Opening Keynote โครงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประจำปี 2557


โครงการพัฒนาคุณธรรม จริยธรรมข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ประจำปี 2557

วันที่ 17 – 18 กรกฎาคม 2557 ณ โรงแรมภูงา อำเภอเมือง จังหวัดพังงา

(เรียบเรียงใหม่)

Opening Keynote

  • -Mr. Thatchawet Chansuksi, the Director of SESAO 14

โครงการฯ ในวันนี้จัดขึ้นสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับการบรรจุรอบแรก 62 คน รอบสอง 30 คน รวม 92 คนเป็นครั้งแรกที่การอบรมมีครูหนุ่ม ๆ สาวๆ มากที่สุด ส่วนมากจะเป็นครูรุ่นรองผู้อำนวยการ ที่มาอบรมแล้วเล่นไลน์หรือหลับ

เป้าหมายหลักของการอบรมฯ คือ พัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สอดคล้องกับในยุคนี้ ที่เป็นยุคคืนความสุขให้ประชาชน ประกอบกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา 12 เรื่องของ คสช. (ตอนท้าย)

ครูผู้ช่วยก่อนที่จะเป็นครู ต้องมีการพัฒนาฯ เพื่อเลื่อนวิทยฐานะ

ก.พ. กำหนดให้ข้าราชการมีอะไรบ้าง ค่านิยม 8 ประการ

1. ความรับผิดชอบ Responsibility หลายประเทศ เมื่อคนมีงาน เขาต้องมีความ “รับผิด” และ “ชอบ” ในงานที่ตนเองได้รับ ไม่ละเลย ไม่ละทิ้ง (ข้าราชการครูก็เช่นเดียวกัน) ทอดทิ้ง - ไม่รับผิดชอบต่อวินัย VS ละทิ้ง - ไม่มาปฏิบัติงานเกิน 15 วัน มีความผิดทางวินัย (ไล่ออก) ยกตัวอย่างเช่น ชาวญี่ปุ่นมีความรับผิดชอบสูงมาก เป็น salary man เจ้านายไม่กลับ เขาก็ไม่กลับ เพราะเขาถือว่า ความรับผิดชอบในช่วงเวลานั้นสำคัญ มีโรงเรียนหนึ่ง ครูกับรองฯ พนันกันว่า วันนี้ ผอ. จะเข้าโรงเรียนหรือไม่ (ความผิดวินัยเรื่องการพนัน) ครูกับรองฯ สนิทกัน โดยพนันเงินส่วนหนึ่งและเบียร์ไม่รู้กี่ลัง ล่วงเวลาไปสักสี่โมง ซึ่งเป็นเวลาสัญญา ก็มีการจ่ายเงินกัน สักครู่ ผอ. มา ก็เลยเกิดเรื่องจนต้องสอบสวน และเป็นเหตุให้สงสัยว่า ผอ. ไปไหนมา (ความรับผิดชอบนี้เกิดขึ้นอยู่กับใจ)

2. มีใจบริการ Service Mind ผอ. เขต เคยสำรวจก่อนหน้านี้ พบว่า เด็กรุ่นใหม่ขาดข้อนี้ “ชั้นไม่สนใจอะไร” ใจบริการคือ ไม่ใช่เฉพาะช่วยเหลืองานที่สั่ง การรับโทรศัพท์ก็ใช่ มีงานที่ รร. แล้วช่วย ก็ใช่ ก.พ. บอกว่า ข้าราชการบรรจุใหม่นี้ service mind น้อยมาก โดยธรรมชาติแล้ว เกิดมาก็มีคนป้อนน้ำป้อนนมมาตลอด การจะยื่นให้คนอื่นบ้างนั้นยาก ต้องสร้างให้เกิด ครูที่อยู่นาน ๆ บางคนก็มีจิตบริการ (ที่ดี)

3. การสื่อสารเป็นเยี่ยม Great Communication สมัยนี้เครื่องมือสื่อสารมีเยอะ อย่างพวกเรา (ครู) บางคนเรียนเก่ง ทำงานเก่ง แต่พูดไม่รู้เรื่อง กลับบ้านไปต้องให้คนอื่นแปลให้ฟังอีก ผู้บริหารบางคนสั่งงานสองสามอย่าง แต่ลูกน้องทำไม่ถูกสักเรื่อง เพราะสั่งถูก แต่ขอบเขตของการสั่งไม่ครบถ้วน เช่น ไปซื้อเสื้อนักกีฬา (โดยมากผู้บริหารจะไม่เจาะรายละเอียด) แต่เมื่อเราได้รับการสั่ง ก็ต้องมี sense ในการปฏิบัติด้วย การสื่อสารไม่รู้เรื่องคือ ผู้รับสารนั้นไม่มีประสบการณ์ ต้องรู้ว่าซื้อเสื้อแบบไหนถ้าเป็นเสื้อกีฬา อีกกรณี ครูบางคนเป็นหัวหน้าหมวด (ปัจจุบันเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ – ผู้บันทึก) มีจิตใจบริการ เวลาผู้บริการสั่ง จะรีบอาสา ทำงานมีขั้นตอนมาก เช่น ผอ. ประชุมหารถรับส่งนักกีฬาไปส่งในเมือง พอติดต่อเรียบร้อยและแจ้ง ผอ. แล้ว ผอ. ถามว่า รับที่ไหน-ก็ตอบไม่ได้ รับเวลาไหน-ก็ตอบไม่ได้ ค่ารถเท่าไร-ก็ตอบไม่ได้ นี่คือการสื่อสารมันสองทาง ผู้บริหารจะสื่อสารไปให้เราคิด และเราต้องคิดแบบครบถ้วน ครบวงจร มันขึ้นอยู่ที่ผู้รับสารด้วย

4. ต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง Leadership เดี๋ยวนี้มีหลักสูตร “ผู้นำการเปลี่ยนแปลง” มีปัญหาเดิม มีวิธีการแก้เดิม ๆ ก็เกิดปัญหาเดิม ๆ ดังนั้น ต้องแก้แบบที่ไม่ใช่วิธีเดิม เราต้องเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง

5. มีการส่งเสริมให้เดินตามรอยพระยุคลบาท ดังที่เห็นได้จากสถาบันฯ ของเรา ให้ยึดเป็นแนวทางปฏิบัติ

6. ทำงานเป็นทีม Team Work ไม่ใช่ทำงานคนเดียว ทำงานเป็นทีม ร่วมใจกัน พวกเราควรที่จะสั่งสมภาคความรู้และประสบการณ์จากคนรุ่นเก่า คงเคยได้ยินว่า “รู้พักลักจำ” คนรุ่นก่อนนี้ทำอะไรไม่ค่อยเป็น คือ ระบบราชการไม่เคยสอนมาเลย เช่น หนังสือราชการ พวกเราเคยทำเป็นไหม–ไม่ทราบ พอรับหนังสือมาต้องทำบันทึกเสนอหนังสือ อันนี้คือการเรียนรู้ หนึ่งคือ บันทึกข้อความ สองคือ บันทึกเสนอผู้อำนวยการ สิ่งเหล่านี้ต้องทำ สิ่งเหล่านี้คนรุ่นเก่าไม่มี แต่คนรุ่นใหม่ต้องทำ ครูในโรงเรียนไม่ได้สอน แต่ต้องทำ และสิ่งเหล่านี้เรียนรู้ได้

พระสังฆาธิการ กลุ่มนี้จะได้รับเงินวิทยพัฒน์ เวลามรณภาพจะต้องงดเงิน (เงินเดือนพระ) แต่พระเป็นผู้จ่าย มีตัวอย่างแบบนี้ มีผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดทำบันทึกถึงผู้ว่าราชการจังหวัด “ด้วยพระครู...ได้มรณภาพเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่...ด้วยอายุ 93 พรรษา” ศึกษาธิการบันทึกตอบว่า “สมควรมรณภาพ” 555+ แต่ว่าไปด้วยเงินวิทยพัฒน์

สิ่งเหล่านี้เป็นหน้าที่ของข้าราชการ เราต้องปฏิบัติ นอกจากใฝ่รู้เรื่องการเรียนการสอน กฎระเบียบต่าง ๆ

การทำงานร่วมกันเป็นทีม ทำให้เราเรียนรู้ได้ แต่บางคนถาม “ทำไมต้องเรียนรู้มาก ๆ” ก็เพราะเรารู้ดีกว่าไม่รู้ แต่รู้แล้วทำอะไรไม่เป็นก็ไม่ได้ รู้ต้องรู้ให้จริง

7. ทำงานเป็นทีมแล้วต้องมีเครือข่าย Network ในโลกปัจจุบันเห็นว่าจะมีเครือข่ายที่จะปรึกษาหาความรู้ ที่จะทำงานร่วมกัน เช่น ภาษาอังกฤษมีศูนย์ ERIC อย่างนี้ก็คือเครือข่ายในการทำงาน ในโรงเรียนก็เช่นกัน อาจจะมีเครือข่ายมากมาย เช่น ผู้ปกครอง ศิษย์เก่า ครู ชมรมแนะแนว สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น

8. สั่งสมความเป็นมืออาชีพ Expertise หรือเป็น “กูรู” สั่งสมความเป็นเชี่ยวชาญ เช่น ถ้ามีคนถามว่า “เธอมาทำงานสามปี เธอรู้อะไรบ้างไหม เธอมีความชำนาญในเรื่องอะไรบ้าง” คือโดยตนเองจะไม่รู้ จริง ๆ แล้วความรู้มันสั่งสมในตัว เราจะไม่ทราบ ไม่เหมือนเล่นกีฬา ยิ่งโดยเป็นครูแล้ว เราจะไม่ทราบ เช่น การปฏิบัติตนเป็นข้าราชการครูตอนเช้า ลาทำอย่างไร ลาไหนคือลากิจ ลาไหนคือลาป่วย ลาไหนคือลาคลอด (ในห้องนี้ต้องมีโอกาสท้อง 555+) มีคำถามว่า “ถ้าไม่มีสามีแล้วท้อง จะลาคลอดได้ไหม” 555+ ถ้าไม่มีสามีจะท้องได้อย่างไร หรือเทวดามาอุบัติในท้อง 555+ ถ้าเราเป็นข้าราชการเราก็จะบอกได้ว่าลาคลอดได้กี่วัน (90 วัน) ลาดูแลบุตร (ไม่เกิน 120 วัน) ถามว่าเด็กบางคนทำไมถึงเก่ง เพราะบางคนไปเรียนพิเศษมาก จนเก่ง บางคนอายุไม่เยอะ แต่เก่ง วิชาชีพครูนี้เป็นวิชาชีพชั้นสูง คือ บางคนนี่เป็นไม่ได้ และต้องมีใบประกอบวิชาชีพที่ออกโดยคุรุสภา บางคนเรียนได้เกียรตินิยมมาก็ได้เงินเดือน 12,500 ก็ได้เงินเดือนเท่ากับคนที่ได้ 2.00 อันนี้เป็นลักษณะของข้าราชการอย่างหนึ่งคือ ความเป็นเชี่ยวชาญ หลังจากครูผู้ช่วยเป็นครูแล้ว ก็จะมีวิทยฐานะต่อไปคือ ครูชำนาญการ ครูชำนาญการพิเศษ ถามว่า “เปลี่ยนสายเป็นบริหารได้ไหม” ในห้องนี้ต่อไปจะมีผู้บริหารประมาณ 10% ส่วนมากเป็นผู้หญิง

อันนี้คือค่านิยมที่ ก.พ. กำหนด

ในส่วนตอนท้าย ค่านิยม 12 ประการ ที่ประกาศโดย คสช. ซึ่งสามารถปลูกฝังให้นักเรียนได้ด้วย ดังนี้

1. จัดระเบียบความรักชาติ ศานา พระมหากษัตริย์

2. มีความซื่อสัตย์ เสียสละ

3. มีความกตัญญู

4. การเรียนรู้

ที่เหลือไปดูเอง สมัยนี้ไม่ยาก

ข้อสุดท้ายคือ 12. คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก

อันนี้ทั้งหมดถ้าเราเอาไปใช้ได้ ก็ถือว่าเป็นประมวลคุณธรรมเรา หรือทั้งหมดเป็นการรวมคุณธรรมจริยธรรมของเรา ก็มีความคาดหวังอย่างนี้

สุดท้าย

มีความคาดหวัง 92 คนนี้ มีประกาศรับสมัครของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยการเรียนตอบทาง email แล้ว ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมาสอน (วันเดียว) ประมาณ 50 คน เพราะส่วนมากข้าราชการครูไม่สามารถบริหารจัดการเงินได้ มีหนี้เยอะ ดูจากปลายทาง ที่ทาง ธปท. อยากให้มีความรู้ทางการเงินและนำไปสอนเด็กได้ด้วย 3 คนแรกสมัครมีรางวัลให้!

รัชพล มาลาศิลป์

17 ก.ค. 2557

หมายเลขบันทึก: 572708เขียนเมื่อ 18 กรกฎาคม 2014 13:39 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กรกฎาคม 2014 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท