(๑)
ผมทักทายแรกเช้าก่อนการเปิดเวทีอย่างเป็นทางการกับนิสิต ชวนสนทนาทั่วไป พอนิสิตมาถึงในจำนวนพอสมควร จึงเกริ่นกล่าวให้นิสิตได้รับรู้เกี่ยวกับเจตนาของการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน รวมถึงการสื่อสารให้นิสิตได้รู้ถึงความสัมพันธ์ของโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนกับ “การบริการวิชาการแก่สังคม” อันเป็นภารกิจหนึ่งของมหาวิทยาลัย
นอกจากนั้น ยังรวมถึงการปลุกเร้าแบบนุ่มๆ เพื่อให้นิสิตได้รู้ถึงบทบาทและสถานะของตนเองที่มีต่อการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน ทั้งในมิติผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง และในมิติของการฝึกทักษะต่างๆ ทั้งวิชาชีพและวิชาคน โดยมีกิจกรรมโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนและชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้
ถัดจากนั้น จึงเปิดเวทีจากหนังสั้นเรื่อง “สามเณร” ของอาจารย์ปรีชา สาคร ซึ่งเป็นอาจารย์ในสังกัดคณะวิทยาการสารสนเทศ เพื่อเข้าสู่กระบวนการเรียนรู้ในเวทีวันนี้
เหตุผลที่เลือกหนังสั้นเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าเนื้อหาดีมาก เป็นเรื่องราวของนักเรียนซุกซน เรียนๆ เล่นๆ ในห้วงวัยของเขา แต่พอบวชภาคฤดูร้อนในชุมชน พฤติกรรมต่างๆ ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งผมมองว่าเรื่องนี้มีมิติของการเรียนรู้ที่หลากหลาย ทั้งพฤติกรรมคน วิถีชีวิตของผู้คน ประเพณีวัฒนธรรมในชุมชน ความเชื่อมโยงของ “บวร : บ้าน วัด โรงเรียน”
(๒)
ถัดจากนั้น ผมก็เข้ามาทักทาย ชวนโสเหล่ถึงสิ่งที่ได้จากการดูหนังสั้น “ดูละคร ย้อนดูตัวเรา” -
ถัดจากนั้นจึงถามทักว่า “ใครเคยเข้าร่วมโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนมาบ้างแล้ว”
ครับ, โชคดีมากๆ เลย - มีนิสิต ๒ ท่านจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ เคยเข้าร่วมโครงการหนึ่งหลักสูตร
หนึ่งชุมชนเมื่อปีที่แล้ว ณ ชุมชนบ้านหนองขาม ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม
และด้วยความที่นิสิตทั้งสองคนมีประสบการณ์จริงภาคสนาม หรือเคยเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมขน” มาแล้ว ผมเลยถือโอกาสเชิญให้บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นประสบการณ์ที่ผ่านมาให้เพื่อนๆ ได้ร่วมรับรู้รับฟังว่า “ทำอะไร อย่างไร และได้เรียนรู้อะไรจากสิ่งที่ทำ”
(๓)
ครั้นถึงช่วงทางการ อธิการบดี (รศ.ดร.ศุภชัย สมัปปิโต) ได้เดินทางมาเปิดเวที พร้อมๆ กับการให้โอวาทและให้ขวัญกำลังใจแก่นิสิต รวมถึงการบอกเล่าถึง “นโยบาย” การพัฒนามหาวิทยาลัยและการ “วาดหวัง” กับนิสิตว่าต้องเติบโตขึ้นมาอย่างไร
สิ่งที่อธิการบดีสื่อสารนั้น ครอบคลุมปรัชญา (ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน) เอกลักษณ์ (เป็นที่พึ่งของสังคมและชุมชน) อัตลักษณ์นิสิต (เป็นผู้ช่วยเหลือสังคมและชุมชน) ทั้งปวงล้วนสอดรับกับการขับเคลื่อนโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนอย่างเสร็จสรรพ และสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเสมือนการย้ำหมุดหมายการเรียนรู้ของนิสิตไปในตัว
โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าสิ่งที่อธิการบอกเล่านั้นสำคัญมาก เพราะเป็นการตอกย้ำให้นิสิตได้ตระหนักถึงทิศทางการเรียนรู้ของตนเอง ทั้งเรียนรู้ในระบบและนอกระบบ อันมีปลายทางที่รออยู่คือการ “รับผิดชอบต่อตนเองและสังคม” (ผู้มีปัญญาพึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน)
นอกจากภาพรวมข้างต้นแล้ว อธิการบดียังสะท้อนให้เห็น “พัฒนาการ” โครงการเชิงรุกภายใต้ภารกิจของมหาวิทยาลัยฯ นับตั้งแต่การตอบสนองนโยบาย ๑ จังหวัด ๑ มหาวิทยาลัย > ๑ คณะ ๑ ชุมชน > ๑ หลักสูตร ๑ ชุมชน และ ๑ คณะ ๑ ศิลปวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการร้อยเรียงให้เห็นประวัติศาสตร์เล็กๆ ของการขับเคลื่อนภารกิจแห่งการรับใช้สังคมและชุมชนบนฐานคิด “เรียนรู้คู่บริการ”
(๔)
ภายหลังจากอธิการบดีให้โอวาทและนโยบายแก่นิสิตเสร็จสิ้นลง ก็ถึงคราวที่ ดร.กนกพร รัตนสุธีระกุล จะมาพบปะกับนิสิตในประเด็น “การเรียนรู้ชีวิตและชุมชนผ่านมิติการเรียนการสอนในโครงการหนึ่งหลักสูตร หนึ่งชุมชน” ซึ่ง ดร.กนกพร ฯ เป็นอาจารย์ในหลักสูตรการพัฒนาชุมชน เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน รวมถึงผู้ประสานงานศูนย์ส่งเสริมนักวิชาการเพื่องานวิจัยเพื่อท้องถิ่น จังหวัดมหาสารคาม จึงนับได้ “คนหน้างาน” (ผู้ทรงคุณวุฒิ) ในเรื่องการจัดกระบวนการเรียนรู้ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนอย่างไม่ต้องสงสัย
ดร.กนพรฯ เปิดเวทีทักทายด้วยการชวนให้นิสิตถามทักถึง “สถานะ” (หมุดหมายชีวิต) ของแต่ละคนว่า “เป็นใคร-ทำอะไร-เพื่ออะไร” จากนั้นจึงบอกเล่าถึงบทบาทและสถานะของมหาวิทยาลัยฯ ที่ไม่ได้มีหน้าที่แค่สอนหนังสือ หากแต่ต้องสอน หรือสร้างกระบวนการเรียนรู้เพื่อให้นิสิตมีทักษะในการเรียนรู้และใช้ชีวิตอย่างมีค่า (มีความสุข) เช่น ทักษะการคิด ทักษะการสร้างสรรค์ ทักษะการสื่อสารสร้างสรรค์ ทักษะความเข้าใจในมิติต่างวัฒนธรรม ทักษะความเป็นทีม ทักษะการเป็นผู้นำ ฯลฯ
นอกจากนี้ ดร.กนกพรฯ ยังเชื่อมโยงให้เห็นว่าโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน คือการปฏิรูปการเรียนการสอนในมิติการบูรณาการเข้ากับภารกิจของมหาวิทยาลัยฯ ที่ประกอบด้วยการสอน วิจัย บริการวิชาการ และทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม โดยใช้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางและสร้างกระบวนการเรียนรู้แบบบูรณาการทั้งห้องเรียนในมหาวิทยาลัยและห้องเรียนอันหมายถึง “ชุมชน” ซึ่งเป็นการเรียนรู้วิชาการและวิชาชีวิตบนสถานการณ์จริง เพื่อก่อเกิดทักษะต่างๆ...
ทั้งนี้ยังรวมถึงการสะท้อนมุมมองอย่างหนักแน่นว่า การเรียนรู้ผ่านโครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชนนั้น จะช่วยให้นิสิตได้เรียนรู้ “รากชีวิต” (ตอกย้ำว่าเราล้วนมีที่มาที่ไป) – เรียนรู้หลักการแบ่งปัน – เรียนรู้ว่าชาวบ้านมีศักยภาพ (ชุมชนไม่ใช่ภาชนะว่างเปล่า : ชุมชนคือฐานการพัฒนาชาติ) และเรียนรู้ว่า “เราทำได้” เว้นแต่เรา “ไม่ลงมือ”
อย่าไรก็ดี ห้วงท้ายของการบอกเล่า-แบ่งปัน ดร.กนกพรฯ ได้ฝากหลักคิดสำคัญๆ ของการลงสู่ชุมชนเพื่อ “เรียนรู้คู่บริการ” โดยให้เริ่มต้นจากการ “เรียนรู้ตัวตน” ซึ่งหมายถึง “รู้ตัวตน” ว่าจะไปทำอะไร ทำเพื่ออะไร รวมถึงการ “รู้ชุมชน” ว่าที่ไหน มีอะไรเป็นโจทย์ของการเรียนรู้คู่บริการ –
และที่สำคัญก็คือ การลงชุมชนต้องคิดคำนึงถึงเรื่อง “จังหวะ-กาละ” ของชุมชน ไม่ใช่จะลงชุมชนตอนไหนก็ลงได้ โดยไม่ใส่ใจว่าชุมชนอยู่ในภารกิจใดและเทศกาลใด หรือชุมชนสะดวกที่จะจัดกิจกรรมร่วมกับนิสิตหรือไม่ ซึ่งต้องมีกระบวนการเตรียมความพร้อม ปรับความคาดหวังร่วมกัน ออกแบบกิจกรรมร่วมกัน
รวมถึงที่สำคัญมากๆ คือ “การวางตัว” ฯลฯ
ถัดจากนั้นก็เชื่อมโยงไปยังหลักคิดและวิธีการเก็บข้อมูลชุมชน วิธีการศึกษาชุมชนและวิเคราะห์ ตีความข้อมูลชุมชน โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชุมชน ซึ่งจะช่วยให้นิสิตเข้าใจ “บริบท” ของชุมชนเชื่อมโยงมายังสิ่งที่ตนเองกำลังจะไป “เรียนรู้คู่บริการ”
ครับ, นี่คือเวทีภาคเช้าของการเรียนรู้...
จะเรียกได้ว่าการปฐมนิเทศนิสิตก่อนการลงสู่ชุมชนก็ไม่ผิด
ส่วนภาคบ่าย จะเป็นเรื่องของการจัดการความรู้ผ่านภาพถ่าย และการเขียนเรื่องเล่าในมิติ “หนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน”
.....
เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้โครงการหนึ่งหลักสูตรหนึ่งชุมชน : กลุ่มเป้าหมาย “นิสิต”
๑๖ สิงหาคม ๒๕๕๗
อาคารพัฒนานิสิต มมส.
มีผลการปฏิบัติ..(หรือย้ัง)...หรือเป็นแค่ทฤษฎี..บนเวที..เท่านั้น..(รู้ตน..รากชีวิต..สังคม..(บิ)...บริบท..)..
(อยากทราบเจ้าค่ะ)...
ยังเลยครับ คุณ ยายธี
นี่เป็นการปฐมนิเทศนิสิตก่อนการลงพื้นที่ครับ ยังไม่ได้ลงสู่การปฏิบัติจริง
สิ่งที่วิทยากรพูด คือสิ่งที่วิทยากรเชื่อว่ากิจกรรมที่ทำ หากทำจริง เรียนรู้จริง จะช่วยให้นิสิตได้ทบทวนตัวเองไปในตัวครับ โดยใช้สถานการณ์จริลในชุมชนที่ไปจัดกิจกรรมเป็นเครื่องนำพา...
เข้ามาเรียนรู้ด้วยคนครับ ;)...
ครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
ตอนนี้เข้าภาคบ่ายแล้ว
อาจารย์ ดร.สมชาย แก้ววังชัย กำลังบรรยายเรื่อง "การจัดการความรู้ผ่านภาพถ่าย" อยู่ครับ เป็นการสร้างความเข้าใจในเรื่องของการใช้ภาพถ่าย/กล้อง เป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูลชุมชน ...
"การจัดการความรู้ผ่านภาพถ่าย"
หัวข้อ "ขลัง" มากครับ
น่าจะไปนั่งฟังด้วยจริง ๆ ;)...
เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจจ้ะ
อาจารย์วัส Wasawat Deemarn ผมว่าคอร์ดนี้ น่าจะไปบ่มเพาะครูเป็นเลิศได้ นะครับ
เพราะการถ่ายภาพ จะช่วยให้ว่าที่คุณครูนำไปเป็นเครื่องมือในการบันทึกการเรียนรู้และสร้างสื่อการเรียนรู้ได้.....
ว่ามั๊ยครับ
แต่ไม่ต้องให้ผมทำกระบวนการหรอกนะครับ
งานนี้เหมาะกับอาจารย์ฯ เป็นอย่างยิ่ง
ลงมือเลยครับ...
ครับ คุณมะเดื่อ
ส่วนหนึ่งของการบรรยายเรื่องนี้
ผมจะนำเข้าสู่กระบวนการบรรยายในชั้นเรียนของวิชาการพัฒนานิสิตด้วยเหมือนกันครับ
เพราะ จะเกี่ยวโยงกับการประเมินผลโครงการ (ผ่านภาพถ่าย) นั่นเอง ครับ