nobita
นาย ชัยพร รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

โจทย์แรกของการเริ่มต้น


จากบันทึกก่อนหน้านี้ โจทย์แรกผมกำหนดให้หลานผมเลือกหนังสือที่ผมซื้อมาให้ ๑ เล่ม เพื่ออ่านให้ตาของเขาฟัง และต้องอ่านให้ผมฟังด้วย ซึ่งวัตถุประสงค์ของผมคือ ผมอยากรู้ว่า หลานผมอ่านหนังสือออกหรือไม่ ถ้าอ่านออก อ่านคล่องเพียงใด มีคำศัพท์ลักษณะใดบ้างที่เขาอ่านไม่ออก หรือสะกดคำไม่ถูก...

หลานผมเขาเลือกหนังสือ "ขอตั๋วหนึ่งใบกลับไปสู่วัยเด็ก" ครับ เป็นหนังสือที่แปลมากจากภาษาเวียดนาม และเป็นหนังสือรางวัลซีไรท์ของเวียดนามด้วย เป็นเรื่องของเด็กสี่คนที่สามารถสะท้อนภาพจำเก่า ๆ สมัยเมื่อเราเป็นเด็กให้ออกมากับจินตนาการตามเรื่องที่นักเขียนได้ประพันธ์ไว้ รวมถึงการได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ของสังคมเวียดนามด้วยเช่นกัน...

ผมถามพ่อว่า หลานอ่านหนังสือเป็นอย่างไรบ้าง พ่อก็บอกว่าอ่านได้ อ่านถูกต้อง และคล่องพอสมควร... และเมื่อถึงวันนี้ ผมพร้อมที่จะฟังและตั้งใจจะสอน ผมจึงให้หลานชายตัวดี มานั่งอ่านนังสือให้ฟัง...

ก่อนจะอ่านผมก็ถามก่อนว่า เรื่องที่อ่านเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีตัวละครชื่ออะไรบ้าง แล้วอ่านไปกี่บท แต่ละบนว่าอย่างไร

คำตอบที่ได้รับ เป็นสิ่งที่ผมไม่คาดหวัง เพราะคิดว่าเขาคงจะอ่านจับใจความ หรือสรุปความอะไรไม่ได้มากนัก แค่เขาเล่าว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร มีตัวละครใครบ้างผมก็ยินดีแล้ว

และเมื่อให้เขาอ่านให้ฟัง ผมพบว่า คำบางคำ เขายังอ่านไม่คล่อง เหมือนกับการสะกด หรือผสมคำแล้วอ่านไม่ออก ตัวอย่างเช่น

คำว่า เจ้าฮายแคระ  ยัยตี๋ฟันหลอ (คำนี้อ่านไม่คล่อง)  ขมวดคิ้ว  ฉลองตรุษเต็ด (คำนี้ในหนังสืออธิบายว่า เป็นวันฉลองปีใหม่ของชาวเวียดนาม ผมเลยสอนให้หลานอ่านแล้วอธิบายใหม่ว่า ถ้าเมืองจีน จะเรียกว่า ตรุษจีน แต่ถ้าเป็นเวียดนาม จะเรียกว่า ตรุษเต็ด)  ศากยมุณี  และคำว่า ฟิสิกส์  นอกนั้นก็พอกล้อมแกล้มไปได้  เวลาเขาอ่าน คำไหนถ้าผมฟังไม่ชัดจะให้เขาอ่านทวนใหม่ แล้วจะขอดูตัวหนังสือเพื่อจะสอนว่าคำนี้ควรออกเสียงเช่นไร

มาถึงจุดนี้ สำหรับผมคิดว่า ทักษะการอ่านของหลานคนนี้ก็น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ ถ้าได้ลองให้ฝึกอ่านออกเสียงบ่อย ๆ ก็น่าจะชี้แนะและปรับปรุงให้ดีขึ้นได้...

ตอนที่เขานอนหลับแล้ว ผมหยิบหนังสือที่เขาเลือกอ่านแล้วเปิดอ่านดูในบทที่เขาอ่านให้ผมฟัง ผมมาสะดุดนิดนึงว่า ผมไม่ได้ยินหลานผมอ่านภาษาอังกฤษที่อยู่ในเนื้อหาตรงนี้  เอ.. หรือว่าเขาอ่านแล้ว แต่ผมไม่ด้ยินเอง  รึว่า เจ้าตัวดีจะลักไก่ผมซะนั่น... แต่ไม่เป็นไร  ถือว่าสิ่งที่ได้ยินมาอยู่ในระดับที่พอใจแล้ว  และวางแผนต่อสำหรับโจทย์ที่สอง  นั่นคือ การสำรวจว่า ภาษาอังกฤษของหลานผมจะอยู่ในระดับใด แล้วจะเริ่มต้นที่ตรงไหนดี  หลังจากเขาอ่านจบแล้ว ผมก็ใช้วิธีการว่า ให้เขาไปอาบน้ำให้สบายตัวก่อน แล้วมาเรียนภาษาอังกฤษกันสักนิดนึง จบแล้วเราค่อยมาดูหนังจากแผ่น DVD ด้วยกัน

สำหรับโจทย์ที่สองจะเป็นอย่างไร จะบันทึกไว้ในครั้งต่อไปนะครับ

 

หมายเลขบันทึก: 566266เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2014 00:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 เมษายน 2014 00:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

เรียนคุณ ชัยพร

สอนหลานให้เป็นนักอ่าน เป็นการ "ยอน"ที่ชาญฉลาด

หลานไม่ไร้ทิศทางในการอ่าน

"การเดินทางที่วุ่นวายอากาศร้อนอบอ้าว หญิงสาวกลับถึงที่พักก็รีบเข้าห้องน้ำ"เปิดฝักบัว"ชำระร่างกายให้สดชื่น

ประโยคข้างต้นนี้ผมอ่านเรื่องแปลมา เมื่อ 50 ปีก่อน จินตนาการไม่ออกว่า ฝักบัวเป็นอย่างไร ในสมัยที่เราอาบน้ำโอ่ง อาบน้ำบ่อ ใจนึกถึงแต่ ฝักบัวที่อยู่ในคลอง หนองบึง หลายปีกว่าจะรู้ว่าฝักบัวคือในห้องน้ำคืออะไร

ขอบคุณครับ บังวอญ่า ตอนเด็ก ๆ ผมหาได้มีใครคอยสอนคอยชี้แนะไม่ อาศัยเป็นการกระทำที่เรียกว่า "ครูพักลักจำ" และการใฝ่คว้าหาสิ่งที่ตัวเองต้องการ จึงทำให้ผมสามารถจะก้าวมาถึงเวลานี้ได้คับ แต่สำหรับคนที่ผมรัก ถ้ามีโอกาสที่จะชี้แนะแนวทาง ช่องทางที่ดี เพื่อเป็นทางลัดทางเร็ว ผมก็จะทำครับ

พี่จินตนาการภาพน้าหลานอ่านหนังสือด้วยกันออกทีเดียวว่าอบอุ่นน่ารักแค่ไหน กว่าจะเปิดเทอมหลานชายคงได้สิ่งดีๆ ไปเยอะแน่

วันหลังพาหลานไปเลือกหนังสือที่อยากอ่านเองสิคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท