค่ะ” ท่านผู้ช่วยถอนใจเฮือกหนึ่งก่อนที่พูดขึ้นมาว่า “เนื้อแพร จัดบอร์ดเมื่อวานก่อนใช่มั้ย” เต๋อพยักหน้า “ใช่ค่ะ มีอะไรหรือค่ะ” ท่านผู้ช่วยจึงพูดขึ้นมาว่า “คือ อย่างนี้นะครับ ที่บอร์ดมันมีบางรูปที่ไม่เหมาะสมนะ เจ้าของรูปเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรไม่อยากให้เอาไปติด” เต๋อคิดตามคำบอกเล่าของท่านผู้ช่วยทันที จึงบรรลุได้ว่าเป็นรูปของน้องร่วมสายงานคนนึง “ค่ะ แพรเข้าใจค่ะ เดี๋ยวแพรเอาออกให้ค่ะ คือ แพรคิดว่ามันเป็นแค่ภาพกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของพวกเราเท่านั้นเอง ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องขึ้นมา แพรขอโทษนะค่ะ ” ท่านผู้ช่วยยิ้มน้อยๆ อย่างเข้าใจแต่ก็ตบท้ายไว้ว่า “ยังไงก็ ไปขอโทษเจ้าขอรูปเขาซะหน่อยนะ เนื้อแพร”

เต๋อกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอ อย่างลำบากใจ แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะไม่อยากที่จะมีปัญหากับใครเพิ่มขึ้นอีกแล้ว จึงเดินไปหาน้องคนนั้นทันที แล้วกล่าวคำขอโทษทันที น้องชาญจึงพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร พี่เต๋อ น้องไม่กล้าบอกกับพี่กลัวพี่คิดมาก” ในขณะนั้นท่านผู้ช่วยก็มาได้ยินพอดีจึงยิ้มให้เต๋อ เรื่องจบลงไปแต่จะมีเรื่องอะไรตามมาอีกนะ เต๋อครุ่นคิดลึกๆ แล้ว เต๋อเองเป็นคนที่ไม่ชอบที่จะมีปัญหากับใครโดยเฉพาะในสถานที่ทำงานหรือที่ไหนก็ตาม เต๋อป็นคนที่ค่อนข้างเรียบร้อยจนเกือบจะซื่อบื้อไปเลยด้วยซ้ำ หลายคนที่ทำงานกับเธอมักที่จะเห็นความเปิ่นในการทำงานของเธอเสมอ

เรื่องราววุ่นๆ ในการทำงานของเธอเริ่มซาลงเพราะเธอไม่เอะอะโวยวายหรือมีปฏิกริยาโต้ตอบนั่นเอง ไม่นานนักเก๋ก็เลิกตอแยกับเต๋อ หรือเนื้อแพรแต่ก็ไม่ถึงกับเงียบสงบไปซะเลยทีเดียว เพราะบางครั้งก็ยังมีเหตุการณ์เล็กๆ เข้ามา แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่สำหรับเต๋อแม้แต่นิด เพราะการทำงานย่อมมีบ้างที่ต้องกระทบกระทั่งกันบ้าง ในวันนี้เต๋อ เข้าใจแล้วว่าการทำงานกับคนหมู่มากนั้น นอกจากเราต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นแล้วเราต้องรู้จักควบคุมอารมณ์ตนเองให้ได้อีกด้วย เพราะนอกจากจะมีปากเสียงกันแล้วยังอาจเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาทกันได้อีกด้วย เก๋ได้ดึงเอาอุ้มเข้ากลุ่มไปด้วยถึงแม้เต๋อจะมีความรู้สึกว่า โดดเดี๋ยวในบางครั้งก็ตามแต่ไม่นานเต๋อก็เริ่มมีเพื่อนกลุ่มใหม่เข้ามาและชักชวนเต๋อให้เข้าร่วมกลุ่มเพราะความสามารถของเต๋อที่มีมากมายนั่นเอง หัวหน้าสายงานเล็งเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจจริงในการทำงาน จึงดึงตัวเต๋อไปทำงานในสายอื่น นั่นคือ การเป็นครีเอทีฟประชาสัมพันธ์ของบริษัท เต๋อผลิตผลงานออกมามากมายซึ่งท่านหัวหน้าได้ดึงความสามารถของเต๋อออกมาใช้ได้อย่างถูกต้องกับสายงานนั่นเอง ทุกคนต่างชื่นชมแต่เก๋กลับมองเต๋ออย่างเหยียดๆ และมองว่าเต๋อเป็นคนที่ขอหัวหน้าทำหน้าที่ตรงนี้เอง แต่ในบอร์ดบริหารต่างก็เข้าใจกันเป็นอย่างดี เพราะทุกคนได้ประชุมหารือกันก่อนที่จะเรียกเต๋อไปรับทราบ และมอบหมายงานนี้ให้เต๋อรับผิดชอบอย่างเต็มที่ และเต๋อเองก็ได้พิสูจน์ว่าเธอสามารถทำงานในหน้าที่นี้อย่างเต็มความที่และเต็มใจ ท่านหัวหน้ากล่าวชื่นชมในที่ประชุมในครั้งเมื่อมีการประชุมสรุปงานของไตรมาสนี้ เพื่อนๆ พี่ๆ ต่างปรบมือชื่นชมอย่างจริงใจ เต๋อยิ้มรับทราบอย่างมีความสุข และเริ่มชินกับพฤติกรรมของเก๋ เต๋อให้อภัยและไม่คิดเอาคืนแต่อย่างใด เต๋อมีความสุขกับงานใหม่ที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้า ได้รับคำชื่นชมจากพี่ๆ ทุกครั้งที่ผลิตผลงานออกมาผลงานแต่ละชิ้นของเต๋อจะเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความคลาสสิคของชิ้นงาน พิถีพิถันและเน้นความเรียบง่ายแบบพอเพียงตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ทุกครั้งที่งานของเต๋อออกมาต่างได้รับคำชมเชยเสมอ

นี่!!!! ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เธอมีกำลังใจให้การทำงาน และทำให้เธอเรียนรู้ว่าการทำงานถึงแม้จะไม่ได้ราบรื่นแต่แฝงไปด้วยแนวคิดในการปรับปรุงชิ้นงานครั้งต่อๆ ไปเสมอ แต่คำว่า “เพื่อน” ในความทรงจำของเต๋อนั้น เธอคงต้องคิดตริตรองอย่างรอบคอบอีกสักหน่อยในการที่จะเทใจรักเพื่อนอย่างไม่มีเงื่อนไขแล้วนั้น จะเกิดอะไรขึ้นตามมาจะอย่างไรก็ตาม “เพื่อน” ยังคงมีความหมายกับเต๋อเสมอ และเต๋อพร้อมที่จะให้อภัยเมื่อเวลาช่วยรักษาเยียวยารอยร้าวในความเป็นเพื่อน เพราะเพื่อนก็คือ เพื่อนนั่นเอง ทุกชีวิตมีสิทธิ์ที่จะทำผิดพลาดกันได้ ดังนั้นการให้อภัยคือ สิ่งที่ดีที่สุด

คำสำคัญ (Tags): #คำว่า “เพื่อน” นั้นมีความหมาย ไม่ยิ่งใหญ่แต่จริงใจให้เธอ เพลงแผ่วแว่วผ่านโสตประสาทเข้ามาแล้ว มันทำให้เต๋อรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ อย่างบอกไม่ถูก ใช่ค่ะ เต๋อมีความหลังกะคำว่า#วันหนึ่งนางมีอันที่จะต้องจำจากเพื่อนรักของนางไปปฏิบัติงานที่อื่น ช่วงแรกๆ นางก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรแต่นานๆ เข้านางชักไม่แน่ใจเพราะนางเฝ้าแต่คิดถึงเพื่อนของนางมากมาย นาง#และแล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อมีผู้หวังดีได้เข้ามาพูดคุยกับเต๋อ แรกๆ เต๋อไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดเหล่านั้นได้แต่หัวเราะ หึ หึ “เต๋อ ถามจริงเก๋ เป็นคนแบบไหนอ่ะ” เต๋อหันไป#เพราะเพื่อนก็คือ เพื่อนนั่นเอง ทุกชีวิตมีสิทธิ์ที่จะทำผิดพลาดกันได้ ดังนั้นการให้อภัยคือ สิ่งที่ดีที่สุด
หมายเลขบันทึก: 578540เขียนเมื่อ 10 ตุลาคม 2014 11:05 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 ตุลาคม 2014 11:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ยาวมากๆเลยครับ

ขอบคุณมากๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท