แลก


...บุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะหากมิได้เสพหทัยของสตรีที่ตนรักเป็นภักษาหาร เพื่อปรับธาตุทั้งหกให้เป็นปกติจักเกิดอาหารคลุ้มคลั่ง เสียจริตจนเห็นภาพหลอนในอาการหลากหลายสุดท้ายจักทำลายขันธ์นี้ไป ด้วยเข้าใจว่าเป็นที่คับแคบ ไม่ควรแก่จิตวิญญาณอันอมตะนี้จะสถิตอยู่...

หนึ่ง

นวลคือพระอาทิตย์ที่ให้กำเนิดสรรพชีวิตขณะเดียวกันนวลคือพระจันทร์ที่ให้ความชุ่มฉ่ำแก่วิญญาณ

นวลยิ้มหัวเราะร่าเริงอยู่เสมอเสียวหัวเราะของนวลเปรียบเหมือนเสียงครื้นเครงของฟ้าในภูมิประเทศหยาบกร้าน และรอยยิ้มของนวลก็คือหยดน้ำในผืนดินแตกระแหง

ดวงตาของนวลมีต้นกล้าแห่งชีวิตนิจนิรันดร์เจริญเติบโตอยู่เพื่อรอสายฝนที่เย็นชื่นจากสายตาตรงกันข้าม มาหล่อเลี้ยงให้งดงาม

ทุกท่วงท่ากิริยาของนวลสะท้อนให้เห็นโลกที่สนุกสนานและเบิกบานอยู่เสมอ

“....แต่บุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะ หากมิได้เสพหัวใจของหญิงที่ตนรัก จักคลุ้มคลั่ง.....”

สอง

ผมไม่ควรมาศึกษาวิชาแบบนี้เลยเริ่มจากเป็นคนสนใจเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์สิ่งมหัศจรรย์แล้วมาเรียนรู้ฝึกฝนตั้งแต่คาถาอาคม สืบเสาะเรียนมันเรื่อยไป อาจารย์ไหนว่าดีพลันฝากตัวเป็นศิษย์ เมื่อผมสาธยายมนต์คงกระพันชาตรีก็ไม่มีอาวุธใดทำให้ผิวหนังอันตรายได้ แม้แต่รอยแดงเหมือนแมวข่วนก็ไม่ปรากฏน้ำร้อนเดือดๆปุดๆ หรือน้ำมันระอุพลั่ง เพียงผมบริกรรมคาถาดับพิษไฟต่อให้น้ำร้อนแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำผมให้พุพองได้

ไม่มีใครเป็นศัตรูกับผมเพราะผมบิดไส้และบังฟันได้ มิต้องพูดถึงการเผชิญหน้ากันตรงๆด้วยเพราะผมสามารถวาดหมัดที่บรรจุปรอทก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ตายภายในชั่วพริบตามือเดียว

ผมฝึกฝนวิชาเหล่านี้จนกล้าประกาศว่าต่อให้ขุนแผนกลับชาติมาเกิดใหม่และสามารถใช้คาถาอาคมได้ดีเหมือนเดิม ก็มิอาจกล้าท้าประลองกับผมรึทำให้ผมเหงื่อแตกได้ง่ายๆ

“....หากแต่บุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะ หากมิได้เสพหัวใจของหญิงที่ตนรัก จักคลุ้มคลั่ง.....”

สาม

ผมรู้จักนวลมากว่าสามปีแล้วผมหลงรักนวลทันทีที่พบ เมื่อแรกเจอ นวลธรรมดามากในสายตาของคนทั่วไปมีเพียงผมคนเดียวที่เห็นความงดงามของเธอ ตอนนี้มีคนมาแย่งจีบเธอมากแต่ผมไม่กล้าที่ขอเธอเป็นแฟน

ทำไมน่เหรอก็ผมหนักตั้งหนึ่งร้อยยี่สิบกิโล ใบหน้าปุปะด้วยหลุมสิวตัวดำเป็นถ่านจะหล่อจนเคียงกับเธอไหม

บุรุษสุราแถมสูบบุหรี่มวนต่อมวน บ้าดนตรีเป็นผีวรรณกรรม ชื่นชอบแต่ธรรมชาติป่าเขา และสิ้นเร้นลับ มีเสน่ห์ไหม

คนที่น่าเกลียดและไม่มีเสน่ห์เยี่ยงนี้ จะไปเป็นอีกครึ่งชีวิตของนางฟ้าให้เทพธิดาอย่างเธอต้องอับอายเมื่อเดินเคียงกันเหรอ

นวลเป็นคนสนุกสนานเข้ากับคนง่าย และเปิดกว้างทันสมัย ถ้ามีผู้ใดเห็น คนนั้นก็จะรัก ใครทักทายคนนั้นจะชอบ

“.....แต่บุรุษผู้มีอาคมฉมัง และปรารถนาชีวิตที่อมตะหากมิได้เสพหทัยของหญิงที่รัก จักเสียสติ......”

สี่

“เป็นอะไรไป? หมู่นี้เธอดูหมองๆไปนะ หน้าก็ซีด ไม่สบายหรือเปล่า” นวลถาม

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบ

“ดูหน้าตาเธอเหมือนจะไม่สบาย มีอะไรทุกข์ใจหรือเปล่า” นวลถามคาดคั้น

“เปล่าเปล่า ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ ผมสบายใจดี” ผมบอกปัด

“ไม่เป็นอะไร ทำไมเธอถึงถอนหายใจ?” เธอถามรุกผมอีก

เมื่อผมตอบไม่ได้ก็เดินจากไป สุดท้ายผมหยุด และนั่งทบทวนคำถามของเธออีกครั้งเธอถามเพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อน หรือเธอถามเพราะมารยาทรึเธอถามเพราะเวทนาคนอัปลักษณ์นี้ ฮึไอ้คนอัปลักษณ์กว่าสัตว์นรกเลย

“...แต่บุรุษผู้มีอาคมขลังและปรารถนาชีวิตอมตะ หากมิได้กินหัวใจของหญิงที่ตนรัก จักเห็นภาพหลอน...”

ห้า

ผมตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้ไอ้คนที่อัปลักษณ์กว่าสัตว์นรกตนนี้จะบอกรักกับเธอเพื่อที่ว่ามันจะได้ชั่งใจว่า ระหว่างหัวใจของหญิงที่มันรัก และชีวิตนิรันดร์มันเลือกอะไร

“....เพราะบุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะ หากมิได้เสพหัวใจของหญิงที่รักแล้ว จะเห็นภาพหลอนในอาการหลากหลาย....”

หก

ใต้ร่มเงาของต้นอโศกที่แผ่แต่ความชุ่มชื่นให้แก่คนที่มาพักอาศัย เวลาบ่ายๆ นั่นไง นวลนั่งอยู่ตรงนั้นท่ามกลางเพื่อนฝูงที่แวดล้อมเธออยู่ ผมเดินเข้าไป เข้าไป เข้าไปยื่นดอกไม้ให้พร้อมกับอ่านบทกวีที่ผมร้องเรียงเข้าไปจนสุดวิญญาณ

1.

เวลาเชื่องช้า

เข็มวินาทีเคลื่อนอย่างอ่อนสร้อย

เข็มยาวคล้อยเหมือนคืบคลาน

เข็มสั้นเหมือนสนุกสนานกับการรอคอย

ใช่ การรอคอย

ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดทุกข์ใจยิ่งกว่า

การรอคอยสิ่งที่ผันแปรไม่แน่นอน

เช่นครึ่งหนึ่งของใจเธอ

2.

ถึงแม้จะชมชอบการสรวลสุรา

ถึงแม้จะพอใจอยู่ท่ามกลางเพื่อนฝูง

ถึงแม้จะโปรดปรานการเขียนบทกวี

แต่คนเรานั้นชมชอบอะไรหลายสิ่งพึงใจอะไรหลายอย่าง โปรดปรานอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง

หากสิ่งที่เขารักนั้นมีเพียงสิ่งเดียวอย่างเดียว

ผมรักคุณ บทกวีบทนี้เป็นหนึ่งกับจิตวิญญาณ

ผมเงยหน้าขึ้นมองนวลผมหน้าแดง นวลหน้าบึ้ง เพื่อนๆล้วนแต่หัวเราะ นวลถูกกระเซ้าเหย้าแหย่ “เป็นไงเ คนที่เธอสมเพชสะเออะมาขอความรักเธอ แน่ะ ช่วยมันหน่อยเถอะ”เสียงหนึ่งบอก “สงเคราะห์ มันหน่อยนะ” อีกเสียงว่า ทุกคนต่างเย้านวลอย่างกับโลกันตร์นรก

ผมจ้องหน้านวลอีกตานวลเสีย ผมมองปากนวล รอยยิ้มนวลบูด ผมหน้าถอดสี ผมหน้าซีด ผมอยากมีปีก บิน บินบิน บินไป เหิน เหิน เหินไป ล่อง ล่อง ล่องไป ไปให้พ้นขอบจักรวาลโน่นไปให้พ้นจากคอรัสโลกันตร์นั่น

“.....แต่บุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะ หากมิได้เสพใจของหญิงที่ตนรัก จักเกิดอาการคลุ้มคลั่งและ......”

เจ็ด

“เป็นไงหวะ ได้ข่าวว่าไปทำวีรกรรมอะไร ที่ใต้ต้นอโศก เมื่อวานนี้เหรอ” กล้าถาม

“ไอ้ห่า มีอย่างที่ไหน ไปจีบผู้หญิง ดันไปให้ดอกบัว”แกล้วตั้งข้อสังเกต

“ไอ้เหี้ย ก็ดอกบัวแทนความบริสุทธิ์จากหัวใจไง” ผมตอบด้วยความฉุนนิดๆ

“นั่งไง เธอ คนนั้นไง คนที่เมื่อวานถือดอกบัวไปให้นวลแล้วอ่านบทกวีขอความรักหนะ”

“ นั่นนะเหรอ ทำไมถึงไม่ดูสารรูปของตนเองบ้างนะ ไม่เจียมเนื้อเจียวตัวเลยน่าสมเพชจริงๆ” เสียงผู้หญิงสองคน ที่เดินผ่านกลุ่มพวกผมต่างชี้ชวนกันดูผม ราวกับกำลังเห็นสัตว์ประหลาดเป็นสัตว์ที่ไม่มีตัวตนอยู่ในโลกนี้

นับแต่นั้นผมถูกเยาะเย้ยถากถางมากขึ้นทุกวันๆ ทั้งสายตาและคำพูดนวลก็เหมือนเห็นผมเป็นเหมือนพวกนั้น เธอดูถูกผมด้วยสายตา และเธอฆ่าผมด้วยการกระทำเธอไม่ยอมพูดกับผม นี่ผมทำอะไรผิดไปหรือ ผมถามตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกวันทุกวัน

คอยดูนะ!ไอ้พวกดูถูกกู หากกูเจอพวกมึงที่ไหน มึงตาย! ด้วยหมัดประจุปรอทของกูไอ้ห่ารากสองตัวนั่น และไอ้พวกคอรัสโลกันตร์นั่นอีกเตรียมตัวเป็นข่าวฆาตกรรมลึกลับอันอึ้อฉาวได้แล้วกูจะบิดไส้บังฟันให้ลมหายใจออกไม่ทัน!

“....แต่บุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะ หากไม่ได้เสพหทัยของหญิงที่ตนรัก จักเกิดอาการเห็นภาพหลอกหลอนในอาการหลากหลาย และ....”

แปด

ผมตัดสินใจแล้วเที่ยงวันพรุ่งนี้ ผมจะนัดนวลให้มาหา ที่สนามหลังมหาวิทยาลัย ผมจะหลอกเธอว่าให้มาปรับความเข้าใจ

สนามหลังมหาวิทยาลัยลับตาคนเพราะถูกทิ้งร้างมาหลายปี จนหญ้าคาสูงท่วมหัว

ก่อนคืนวัดนัดผมลับมีดหมอจนคมกริบ ประการวาบของมันยามต้องแสงเทียนวูบวาบบาดตาเหมือนหื่นกระหายเลือดและหัวใจ .

ระหว่างชีวิตกับคนที่เรารักซึ่งไม่รู้ว่ารักเราหรือไม่ กูขอเลือกชีวิต และพรุ่งนี้ชีวิตนี้ต้องเป็นอมตะด้วย

“.....เพราะบุรุษผู้ขมังเวทย์และปรารถนาชีวิตอมตะ หากมิได้เสพหัวใจของหญิงที่ตนรัก จะเกิดอาการคลุ้มคลั่งและฆ่าตัวตาย.....”

เก้า

พระอาทิตย์เที่ยงวันแผดแสงจ้า

เมฆบนฟ้าลอยนิ่ง

อีกาดำสองสามตัวโฉบเฉี่ยวเหนือปลายไม้

เสียงหมาเห่าหอนรับกันเป็นทอดๆ

บางครั้งจังหวะสบประสานอย่างโหยหวน

หมู่มดนาๆพันธุ์เคลื่อนมาจากทุกสารทิศ

แมลงวันหัวเขียวฝูงใหญ่บินหึ่งๆ

ประเดี๋ยวบินหึ่งๆ ประเดี๋ยวบินลงตอม

ในวงล้อมสายสิญจน์

ชายสวมชุดขาวลิ้นจุกปาก

นอนเหยียดร่างอย่างสงบ

ชายที่สองมือบีบคอตนเอง

นอนคลายกล้ามเนื้อแล้วอย่างเป็นสุข

ชายผู้ผ่อนลมหายใจของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย

หลับตาพริ้มอย่างศานติ

ไม่มีใครรู้ถึงสาเหตุการตาย จากชายคนนี้หรือแม้แต่กล้าและแกล้วเพื่อนสนิท คงมีแต่กาลเวลาที่เดินหน้าทำหน้าที่จดบันทึกเรื่องราวอาลัยอาวรณ์ของมนุษย์ผู้หนึ่งเพื่อบอกเล่าแด่จักรวาลที่มันแผ่วผ่าน นิรันดร......

เรื่องนี้เป็นเรื่องสั้นเรื่องแรกในชีวิต เขียนเมื่อตอนปิดเทอมใหญ่วันที่1 พฤษภาคม 2538 หาดใหญ่

หากเรื่องนี้จะเป็นที่ถูกใจถูกอกของใครก็ตามขอยกความดีนี้ให้แก่ มนัส จรรยงค์, ประมูลอุณหธูป, และ อังคาร กัลยาณพงศ์

คำสำคัญ (Tags): #เรื่องสั้น#แลก
หมายเลขบันทึก: 575347เขียนเมื่อ 29 สิงหาคม 2014 17:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม 2014 17:01 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อึฮื..อ่านจนจบ..เกือบสนุก...อิอิ

มีดอกหญ้า..มาให้เป็นรางวัล..จ้าาาา

ขอบคุณมากครับคุณยายธี 

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท