เมื่อวานผู้เขียนได้มีโอกาสเข้ารับฟัง การแถลงข่าวจากภาคีเครือข่ายของศจย. โดยสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย มูลนิธิสาธารณสุขแห่งชาติ ในหัวข้อ “เตือนมะกันอย่าชวนไทยเข้า TPP เพราะย่ำยีศักดิ์ศรีและอธิปไตยยาสูบของชาติ” ณ โรงแรม สุโกศล กรุงเทพฯ เวลา 9.00-12.00 น.
นักวิชาการชี้ อย่าชวนไทยเข้า TPP เสี่ยงตกเป็นเหยื่อทางการค้าของมะกัน ซ้ำถูกย่ำยีอธิปไตยการควบคุมยาสูบของชาติ ขัดขวางการออกกฎหมายบุหรี่ หากฟ้องร้องมีสิทธิแพ้คดีความ เหตุถูกโยนให้อนุญาโตตุลาการตัดสิน เตือน “โอบามา” อย่าชวนไทยเข้าร่วมอีก เผยพร้อมแจงเหตุผลข้อคัดค้านต่อ คสช. หากจะมีการพิจารณาเรื่องนี้
รศ.สุชาดา ตั้งทางธรรม อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า การเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วม TPP ของไทยจะส่งผลต่อการค้ากับสหรัฐฯเป็นหลัก เพราะไทยมีข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศซึ่งเป็นสมาชิก TPP อยู่แล้ว ดังนั้น กรณีของ TPP ต้องพิจารณาว่าไทยต้องการทำข้อตกลงเสรีการค้า (FTA) กับสหรัฐฯหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยมีการเจรจาแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และต้องพิจารณาว่าข้อตกลงจะส่งผลต่อไทยเหมือนการเจรจา FTA ไทย-สหรัฐฯ หรือไม่
“ไทยไม่ควรเข้าร่วมกลุ่ม TPP เพราะปัจจุบันเป็นสมาชิกของกลุ่มเศรษฐกิจอยู่แล้วหลายกลุ่ม มองว่าควรสร้างความเข้มแข็งภายในกลุ่มอาเซียนมากกว่า และอย่ามองแค่ GDP แต่ควรมองว่าคนไทยทั้งประเทศจะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน รวมถึงควรคำนึงถึงผลกระทบการเมืองระหว่างประเทศ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่หันกลับมารุกในภูมิภาคเอเชียมากขึ้น เป็นเพราะต้องการถ่วงดุลอำนาจกับจีนที่กำลังแผ่ขยายอิทธิทางการค้าไปทั่วโลกด้วย” รศ.สุชาดา กล่าว
นายวศิน พิพัฒนฉัตร ทนายความ สถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย กล่าวว่า ไทยไม่สมควรเจรจาเรื่อง TPP กับสหรัฐฯ เนื่องจากสหรัฐฯ มักสอดไส้ข้อตกลงทางด้านทรัพย์สินทางปัญญา (TRIPs Plus) เข้ามาเป็นเงื่อนไขในกรอบการเจรจาเสมอ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการควบคุมการบริโภคยาสูบของไทย เพราะในต่างประเทศมีงานวิจัยเชิงประจักษ์แล้วว่า บริษัทบุหรี่ต่างชาติพยายามผลักดันให้ TRIPs Plus เข้ามามีบทบาทในกรอบเจรจา TPP ซึ่งจะมีข้อกำหนดที่เฉพาะเจาะจงที่เอื้อต่ออุตสาหกรรมยาสูบในการใช้เป็นเครื่องมือโต้เถียง เมื่อมีการออกกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมการโฆษณาและส่งเสริมการขาย ตลอดจนการกำหนดกฎเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์
นายไพศาล ลิ้มสถิตย์ กรรมการบริหารศูนย์กฎหมายสุขภาพและจริยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หากไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก TPP จะส่งผลกระทบต่อการควบคุมยาสูบ เช่น ถ้าไทยจะออกกฎหมายควบคุมยาสูบฉบับใหม่จะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งรวมถึงบริษัทบุหรี่ต่างชาติด้วย และอาจต้องใช้ความเห็นดังกล่าวมาปรับปรุงกฎหมาย จึงคล้ายกับเป็นการแทรกแซงการควบคุมยาสูบของไทย นอกจากนี้ กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างบริษัทบุหรี่กับหน่วยงานของไทย คดีจะอยู่ในอำนาจการพิจารณาตัดสินของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ที่เป็นอนุญาโตตุลาการอาจปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นกลาง เข้าข้างบริษัทบุหรี่ เพราะสามารถถูกซื้อตัวได้ ไม่มีระบบตรวจสอบจริยธรรมที่ชัดเจน อีกทั้งการต่อสู้คดีเช่นนี้ รัฐบาลไทยจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านบาท และหากไทยเป็นฝ่ายแพ้คดีก็ต้องเสียเงินค่าชดเชยจำนวนมหาศาล
“หากไทยเข้าร่วม TPP บริษัทบุหรี่จะสามารถฟ้องร้องเพื่อยับยั้งกฎหมายควบคุมยาสูบได้ง่ายขึ้น และมีแนวโน้มว่าหน่วยงานด้านสุขภาพจะแพ้คดีความ นอกจากนี้ คดีเหล่านั้นจะไม่อยู่ในอำนาจของศาลไทย แต่จะใช้กลไกระงับข้อพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน ที่เรียกว่า Investor3State Dispute Settlement หรือ ISDS ซึ่งมีลักษณะเป็นการคุ้มครองนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย” นายไพศาล กล่าว
ข่าวที่ปรากฏ : http://www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9570000064918
โดย รติกร เพมบริดจ์ [email protected]
11 มิ.ย.57
ขอบคุณข้อมูลดีๆครับ
...ถึงจะมีพิษภัย และผลเสียมากมาย...แต่คนก็ยังสูบบุหรี่อยู่ทั่วโลกนะคะ
ขอบคุณครับ อเมริกาที่ย้ำเสมอว่าไทยเป็นมิตร แต่การกระทำมักสวนทางกันเสมอ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะคะ