ติดตามอ่านย้อนหลังได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.naewna.com/columnist/1104
ผมภูมิใจมากที่องค์กรอิสระ เช่นปปช.หรือศาลรัฐธรรมนูญ ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ไม่กลัวอำนาจมืดคุกคามอีกต่อไป
ถ้าไม่มีกปปส.และมวลมหาประชาชนให้กำลังใจละก็ป่านนี้พลังเสื้อแดงคงข่มขู่องค์กรอิสระทุกๆวัน แต่ก็ยังเชื่อว่าพลังความถูกต้องและพลังความดีจะช่วยไว้ได้มาก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขา กปปส. และแกนนำ กปปส. ได้เข้าหารือ กับ นายกิตติพงษ์กิตยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพื่อเรียกร้องร่วมกับมวลชนขจัดระบอบทักษิณ
ข้อแตกต่างระหว่างกลุ่มกปปส.กับกลุ่มเสื้อแดงคือ
กปปส. คือกลุ่มคนดีที่ไม่ชอบระบอบทักษิณ เช่นกลุ่มแพทย์และกลุ่มทุกวิชาชีพทุกแขนง หลายคนกล้าเปิดตัวไม่เป็นไทยเฉยอีกต่อไปอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างๆและนักศึกษาเยาวชนก็ตื่นตัวคล้ายๆเหตุการณ์ 14 ตุลาคม
นอกจากนั้นผมคิดว่ากลุ่มของทนายนกเขาหรือนายนิติธร ล้ำเหลือ และกลุ่มหลวงปู่พุทธอิสระ เป็นกลุ่มที่แตกต่างกับกปปส. แต่มีการร่วมมือกันอย่างเหมาะสมคล้าย3Vของผมคือ Value diversity ของผม ซึ่งเชื่อว่า 3 กลุ่มนี้อาจจะรวมกลุ่มทหารและข้าราชการที่หวังดีต่อประเทศเป็นหลักสำคัญของประเทศอันมหาศาล
ดังนั้นเมื่อมองกปปส.ไม่ใช่มองแค่กำนันสุเทพเท่านั้น การสร้างเครือข่ายแบบนี้ทำให้ฐานการเมืองของกปปส.กว้างขึ้น ซึ่งเป็นความโชคดีของพลเมืองไทยคือ กลุ่มกปปส.และแนวร่วมมีความหลากหลายในวิธีการนำเสนอ คล้ายๆเป็นโรงเรียนเศรษฐกิจและการเมืองที่เน้นความเป็นจริง เช่นหลายคนยังไม่เข้าใจว่าการจำนำข้าวโกงกันอย่างไร ก็ตาสว่างขึ้นเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ไปด้วย
ส่วนกลุ่มนปช.แน่นอนในอดีตมีศักยภาพอย่างมากเพราะไม่มีคู่แข่ง
- การจัดตั้งมีเงินสนับสนุน
- มีอุดมการณ์ฝ่ายซ้ายที่เข้มแข็ง และนำเอายุทธวิธีฝ่ายซ้ายมาใช้แถมมีเงินช่วยได้มาก
- นิยมความรุนแรง
อาจจะมีนักวิชาการฝ่ายซ้ายที่ผสมโรงมาบ้างเช่น อาจารย์นิธิ เอียวศรีวงศ์ อาจารย์ชาญวิทย์เกษตรศิริพวกนี้จริงๆแล้วมีแนวคิดซ้ายอยู่แล้วซึ่งเป็นของธรรมดา ประเทศเช่นฝรั่งเศสก็มีผู้สนใจลงคะแนนให้ฝ่ายซ้าย ร้อยละ15-20 เขามีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ แต่พอเห็นความร่ำรวยและการโกงอย่างเรื่องข้าวอย่างมหาศาลนักวิชาการเหล่านั้นก็อาจจะถอยๆไป
แกนนำยังมีจำกัดแค่ 4-5 คน ยังพูดปลุกระดมแบบเดิมซ้ำๆซึ้งน่าเบื่อ เพียงแต่พลัดกันขึ้นมา บางครั้งเป็นธิดา บางครั้งเป็นจตุพร เก่งเรื่องเดียวคือโกหกกับปลุกระดม พูดโน้มนำคนฟังและคิดว่าทำสำเร็จแล้วจะต้องสำเร็จอีกซึ่งไม่จริง
แต่พอมาเจอปัญหาไพร่/อำมาตย์ เรื่องไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวชาวนาก็ปลุกระดมไม่ออก เพราะทำไมไพร่ไม่ดูแลคนจนด้วยกัน
จึงเป็นที่มาของการรวมตัวที่ขาดพลังแต่สิ่งที่ยังเป็นหลักใหญ่ค้ำอยู่ก็คือการมีเงินมหาศาลซึ่งอาจจะมาจากหลายทาง เช่นบ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นหลักมาจากเงินของคุณทักษิณหรือบรรดาพรรคพวกและส.ส.เพื่อไทยบางคน
ในช่วงยุบสภาเงินหายากคุณทักษิณคงจะต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง ไม่จ่ายเต็มที่ ยกเว้นฉากสุดท้ายและคุณทักษิณก็ระแวง การกินหัวคิวของบรรดาผู้นำเสื้อแดง ซึ่งมีนวัตกรรมต่างๆล่อให้คุณทักษิณจ่ายเงิน ซึ่งใช้จริงๆเท่าไหร่ก็ไม่รู้ยังเป็นปัญหาในการบริหารจัดการเสื้อแดงอยู่จึงมีแต่ราคาคุยมากกว่าของจริง
ยิ่งในช่วง 10 วันก่อนมีการตัดสินขององค์กรอิสระกลุ่มเสื้อแดงเริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด กำนันสุเทพจะได้รับการยอมรับจากปลัดกระทรวงที่ยังเป็นฝ่ายรัฐบาลอยู่ นอกเหนือจากปลัดสาธารณสุข และยังได้รับจากพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็กปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งจริงๆแล้วดูแลคุณยิ่งลักษณ์มากเพราะได้ตำแหน่งจากคุณยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้นายกิตติพงษ์กิตยารักษ์ ปลัดยุติธรรม ที่ต้อนรับกำนันสุเทพให้นั่งคุยแบบสง่าผ่าเผยเป็นที่น่าสนใจมาก ซึ่งแต่ก่อนนี้ถ้าเข้าไปกระทรวงกลาโหมอาจจะถูกหมายจับได้
ผมอยากจะจบด้วยการมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูลเรื่องปฏิรูปประเทศไทยในรายการ “คิดเป็น ก้าวเป็นกับดร.จีร” ทุกวันพฤหัสบดี ช่อง TGN เวลา 21.00 น. คือ
ผมได้เชิญบุคคลที่ผมศรัทธามาออกรายการเพื่อแสดงความคิดเห็นเป็นระยะ โดยเน้น 3 เรื่อง
- เน้นเรื่องปฏิรูปคุณธรรมจริยธรรม
- เน้นเรื่องปฏิรูปการศึกษาและทุนมนุษย์
- เน้นเรื่องปฏิรูปสังคมปลอดคอรัปชั่น
วันนี้ผมอยากเสนออีก 2 เรื่อง คือ ปฏิรูปการกระจายอำนาจจากการต่อสู้ครั้งนี้เห็นชัดว่า รัฐบาลกลางมีอำนาจมากเกินไปถ้าไม่มีคุณภาพ ไม่มีคุณธรรม มีการโกงอย่างมหาศาลอย่างที่เป็น ถึงเวลาที่จะต้องกระจายอำนาจอย่างจริงจัง
เผอิญประเทศไทยมีหน่วยงานที่ทำเนียบรัฐบาลทำเรื่องการกระจายอำนาจอยู่ ผมได้รับเกียรติจากเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานนี้ให้เป็นผู้แนะนำเรื่องการพัฒนาผู้นำท้องถิ่น โดยผมเน้น 2 เรื่อง
- พาไปดูงานที่อินโดนีเซียเพราะเป็นประเทศใหญ่ เขากระจายอำนาจมานานอย่างจริงจังและประสบความสำเร็จ
- การกระจายอำนาจต้องพัฒนาจิตวิญญาณ (Mindset) ของคนในท้องถิ่นว่าทำเพื่อใคร? ปัจจุบันนายก อบต.คิดเพียงอย่างเดียวว่าฉันชนะเลือกตั้ง ฉันต้องบริหารเงินเพื่อตัวฉัน มองแต่งบประมาณไม่ได้มองประเทศเป็นหลัก
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. เข้าหารือกับพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม
ปัจจุบันมหาดไทยเขาหวงอำนาจไว้มาก การปฏิรูปครั้งนี้ต้องทำให้ได้ผลจริง แถมมหาดไทยยังมีกรมปกครองท้องถิ่นที่อยู่ในความดูแลของนักการเมืองส่วนกลาง แต่ยังทำตัวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลกลาง การพัฒนาทุนมนุษย์ของผู้นำท้องถิ่นในการกระจายอำนาจ ต้องทำให้มีคุณภาพ มิใช่ปรับวุฒิให้ทุกคนมีปริญญา แต่ขาดปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าผมมีโอกาสจะทำให้ดีที่สุด
โชคดีที่ได้เห็นศักยภาพของคนในท้องถิ่นมานาน ถ้าเราพัฒนาเขาแล้วมอบโอกาสและอำนาจ (Empower)ให้เขาผมเห็นคุณค่าของคนเหล่านั้น เพราะเขารู้จริงในท้องถิ่นนั้น ถ้าเรามีความจริงใจต่อเขา หวังดี ดูแลให้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีกับประชาชนเท่านั้น ไม่ใช่กระจายอำนาจแบบเดิมทุกอย่างก็จะดีขึ้น
ส่วนการปฏิรูปการเมือง คงจะตามแบบอย่างของตะวันตกให้น้อยลง หันมาศึกษา วิธีการเลือกตั้งเพื่อประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดให้ได้ เช่นที่อินเดียซึ่งกำลังมีการเลือกตั้งใหญ่จะเป็นตัวอย่างที่ดี
- การศึกษาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่สำคัญที่สุดคือ วัฒนธรรมการเมือง ระดับชุมชนของอินเดีย บทบาทของชุมชนในอินเดียยังเข้มแข็งอยู่ ผู้นำทางความคิดในชุมชนของอินเดียยังมีอิทธิพลต่อการเมือง ไม่ได้เป็นการเมืองธุรกิจแบบไทยๆ
- เงินหรือทุนนิยมสามานย์ ยังเข้าไปได้แต่อิทธิพลในอินเดียน้อยกว่าไทยมาก ถ้าคุณทักษิณเกิดในอินเดียคงเป็นใหญ่ยาก เพราะคนอินเดียถึงแม้จะด้อยพัฒนา แต่ยังหวงแหนระบบการเมือง ประเทศไทยนำเอากรณีของฝรั่งเศสหรืออังกฤษมามากเกินไปลองไปดูอินเดียให้มากขึ้นเขาเป็นประชาธิปไตยไม่ใช่พูดแบบคุณยิ่งลักษณ์ว่า
ดิฉันตายเพื่อประชาธิปไตยโดยไม่มีจิตวิญญาณแต่เป็นการถูกสั่งให้พูดที่ไม่มีปรัชญาอะไรทั้งนั้น จึงขอแนะนำให้สนใจอินเดียมากขึ้น
จีระ หงส์ลดารมภ์
[email protected]
www.chiraacademy.com
https://www.facebook.com/dr.chirahongladarom
แฟกซ์ 0-2884-5549
ไม่มีความเห็น