จากตอนที่ ๑ ตัวอย่างที่อยู่ของเงินออม
ที่แปลกคือ ที่ม.นเรศวร บีแมนออมเงินผ่าน กบข. หักเงินเดือนร้อยละ ๓ และรัฐบาลสมทบให้อีกร้อยละ ๕ (รวมเงินชดเชยและเงินประเดิม) และยังออมเงินผ่านกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สินสถาพรอีก ร้อยละ ๒ ของรายได้ รวมกับที่มหาวิทยาลัยจ่ายจากเงินรายได้อีกร้อยละ ๒...รวมเม็ดเงินแล้วออมถึงร้อยละ ๑๒ ของรายได้ (ในปีท้ายๆ ของอายุราชการ จะออมเพิ่มในส่วนของกบข. เพื่อใช้ส่วนในการลดหย่อนทางภาษี)
มาแปลกตอนที่ เอาแบบแสดงการรับรองหักภาษี ณ ที่จ่ายไปแสดง กับ กรมสรรพากร เขาจะงงตรงที่มีการเครดิตภาษี ๒ ส่วน ทั้งส่วนที่เป็น กบข. และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ..ต้องอธิบายให้เข้าใจ
ในส่วนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ...เป็นเงื่อนไขของกฏหมาย..ที่นายจ้างกับลูกจ้างจะตกลงกัน เพื่อจ่ายเงินสมทบฝ่ายละเท่าๆ กัน ในระหว่างร้อยละ ๒-๑๕ ดังนั้นหากหน่วยงานที่มีความมั่นคงอยากจะช่วยเหลือลูกจ้างแล้ว จะเลือกอัตราสมทบที่สูง ดังนั้นลูกจ้างควรเลือกหักรายได้ในอัตราสูงสุดที่หน่วยงานกำหนดไว้
ไม่มีความเห็น