ฮักสาวบ่มีเงินแต่ง.....เลยแกล้งทำเป็นหนังสือสัญญายืมเงินแม่น้องแทนเงินค่าแต่งกับน้อง อย่างนี้ทำได้หรือไม่

ฮักสาวบ่มีเงินแต่ง.....เลยแกล้งทำเป็นหนังสือสัญญายืมเงินแม่น้องแทนเงินค่าแต่งกับน้อง อย่างนี้ทำได้หรือไม่

.....(๑)อันสินสอดนั้นคือค่าตัวเจ้าสาวที่จะต้องให้แก่บิดามารดาเจ้า สาวที่เขายอมยกลูกสาวให้ สินสอดนี้จะให้กันภายหลังการสมรสก็ได้ซึ่งต่างกับของหมั้นอันจะต้องให้กันใน เวลาทำสัญญาหมั้นคือก่อนการสมรส
.....(๒)งานนี้ บิดาเจ้าบ่าวพร้อมทั้งเจ้าบ่าวตกลงหมั้นเจ้าสาวและตกลงจะให้เงินจำนวนหนึ่งเป็นสินสอดแก่บิดามารดาเจ้าสาวในวันสมรส
.....(๓)ครั้นถึงกำหนดบิดาเจ้าบ่าวขอผัดให้เงินสินสอด มารดาเจ้าสาวก็ยินยอมให้เจ้าสาวแต่งงานกับเจ้าบ่าวเพื่อมิให้เสียพิธี แต่มิได้มีการจดทะเบียนสมรสกัน
.....(๔)หลังจากสมรสแล้วบิดาเจ้าบ่าวขอทำสัญญากู้ให้มารดาเจ้าสาวแทนเงินสิน สอดที่ตกลงจะให้ บิดาเจ้าสาวและมารดาเจ้าสาวต้องการเอาเงินนั้นให้แก่เจ้าสาว จึงให้เจ้าสาวลงชื่อเป็นผู้ให้กู้ในสัญญากู้
.....(๕)ครั้นอยู่ด้วยกัน ๓ เดือนก็มีเหตุต้องเลิกร้างกันไปโดยไม่ได้จดทะเบียน
.....(๖)ต่อมาฝ่ายเจ้าสาวก็ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้
.....(๗)ฝ่ายเจ้าบ่าวก็สู้คดีว่า นี่มันไม่ใช่เงินกู้นี่มันเป็นค่าสินสอด ฝ่ายเจ้าสาวต้องคืนค่าสินสอดให้แก่ฝ่ายเจ้าบ่าว(เอาลมมาคืน เพราะเจ้าบ่าวมาแต่ตัว)เนื่องจากการสมรสไม่เกิดขึ้นจริงและฝ่ายหญิงเป็นฝ่าย ผิดสัญญา ฝ่ายเจ้าบ่าวไม่ต้องรับผิด
.....(๘)ศาลได้ความจริงว่าจะถือว่าฝ่ายเจ้าสาวผิดสัญญาฝ่ายเดียวย่อมไม่ได้ ฝ่ายเจ้าบ่าวชายเรียกสินสอดคืนไม่ได้(เรียกลมคืนฝ่ายเดียวไม่ได้)
.....(๙) สัญญากู้จึงมีมูลหนี้เนื่องมาจากเงินสินสอดอันเป็นมูลหนี้ชอบด้วยกฎหมาย
.....(๑๐)เมื่อบิดามารดาเจ้าสาวตกลงยกหนี้ดังกล่าวให้เจ้าสาว และบิดาเจ้าบ่าวยินยอมทำสัญญากับเจ้าสาวเพราะมูลหนี้นี้แล้ว บิดาเจ้าบ่าวย่อมต้องถูกผูกพันให้รับผิดตามสัญญากู้ที่แปลงหนี้มานี้
สรุป บิดาอดีตเจ้าบ่าวต้องชำระหนี้ตามสัญญาแก่อดีตลูกสะใภ้