"ภาษาไทย เทศ ทาส "


                                               

              วันนี้ ในเทศไทย มีคนไทยไม่น้อยกังวลในเรื่อง ภาษาวิบัติ มาจากสังคมยุคใหม่ วัยรุ่น สื่อยุคใหม่ และภาษาต่างชาติ เราอาจไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหา เพราะฟังคนอื่นพูด คนอื่นสื่อ เหมือนกันไปหมด เข้าใจได้ พูดเข้าใจกันได้ แต่หากตั้งใจตั้งข้อสังเกตแล้วเทียบเคียงอดีตและปัจจุบัน จะพบได้ชัดเจนว่า ภาษาเปลี่ยนไป 

                ปัญหาที่มองไม่เห็นปัญหา นั่นคือ ปัญหา โดยเฉพาะภาษาไทย เรามีภาษาที่สื่อสารกันเข้าใจ จนเป็นปกติ และไม่เห็นว่า มีจุดไหนเป็นปัญหา หากมีผู้นำหรือคนส่วนหนึ่งมาบอกว่า เราจะเปลี่ยนภาษาของคุณเป็นภาษาอื่นภายใน ๑๐ ปีข้างหน้า คุณจะเชื่อหรือไม่ว่า คุณจะพูดภาษาของคุณได้ หรือคุณจะมีปัญหากับภาษาใหม่หรือไม่

               เราใช้ภาษาไทยมายาวนานเกือบหนึ่งพันปีแล้ว มาถึงวันนี้ ภาษาเราแก่ชรา จะหมดสภาพใกล้สิ้นลมแล้ว โดยมีภาษาอื่นมาแทนที่  เราจะกลายป็นทาสของภาษาต่างชาติ หรือเราใช้ภาษาของเราอย่างทาส เพราะภาษาเป็นทาสคนไทย ที่ไม่เคารพภาษา เหมือนใช้แจ๋ว (แม่บ้าน) เกินกำลัง ใช้เธออย่างหนัก และย่ำยีเธอสารพัด หรือว่าท่านกำลังมองว่า กำลังแต่งองค์ทรงเครื่องแจ๋ว เพื่อเปลี่ยนภาพใหม่กระนั้นหรือ

              เคยเขียนเรื่องนี้บ่อยๆ เนื่องจากเด็กยุคใหม่ใช้ภาษาไม่รอบคอบ เพราะอิทธิพลของสื่อมีเดีย หรือคำว่า ทันสมัย ที่เห่อห่อกับภาษาใหม่ จากต่างชาติ ที่จริงภาษาต่างชาติฝังรากเหง้า จนเกิดเป็นภาษาไทย เช่น สันสกฤต บาลี มอญ เขมร อาหรับ มาลายู จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น โปรตุเกต ฯลฯ โดยเฉพาะภาษาของพ่อขุน ที่ปริวรรติมาจากภาษาเขมร แต่เรากำลังผสมผสานจนตามใจหรือไม่

               ปัญหาคือ ภาษาไทยถูกภาษาเทศเบียดจนกลายพันธุ์แล้ว ส่วนในภาษาไทยเองก็ถูกดัดแปลงให้เป็นภาษาง่ายๆ เฉพาะกลุ่ม และท้าทายภาษาแบบเดิมหรือไม่ค่อยพอใจที่จะใช้ภาษาแบบเก่า เพราะไม่อยู่ในสมัยนิยม เช่น ในสังคมสื่อออนไลน์ จนกลายเป็นความกังวลของผู้ใหญ่ ครู นักการศาสนา และผู้ศึกษาภาษาไทย

             ในขณะเดียวกัน มีกลุ่มเฝ้าระวังเรื่องนี้อย่างจริงจัง เช่น ราชบัณฑิตยสถาน ชมรมภาษาไทย ครูภาษาไทย ฯ เฝ้าติดตามและตั้งข้อสังเกต ให้กับสังคม ที่ใช้ภาษาอย่างผิดๆ ทั้งสื่อสารมวลชนและคนทั่วไป โดยเฉพาะวัยรุ่น จนเหมือนเป็นปัญหาระหว่างวัยรุ่นกับผู้ใหญ่ ที่มีมุมมองต่างกัน

             ผู้เขียนมองว่า เป็นปัญหาแน่นอน เพราะ ๑) เด็กที่ใช้ภาษาผิด ก็จะกลายเป็นติดภาษา เมื่อโตจะเกิดความลังเลใจ หรือสับสนกับภาษาที่ตนใช้ประจำจนติดนิสัย เช่น การพูดไม่ชัด ไม่รอบคอบ การสื่อสารผิดเพี้ยนเสียง คำและความหมาย ครั้นเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ก็ติดภาษาเช่นนั้นอีก เมื่อเขียนรายงาน การวิจัย วิทยานิพนธ์ จึงใช้ภาษาไม่เป็น ไม่ถูกต้องตามหลักของภาษา

               ๒) การใช้ภาษาบ่อยๆ ซ้ำๆ จนกลายเป็นนิสัย เวลาสื่อสารทางสังคมก็จะติดแบบนั้นมา เพราะไม่รู้สึกว่าผิด และไม่แก้ไข จนนำไปสู่การเลียบแบบ โดยเฉพาะดารา นักร้อง พิธีกร พรีเซ็นเตอร์ ฯ การใช้คำ ประโยคซ้ำๆ อาจน่าเบื่อหน่าย และลุ่มล่าม ฟุ่มเฟือย แต่ผู้ใช้อาจไม่รู้สึกเช่นนั้น เพราะเคยชิน

               ๓) การใช้ภาษาผิด สามารถนำไปสู่การเสียภาษา เอกลักษณ์ของตน เพราะมัวไปปรับภาษาตนให้สอดคล้องกับยุคสมัยและภาษาต่างชาติ จนขาดจิตสำนึกในรากเหง้าเหล่ากอ ของตน จนไปสู่การไม่รักษ์ ไม่หวงแหน ไม่นิยม ในที่สุดลูกหลานก็จะพลอยห่างไกลรากเหง้าตัวตนไปเรื่อยๆ

               ๔) เราสื่อ เราใช้ภาษาไทยแทนจิต แทนความรู้สึกจากใจ ความต้องการ ความเห็น ทัศนคติ ใช้บอกป้าย ทาง สัญลักษณ์ ฯ เราคงต้องใช้ภาษาไทยสื่อกันอยู่ แม้ว่าคนเมืองจะเรียนรู้ภาษาต่างชาติจนพูดคล่องแคล่ว แต่ชนบทยังต้องใช้ภาษาไทยเป็นหลัก อย่าเที่ยวไปบังคับให้เขาต้องพูด ต้องใช้แบบคนเมือง เพราะประเทศไทย ต้องมีภาษาไทยเป็นเอกลักษณ์ มิใช่ภาษาต่างชาติ

               ๕) หากคุณปฏิเสธภาษาเก่าของตน ภาษาที่คุณใช้ตั้งชื่อ ตั้งหมู่บ้าน ร้านค้า บริษัท โรงเรียน ตระกูล คำวิชาการ ฯ คุณจะเปลี่ยนหรือไม่ หรือคุณจะใช้ภาษาใหม่ๆ ที่วัยรุ่นใช้หรือไม่ 

              ยังมีปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย พวกเราคงทราบดีอยู่แล้ว เป็นเรื่องหนักใจสำหรับผู้รับผิดชอบต่อบ้านเมืองที่กระตุ้น ส่งเสริม ให้คนไทยอนุรักษ์ภาษาของตนไว้ ที่จริง ไม่ใช่เฉพาะภาษาไทยเท่านั้น ที่ประสบปัญหาเช่นนี้ ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ ก็เจอปัญหาการใช้ภาษาของวัยรุ่นเขาเหมือนกันเช่น คำแปลงใหม่ คำแปลก คำผสมจากของเก่า ของใหม่ ด้านไวยากรณ์ คำย่อ คำที่สื่อทางออนไลน์ ฯ มีเช่นเดียวกัน แต่ในฐานะเรามีภาษาเฉพาะของเรา มันเป็นมรดกของโลกด้วย มิใช่แต่ภาษาอื่นๆ ที่เราคลั่งไคล้

              จึงขอสื่อสารผ่านกลอน วอนขอให้เราช่วยติติง ตั้งข้อสังเกต ชี้แจง แสดงมรดกเรา ให้ยั่งยืนสืบไป อย่าถือว่า เป็นสมัยนิยมแล้วก็ผ่านไป แน่นอนว่า ในโลกความเป็นไปของมัน ย่อมมี "ทวิภาวะ" ควบคู่กันไปเสมอ เราควรแยกแยะและแนะนำให้ผู้ที่เกิดมาใหม่มองให้กว้าง ให้ไกล อย่ามองแค่ว่า ทันสมัย แต่ทำลายภาษาของตนครับ --

           ภาษาไทย คนไทย ใช้เป็นสื่อ

ใช้เรียกชื่อ สื่อสาร ขานสิ่งของ

บรรพชน คนไทย ใจลำพอง

แยกปกครอง เป็นของตน พ้นเขมร

            เรารักษา วัฒน์ไว้ มาหลายยุค

แม้จะถูก รุกราน ขั้นยากเข็ญ

ยังกอบกู้ สู้สร้าง อย่างร่มเย็น

จนกลายเป็น เช่นชาติ องอาจไทย

            กี่ร้อยพัน วิญญาณเผ่า เขาปกป้อง

เสียพี่น้อง นองน้ำตา น่าเศร้าไหม

เขาเผาผลาญ บ้านเมือง เรืองวิไล

จนวอดวาย หายสิ้น พร้อมวิญญาณ

          ด้วยผู้นำ ค้ำคุณ หนุนเมืองอยู่

จึงต่อสู้ กู้มาได้ ให้ลูกหลาน

สร้างเมืองใหม่ หลายครา มาหลายกาล

จนตั้งมั่น เป็นฐานกรุง อันรุ่งเรือง

          สร้างเอกลักษณ์ รักษา วัดวาไว้

ผูกเป็นใจ ให้วัง ฝังใต้เบื้อง

พระศาสน์สร้าง วางฐาน ปั้นเป็นเมือง

ให้รุ่งเรือง เมืองฟ้า เทวาลัย

          ฟื้นแกนไทย ให้อยู่ คู่กษัตริย์

ประเพณีวัด วัตรราชา รักษาไว้

สอนประชา ราษฎร สังวรใจ

รักษาไว้ วัฒนธรรม ประจำตน

          ภาษาไทย คือใจ ในเชื้อชาติ

ได้บัญญัติ เป็นสื่อสาร อันกุศล

สืบรักษา หน้าตา ประชาชน

นี่คือตน คนไทย ไดรับมา

          วันนี้ไทย จะกลายกลับ ปรับตนตื่น

ใจโหมหื่น ชื่นชม จมภาษา

ปรามาส ดัดจริต ฟุตฟิตมา

เหยียบย่ำหน้า ภาษาตน ว่าหล่นกาล

          เยาวชน คนใหม่ ใจติดสื่อ

มีแต่ชื่อ ถือเทศ เกรดภูมิฐาน

ชื่อฝรั่ง ร่างมะเฟือง เมืองทุ่งขวัญ

ชื่อไทยนั้น บ้านนอก บอกที่มา

          ภาษาไทย ไม่พอ ยังย่อยืด

เหมือนตอนพืช ปักชำ ทำล้ำค่า

ทันสมัย ได้ฟิล ชิวๆนา

เป็นภาษา วัยรุ่น ให้ครุ่นตาม

         ตามสื่อร้อน ออนไลน์ ให้กระชับ

มีระดับ สื่อสาร กันเช้าค่ำ

คำสื่อส่ง ตรงใจ ของวัยงาม

คำควบกล้ำ คำเดิมๆ เสริมแต่งแปลง

          ศักยภาพ เด็กไทย ในวันนี้

วัดกันที่ มีไลน์ เอาไว้แหล๋ง

ภาษาพูด สุดเว่อร์ เมื่อเจอแก๊ง

ภาษาแห้ง ห่อหด หมดเชื้อลง

         คุณภาพ เด็กไทย สอบไม่ผ่าน

พูดเขียนอ่าน ภาษาไทย เหมือนตายโหง

ลูกหลานไทย ไร้ฐาน ที่มั่นคง

เพราะไปหลง มนตรา ค่านิยม

         เราจึงพบ ภาษา ตามหน้าสื่อ 

ทัังมือถือ สื่อออนไลน์ ไม่เหมาะสม

ใช้ภาษา ผิดเพี้ยน พวกเกรียนชม

ภาษาล่ม จมสมัย ช่วยกันติง

          ภาษาผ่าน งานเพลง เร่งเร่าร้อน

ไม่เป็นกลอน ร่อนเป็นแร๊บ ทั้งชายหญิง

สำเนียงเทศ ทำนองร้อน กลอนไม่จริง

ลูกทุ่งอิง ดิ่งลงสุด ผุดกำกวม

           พิธีกร สะท้อนคำ ไม่นำสื่อ

ไม่ฝึกปรือ ถือคำ แก้คำหลวม

คำควบกล้ำ คำแย้ง แสดงรวม

คำผิดท่วม จอสื่อ ใครหรือครู

-----------------(๒๗/๗/๕๗)--------------------

คำสำคัญ (Tags): #คำไทย
หมายเลขบันทึก: 573290เขียนเมื่อ 27 กรกฎาคม 2014 01:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 กรกฎาคม 2014 07:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

เรียนอาจารย์ ส. ขออนุญาตินำ กลอนบทนี้ไปเผยแพร่ต่อ......รอคำตอบ

ยินดีให้เผยแพร่ครับ ท่านวอญ่า ผู้เฒ่า  เราควรรณรงค์เรื่อง มรดกไทย ให้ลูกหลาน 

ขอบคุณครับ

ครูภาษาไทย ( ที่ไม่ได้เรียนวิชาเอกภาษาไทยมาโดยตรง )  ก็ค่อนข้างจะลำบากต่อการสอนภาษาไทยแล้ว.... ยุคก่อน ๆ ตอนบรรจุใหม่ ๆ ภาษาไทยยัง  " บริสุทธิ์" อยู่มาก...ก็ยังพอสู้  พอสอน ... แต่ผ่านมาถึงยุคนี้....ภาษาไทย  ถูกย่ำยี   เสียปี้ป่น....ภาษากร่อน....หย่อนตาม...สื่อมวลชน....ด้วยต่างคน   ไม่สนใจ    ใช้...ให้...ถูกทาง.....  เล่นเอา....ครูภาษาไทย (จำเป็น)  อย่างคุณมะเดื่อ....สอนไม่เป็นเอาเลยจ้ะ   โดยเฉพาะ...เกี่ยวกับการอ่าน  การเขียน  อักษรย่อ....เด็กไทยยุคใหม่  อ่านขัด...เขียนข้อง  ถึงอ่านไม่ออก   เขียนไม่ได้  มากมาย...จะทำไงดีจ๊ะ

ภาษาไทย มรดกไทย มรดกโลก...จริง ๆ ครับผม

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท