ยิบระยับเปลวแดดแผ่แผดเผา ทั่วลำเนาเหือดแห้งน้ำแล้งสิ้น
เกิดรอยแยกแตกร้าวบนแผ่นดิน ทุกถ้วนถิ่นเดือดร้อนนอนทุกข์ทน
ในผืนนากล้าเขียวก็เหี่ยวเฉา ในอ้อมกอดขุนเขาไม้หมองหม่น
ด้วยขาดน้ำเลี้ยงรากเลี้ยงชีพชนม์ เฝ้ารอคอยน้ำฝนมาโปรยปราย
ลมกระหน่ำซ้ำเติมเพิ่มความทุกข์ โรคร้ายก็ล้ำรุกเกินขอบข่าย
ข้าวก็ยากหมากก็แพงสิ้นแรงกาย ต้นและดอกเค้นจ่ายแทบวายชนม์
ฝูงวัวควาย บ้างก็หาย บ้างตายจาก พวกนายทุนฉุดกระชากทวงดอกผล
อีกค่าปุ๋ย ค่ายา มาประจญ ค่าเทอมลูกหลายคนประจญประจัญ
มองท้องนาข้าวกล้าก็ตายสิ้น มองพื้นดิน ดินก็แยก ดูแผกผัน
มองลำธาร ธารเหือดแห้ง แล้งนานวัน จึงเหหันฟันฝ่ามาวิงวอน
วอนสายลมพรมผ่านผ่อนความทุกข์ วอนสายฝนตกชุกกล้าสลอน
วอนเปลวแดดแผดผ่านประทานพร ให้นายทุนผันผ่อนดอกอีกปี
วอนพ่อค้าลดค่ายาหยุดหน้าเลือด วอนลำธารหยุดแห้งเหือดน้ำล้นปรี่
วอนแนวป่ามีหญ้าเขียวขจี เพื่อเจ้าทุยได้มีที่กู้ชีวิน
วอนให้รัฐบาลท่านกำหนด เพียงช่วยลดการเก็บภาษีสิน
ช่วยชาวนาได้มีที่ทำกิน ลูกหลายคนในท้องถิ่นได้เล่าเรียนฯ
วรากรณ์ พูลสวัสดิ์
ไม่มีความเห็น