.แหววขอยืนยันด้วยคนว่า หนูหริ่งหรือ บก.ลายจุด หรือ สมบัติ บุญงามอนงค์เป็นคนดี

หนูหริ่ง สมบัติ บุญงามอนงค์ : คงไม่ถูกต้องมังคะที่จะกักขังคนที่มีทั้งชีวิตเพื่อสังคม

โดย รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร

https://www.facebook.com/note.php?saved&&note_id=10152512035968834

------------------------------------------------

เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๘

--------------------------------------------------

อ.แหววก็มีโอกาสที่รู้จักและทำงานกับหนูหริ่งมามาก เริ่มต้นในราว พ.ศ.๒๕๔๐ กับงานให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่เด็กชาวเขาไร้สัญชาติที่ตำบลแม่ยาว อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย

และงานที่ต้องช่วยกันทำ ก็ยังมีอีกมากมาย ..... การพัฒนาสังคมโดยเทคโนโลยี การจัดการสื่อลามก การคิดงานเรื่องคนหายในประเทศไทย การจัดการพื้นที่ทีวีเพื่อการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และครอบครัว การช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิ ฯลฯ แต่ทุกเรื่องเป็นเรื่องเพื่อสังคม ทุกลมหายใจ เท่าที่รู้จักกันมา ไม่เคยเห็นหนูหริ่งคิดถึงตัวเอง ในหัวสมอง มีแต่โครงการเพื่อส่วนรวม .เด็ก. คนด้อยโอกาส คนรากหญ้า

งานเดียวที่ อ.แหวว ไม่เคยทำกับหนูหริ่ง ก็คือ งานที่เกี่ยวกับวันอาทิตย์สีแดง อะไรประมาณนั้น ไม่ใช่ อ.แหววไม่เห็นด้วยที่หนูหริ่งจะสู้เพื่อประชาธิปไตย และเสรีภาพ

มานึกดูว่า มันคงไม่ถูกที่คนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ ด้วยสันติวิธีอย่างหนูหริ่ง จะถูกขังดังคนร้ายหรืออาชญากร ในวันที่หนูหริ่งยังถูกจับ และยังไม่อาจได้รับประกันตัว อ.แหววจึงไม่ลังเลที่จะแสดงตนเป็นคนหนึ่งที่ยืนยันในความดีงามของหนูหริ่ง และไม่เห็นด้วยที่จะกักขังคนดีที่ทำเพื่อสังคมมาตลอดชีวิต

ปล่อยหนูหริ่งออกสู่เสรีภาพเถอะค่ะ ... ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสทำงานเพื่อสังคมต่อไป  

------------------------------------------

เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๗

------------------------------------------

อ.แหววก็ไม่คิดว่า บันทึกเพื่อหนูหริ่งฉบับนี้จะสร้างพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้พอสมควรทีเดียว

มีหลายประเด็นที่น่าจะต้องเพิ่มเติมให้ชัดขึ้น

(๑) "ปล่อย" โดยการให้ประกันตัว น่าจะเป็นการรับรองสิทธิในความยุติธรรมที่ คสช. ควรทำ

อ.แหววต้องขอโทษนะคะ ที่อาจเขียนไม่ชัด ต้องขอทำความเข้าใจอีกที การที่ อ.แหววขอให้ "ปล่อย" หนูหริ่งนั้น" หมายถึง การขอให้คุณหนูหริ่งได้รับการประกันตัวค่ะ หากการกระทำนี้จะถูกกล่าวหาว่า "ผิด" เขาก็ควรจะได้มีสิทธิในการต่อสู้คดีอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ควรมีทนายความ ควรได้รับการประกันตัวในระหว่างที่กระบวนการยุติธรรมยังไม่แล้วเสร็จ ควรได้รับกระบวนการยุติธรรมที่เปิดเผย อันนี้ค่ะ เป็นข้อเรียกร้องสำหรับ อ.แหวว เพื่อพิราบทุกคน มิใช่แค่เพื่อคุณหนูหริ่ง

มนุษย์ต้องเคารพกฎหมาย แต่หากกฎหมายไม่ดี มนุษย์ก็แก้ไขมนุษย์ได้นะคะ ในวันนี้ ถ้าคุณหนูหริ่งหรือ อ.วรเจตน์ ผิดก็คงผิดกฎหมายบ้านเมือง มิได้ผิดกฎหมายธรรมชาติ ดังนั้น การได้รับการประกันตัว และมีโอกาสต่อสู้คดีในกระบวนการยุติธรรมอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ จึงเป็นข้อเรียกร้องของ อ.แหวว

ในประสบการณ์ อ.แหววรู้จักพิราบสีเขียวหลายท่าน และท่านเหล่านี้ฟังภาษาสิทธิมนุษยชนเข้าใจ และมีความเชื่อด้วยตัวเองอีกด้วยค่ะ ไม่อยากให้เราลำเอียงและมีอคติต่อ คสช เช่นกัน. มีพิราบบ้างใน คสช มีหนูหริ่งบ้างใน คสช และนอกจากนั้น อ.แหววเชื่อในความยิ่งใหญ่และทรงพลังของกฎหมายธรรมชาติค่ะ

(๒) การต่อสู้คดีของหนูหริ่ง หรือแม้ของ อ.สาวตรี หรือ อ.วรเจตน์ ในศาลทหาร ก็น่าจะเป็นการเปิดพื้นที่เสวนาเรื่องเสรีภาพ

ในวันต่อไปนี้ เราจะเห็นการต่อสู้ระหว่างความถูกต้องตามกฎหมายธรรมชาติและความถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง ผ่าน คุณหนูหริ่ง อ.สาวตรี และ อ.วรเจตน์ อย่างแน่นอน และ อ.แหววก็คิดว่า ใน คสช ก็มีคนที่เป็นพิราบ และอาจมีไม่น้อย พิราบย่อมฟังพิราบเข้าใจค่ะ

อ.ตุ๊ก ศรีสดา ไพศาลสกุลชัย แห่ง คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี แลกเปลี่ยนมาว่า "เรียน อ.แหวว มหาวิทยาลัยคงต้องได้เวลาปรับปรุงให้ นศ.เข้าใจความถูกต้องที่มีมแต่ธรรมชาติ กับความถูกต้องที่ปรุงแต่งขึ้นโดยมนุษย์ในสังคม เพื่อให้แยกแยะความแตกต่างได้ และจะได้คืนสู่ธรรมชาติที่ดีและงดงามของมนุษย์ เมื่อเป็นบัณฑิต เพราะถ้าไม่เข้าใจจุดนี้ก็เสียเวลาในมหาวิทยาลัยป่าวๆ เปลืองภาษีราษฎร"

ในส่วนนี้ อ.แหววเห็นด้วยกับ อ.ตุ๊กมากที่เดียว จึงตอบไปว่า "ในสถานการณ์นี้ เป็นโอกาสที่ครูกฎหมายจะได้สอนหนังสือค่ะ คงหาโอกาสยากที่จะเรียนรู้ในความเป็นจริงเกี่ยวกับ "การใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชนในสถานการณ์รัฐประหาร" เราคงได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสังคมไทยในเรื่องสัมพันธภาพระหว่างกฎหมายธรรมชาติและกฎหมายบ้านเมือง มาช่วยกันสร้างห้องเรียน/พื้นที่การเรียนรู้"

ในที่สุด อ.ตุ๊ก ก็ตอบกับมาว่า "จัดไปค่ะอาจารย์ ดูน่าตื่นเต้นดี ที่มอทรายเรามีวิชาปรัชญาเบื้องต้นและนิติปรัชญาสอนนศ.ชั้นปีที่สอง เดาว่าเป็นความมุ่งหวังของท่านผู้ร่างหลักสูตรที่อยากจะฝึกนักกม.น้อยให้พัฒนาวิธีคิด เราเลยสอนเรื่องจริยธรรมที่กล้าหาญ ไม่คาดคิดว่า พวกเขากำลังสอบในชีวิตที่เป็นจริง right now เพราะหลายคนเริ่มพึมพำในงานที่ทำอยู่ ....ฯลฯ ในฐานะครู เราก็คิดอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากปรารถนาดีต่อพวกเขา หวังว่าแรงบันดาลใจจากวิชานี้จะช่วยพวกเค้าให้คิดออกว่าจะเดินไปบนโลกใบนี้อย่างไร ที่จะไม่ทรยศต่อวิชาชีพกม. ที่สำคัญต่อความเป็นมนุษย์ของเค้าเอง....สาธุ"

(๓) มีท่านที่เป็นห่วงว่า คสช. จะเรียกให้ อ.แหววไปรายงานตัว !!!!!

ในประเด็นนี้ ถ้า คสช เรียก อ.แหววไปคุยก็ดีค่ะ อ.แหววจะได้มีโอกาสเสนอแนะการสร้างพื้นที่เสรีภาพทางความคิดเพื่อสังคมกับท่านทั้งหลาย

ในที่สุดของการอ่านความเห็นของหลายท่านที่เวียนกันมาแลกเปลี่ยนกับ อ.แหววในบันทึกนี้ ก็อวดคิดไม่ได้ว่า เป็นโอกาสดีค่ะที่ได้คุยกับหลายท่านผ่านเรื่องราวของหนูหริ่ง ซึ่งถ้าหนูหริ่งทราบ ก็คงยิ้มแบบเจ้าเล่ห์มากว่า "สิ่งนี้ล่ะที่ฉันต้องการ" .... พื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องเสรีภาพ 

ถ่ายเมื่อหนูหริ่งมาชวนคิดเรื่องงานการจัดการคนหายในประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๕๔๖

[โอ๋-อโณ]

ดีใจที่มีคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาเพื่อคนอื่นแบบอ.แหววนะคะ สมัยนี้เรามักจะเหมากันไปหมดและกลัวที่จะออกความเห็นตามความเป็นจริง สำหรับตัวเองเชื่อเสมอว่าไม่มีใครแย่ไปหมดหรือดีไปหมด เราต้องช่วยกันมองในสิ่งที่ถูกต้องและแก้ไขในส่วนที่ผิด อย่าเหมารวมไปหมด ส่วนที่ดีก็ต้องส่งเสริม สิ่งที่ไม่ดีก็ต้องทำความเข้าใจ คงไม่มีใครอยากทำอะไรไม่ดี เพียงแต่เหตุผลแต่ละคนก็ต่างกันไป เชื่อว่าคสช.ก็คงไม่ด่วนสรุปอะไรโดยไม่ฟังคนอื่น ขอเพียงมีคนแบบอ.แหววนี่แหละค่ะที่ต้องออกมาช่วยเพื่อนในทางที่ถูกต้องด้วยความจริง สำหรับตัวเองเท่าที่เคยฟังก็คิดว่าคุณสมบัติน่าจะมีความตั้งใจดีต่อประเทศ แต่ก็มีแนวคิดที่ค่อนข้างแข็งกร้าวและอาจจะเป็นด้วยบุคลิกที่ทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้ถ้าไม่รู้แนวคิดแนวปฏิบัติของเขาจริงๆ