สามารถอ่านต้นเรื่องเกี่ยวกับ อาหาร 4 อย่าง ได้ที่ อาหาร 4 อย่าง
ส่วนบันทึกนี้เป็นภาคต่อครับ
โดยเป็นผลการฝึกปฏิบัติตามพระสูตร "อาหาร 4 อย่าง" (วันแรกครับ 555)
เย็นวันนี้แวะไปห้างสรรพสินค้า ซื้อองุ่นไปฝากลูก ๆ ก่อนกลับบ้านครับ
โดยผมวางไว้ที่เบาะข้าง ๆ คนขับ ตอนขับรถออกจากห้างเข้าสู่ถนนใหญ่
มองดูเวลาแล้ว ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ไม่แน่ใจว่าปากหรือท้องกันแน่รู้สึกหิว ๆ ขึ้นมา
มองไปเห็นถุงองุ่นอยู่ข้าง ๆ รีบคว้าไปเจาะรูถุงให้พอหยิบได้
รู้สึกเย็น ๆ มือเพราะพึ่งเอาออกจากตู้แช่ในห้าง ใจก็ยิ่งอยากชิมมากขึ้น
ลูกที่ 2 ก็ตามมา แต่พอลูกที่ 3 พระสูตรเรื่อง อาหาร 4 อย่าง ก็แว๊บ! เข้ามา
(สามารถศึกษาพระสูตรได้ที่ http://pobbuddha.com/tripitaka/upload/files/1796/i... )
มือที่สัมผัสความเย็นของลูกองุ่น เชื่อมโยงไปสู่ "โคไร้หนัง"
ผมเคี้ยวลูกองุ่นลูกนี้อย่างช้า ๆ พร้อมกับค่อย ๆ พิจารณาพระสูตร
ตอนที่ว่าด้วย "อาหารเพื่อข้ามทะเลทราย" ไปด้วย
คุณค่าแท้ (อาหารเพื่อข้ามทะเลทราย) กับ คุณค่าเทียม (ความหวานอร่อย) เริ่มเหวี่ยงสลับกันไปมา หนอ
ภาคขยายความ (ที่ไปที่มา)
หลายปีก่อนผมได้หนังสือที่เขียนโดยท่านติช นัท ฮันห์ มาจำนวนหนึ่ง
ที่ชอบใจมาก ๆ คือ ท่านจะใช้สิ่งรอบข้าง และเหตุในชีวิตช่วยในการเชื่อมโยงเข้าสู่ธรรม
ยกตัวอย่างเช่น บทคาถาเกี่ยวกับการดื่มน้ำชา เพื่อที่จะดื่มน้ำชา
ประมาณว่า แรก ๆ ก่อนจะดื่มน้ำชา เล่าจะสวดพระคาถานั้นก่อน
จนเวลาต่อมา จิตเราจะระลึกถึงพระคาถานั้นก่อนทุกครั้งที่จะดื่มน้ำชา เป็นต้น
ผมเองก็นำมาประยุกต์ใช้ในการดื่มกาแฟ เพื่อที่ดื่มกาแฟ ถึงแม้ผมจะจำพระคาถาไม่ได้
แต่ทุกครั้งที่ผมจะดื่มกาแฟ จิตก็จะถูกดึงมาอยู่กับปัจจุบัน อยู่กับกลิ่นและรสกาแฟ
จนเวลาผ่านมาหลายปี ผมเริ่มสังเกตุว่า วิธีการนี้ได้ผลดีมาก ๆ
ลักษณะคล้าย ๆ กันนี้ ผมก็เชื่อมโยงมรณานุสติ เข้ากับ ตะวันตกดิน
โดยแรก ๆ ก็ต้องเพียรพยายามระลึกเอา คิดเอาอยู่ แต่หลายปีผ่านมา
ทุกครั้งที่เห็นตะวันตกดิน จิตก็จะเชื่อมโยงไปที่มรณานุสติ เสมอ ๆ หนอ
ขยับมาที่ประเด็น "อาหาร 4 อย่าง" นั้น
เริ่มจากตอนสนใจศึกษาธรรมใหม่ ๆ (ตอนนั้นเน้นปริยัติ ยังไม่ได้ปฏิบัติ หนอ)
ผู้รู้ท่านชี้แนะว่า ให้ฝึก "กินน้อย นอนน้อย"
ผมตีความมั่ว ๆ ด้วยตนเองอยู่หลายปี ก็ยังเข้าไม่ถึง แต่ก็ค่อย ๆ พิจารณามาตลอดเวลา
จนเมื่อปีก่อน ได้รับประทานอาหารร่วมกับผู้มีภูมิธรรมสูงกว่า
ท่านได้แนะบนโต๊ะอาหารว่า ทุกคำที่ท่านกินเข้าไป ท่านจะพิจารณาตลอด
แต่ผมเองก็ปากหนัก ลืมถามท่านไปว่า พิจารณาอย่างไร?
ทำให้พิจารณามั่ว ๆ ด้วยตนเองอยู่เป็นนานมาอีกเป็นปี
จนเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกัลยาณมิตรและครูบาอาจารย์
ทำให้ได้ศึกษาพระสูตร อาหาร 4 อย่าง
แรก ๆ ผมอ่านอย่างรวดเร็ว รู้สึกว่า เข้าใจยากมาก จนต้องปล่อยผ่านไปก่อน
หลายชั่วโมงได้กลับไปศึกษาอีก ถึงได้ค่อย ๆ กระจ่างขึ้นเป็นลำดับ
จึงตัดสินใจเขียนบันทึกแชร์ไว้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับกัลยาณมิตรใน G2K นีั
รายละเอียดดังในบันทึก อาหาร 4 อย่าง
จนวันนี้ เอื้อมมือไปหยิบลูกองุ่นด้วยความหิว พระสูตรก็ผุดขึ้นมาให้พิจารณา หนอ
ถ้าถามว่า พิจารณาอย่างไรนั้น
ส่วนตัวพิจารณาเห็นเพียงประมาณว่า ..
อาหารทุกคำที่กลืนเข้าไปนั้น ให้เป็นไปเพื่อคุณค่าแท้ คือ เพื่อเลี้ยงร่างกาย
ไม่ควรหลงยึดมั่นถือมั่นในคุณค่าเทียมทั้งหลายเช่น ยี่ห้อ ราคา รสชาด
ความอร่อย หรือแม้แต่ความสะอาด
เพราะคุณค่าเทียมเหล่านั้น จะสร้างภพ สร้างชาติ แห่งความหลงที่ติดตามมาอีกมากมาย หนอ
ยายธีเคยพิจารณาว่า..องุ่น..น่ากิน..เนอะ..น่ากินหนอ..หยิบกินไป..ลูกหนึ่ง..หวาน..หนอ...เอ้อ..อยากกินไปเรื่อย..หนอ...น้ำตาล..คงขึ้นกระฉูดหนอ...กินไปแล้ว..เดี๋ยว..ก็..คันเขยออๆ..หนอ.....ชั่วโมงต่อมา..คัน..จริงๆหนอ...องุ่น..ถูกฉีดยา..จิงๆๆหนอ...อยากกิน..ปลอกเปลือกหนอ..กินไปแล้ว.หมดอยาก..ไหมหนอ....
พิจารณาเพลินไปหน่อย..หมด.กิโล... เลยพบคำว่า..ชีวิต..เริ่มต้นที่การ..กินๆๆๆๆ...อิอิอิอิ.........สาธุ สาธุ สาธุ