เรื่องนี้เขียนโดย อาจารย์ประทีป พันธุมวนิช คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
การแปรงฟันเป็นส่วนสำคัญต่อสุขภาพช่องปาก สามารถป้องกันโรคเหงือกอักเสบ และโรคฟันผุ ถ้าแปรงฟันร่วมกับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ อย่างไรก็ดี เป็นที่น่ากังขาว่าทำไมยังมีโรคเหงือกอักเสบและโรคฟันผุแทบทุกคน แม้ว่าทุกคนได้มีการแปรงฟันไม่มากก็น้อยอยู่ตลอดเวลา จากผลงานวิจัยและงานวิชาการระบุไว้ว่า การแปรงฟันอย่างมีประสิทธิภาพสามารถป้องกันโรคเหงือกอักเสบและโรคฟันผุได้ ถ้าได้มีการปฏิบัติแปรงฟันอย่างถูกต้อง สม่ำเสมอ
อุปกรณ์สำคัญของการแปรงฟันอย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่
- ใช้แปรงสีฟันขนอ่อนนุ่ม เพื่อให้ปลายขนแปรงสามารถทำความสะอาดและนวดขอบเหงือกได้โดยไม่เจ็บและไม่ทำอันตรายต่อเหงือกและเนื้อฟัน หรือทำให้เหงือกร่น
- ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ที่ได้มาตรฐาน ขนาดความเข้มข้น 1,000 ส่วนในล้านส่วน (มาตรฐาน อย.)
หลักการแปรงฟันอย่างมีประสิทธิภาพ คือ
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้า (หรือกลางวัน) และก่อนนอน
- ใช้เวลาแปรงฟันนาน ครั้งละ 2 นาที
- ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ขนาดประมาณ 2 ซม. (ในผู้ใหญ่)
- หลังการแปรงฟัน ให้บ้วนน้ำโดยใช้น้ำน้อยที่สุด เช่นน้ำ 1-2 อุ้งมือ โดยไม่บ้วนจากถ้วยน้ำ
- ไม่ดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง หลังการแปรงฟัน
ทำไมต้องแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง?
ในแต่ละวัน เรามีกิจวัตรประจำวันและรับประทานอาหาร 3 มื้อ เชื้อจุลินทรีย์ในปาก โดยเฉพาะในคราบจุลินทรีย์บนตัวฟัน สามารถเจริญและขยายตัวสะสมมากขึ้น จากอาหารที่ผ่านเข้ามาในปาก เชื่อเหล่านี้จะสร้างกรดและสารพิษที่เป็นอันตรายต่อฟันและเหงือกที่อยู่โยรอบ การกำจัดคราบจุลินทรีย์โดยการแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ได้รับการพิสูจน์ว่าสามารถป้องกันโรคฟันผุและเหงือกอักเสบได้ดีกว่าการแปรงฟันวันละครั้ง โดยเฉพาะการแปรงฟันในเวลาก่อนนอน จะมีส่วนสำคัญในการลดเชื้อจุลินทรีย์ในปากไม่ให้ทำอันตรายต่อเหงือกและฟันในขณะนอนหลับเป็นเวลา 6-8 ชั่วโมง เนื่องจากการขับน้ำลายเพื่อชะล้างในปากลดลงอย่างมากในขณะนอนหลับด้วย
ทำไมต้องแปรงฟันนาน 2 นาที?
การแปรงฟันเป็นการทำความสะอาดและกำจัดคราบจุลินทรีย์บนตัวฟัน จึงจำเป็นต้องแปรงช้าๆ ให้ทั่วถึงทุกซี่และทุกด้านของฟันแค่ละซี่ นอกจากนี้การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ จำเป็นต้องให้เวลาฟลูออไรด์ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับส่วนประกอบแคลเซียมฟอสเฟตของฟัน จากผลการทดลองในห้องปฏิบัติการ พบว่าฟลูออไรด์ทำปฏิกิริยากับแคลเซียมฟอสเฟต ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 นาที จึงได้ผลในการป้องกันโรคฟันผุได้ดี
จะใช้ยาสีฟันปริมาณเท่าใดในการแปรงฟันแต่ละครั้ง?
การแปรงฟันเพื่อป้องกันโรคฟันผุจำเป็นต้องใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เท่านั้น นอกจากนี้ปริมาณฟลูออไรด์อออนอิสระในยาสีฟันต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 800 ส่วนในล้านส่วน เพื่อให้สามารถทำปฏิกิริยากับส่วนประกอบทางเคมีของฟันในการเสริมสร้างแร่ธาตุกลับได้อย่างพอเหมาะ จำเป็นต้องมีปริมาณฟลูออไรด์ในปริมาณที่เหมาะสมจากยาสีฟัน ซึ่งปริมาณยาสีฟันขนาด 2 ซม.หรือน้ำหนักของยาสีฟันประมาณ 1.0-1.5 กรัม (ในผู้ใหญ่) จะมีฟลูออไรด์ประมาณ 1,000 ไมโครกรัมทำปฏิกิริยาในการเสริมสร้างแร่ธาตุกลับได้ดี
อย่างไรก็ดี ในเด็กเล็กต้องใช้ปริมาณของยาสีฟันผสมฟลูออไรด์น้อยลงตามอายุของเด็กด้วย โดยในเด็กเล็กอายุ 6-24 เดือน ใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ปริมาณเพียง 0.1 กรัม หรือแตะยาสีฟันบนขนแปรงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อโตขึ้นอายุ 2-6 ขวบให้ใช้ปริมาณยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ในปริมาณ 0.25 กรัม หรือตามแนวขวางของขนแปรงสีฟัน และเมื่ออายุ 6 ขวบขึ้นไปให้ใช้ปริมาณยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ขนาด 1.0–1.5 กรัมตามความยาวของขนแปรงสีฟัน
การบ้วนน้ำหลังการแปรงฟันสำคัญไฉน?
การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เป็นการนำพาฟลูออไรด์ให้ทำปฏิกิริยากับส่วนประกอบแคลเซียมฟอสเฟตในฟันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณฟันที่มีการสูญเสียแร่ธาคุจากกรดในขบวนการเกิดโรคฟันผุ โดยฟลูออไรด์จะช่วยเสริมสร้างแร่ธาตุกลับบนบริเวณฟันดังกล่าวในการป้องกันโรคฟันผุ จึงจำเป็นต้องให้ฟลูออไรด์ทำปฏิกิริยาบนฟันนานเพียงพอ การบ้วนน้ำหลังการแปรงฟันเป็นการล้างฟลูออไรด์ออกจากปากจำนวนมากด้วย เพื่อให้มีฟลูออไรด์ในปากจำนวนมากพอ จึงควรบ้วนน้ำหลังแปรงฟันด้วยปริมาณน้ำปริมาณน้อยที่สุด เพียงขนาด 1-2 อุ้งมือ แทนการบ้วนจากถ้วยน้ำ
ทำไมต้องห้ามดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารหลังการแปรงฟัน?
ฟลูออไรด์จะช่วยเสริมสร้างแร่ธาตุกลับบนบริเวณฟันในการป้องกันโรคฟันผุ จึงจำเป็นต้องให้ฟลูออไรด์ทำปฏิกิริยาบนฟันนานเพียงพอ โดยปราศจากการรบกวนใดใด การดื่มน้ำเป็นการชะล้างฟลูออไรด์ในขณะที่กำลังทำปฏิกิริยาเสริมสร้างแร่ธาตุกลับบนฟัน ส่วนการบดเคี้ยวในขณะรับประทานอาหารนอกจากเป็นการลดฟลูออไรด์บนฟันแล้ว ยังเป็นการรบกวนปฏิกิริยาทางเคมีบนตัวฟันด้วย อันจะมีผลให้ฟลูออไรด์จากยาสีฟันทำปฏิกิริยาเสริมสร้างแร่ธาตุกลับไม่ได้เต็มที่
โดยสรุป
การแปรงฟันที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือกอักเสบ ควรแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันขนอ่อนนุ่มด้วยยาสีฟันผสมฟลูอไรด์ขนาด 2 ซม. (ในผู้ใหญ่) วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2 นาที ก่อนนอนและหลังอาหารกลางวัน หรือหลังอาหารเช้าซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และหลังแปรงฟัน ควรบ้วนน้ำเพียง 1-2 อุ้งมือ และไม่ควรดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารเป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง ภายหลังการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์
เอกสารอ้างอิง
- Effective Use of Self-care Fluoride Administration in Asia. D.T. Zero, V.C.C. Marinho, and P. Phantumvanit
เป็นความรู้ที่ชัดเจน มีเหตุผลครบถ้วนค่ะหมอนน จะจดจำไปทำให้ครบ
สงสัยนิดเดียวว่า "บ้วนน้ำหลังแปรงฟันด้วยปริมาณน้ำปริมาณน้อยที่สุด เพียงขนาด 1-2 อุ้งมือ แทนการบ้วนจากถ้วยน้ำ" คืออะไร ความสำคัญคือใช้น้ำน้อยที่สุด มันเกี่ยวกับถ้วยน้ำตรงไหน
ขอบคุณความรู้ดีๆ
แม่หมอหายไปนานมากๆ
ผมเพิ่งร้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงภายใน 3 เดือน
ตอนไปทำงานกับแม่หมอนี่ละ
ตอนนี้เลยต้องฝึกแปลงฟันแบบในบนทึกนี้
คิดถึงแม่หมอครับ อย่าหายไปนาน
เพื่อให้มีปริมาณฟลูออไรด์คงอยู่ในปากมากที่สุดค่ะ ฟลูออไรด์จะช่วยเคลือบอยู่รอบๆ ฟัน ทำให้ฟันแข็งแรง เกิดการละลายตัวยาก
เรื่องฟันผุ ตอนนี้ ข้อมูลวิชาการก็คือ ฟันจะผุได้ จะต้องมีการละลายตัวของผิวฟัน ถ้าสภาพแวดล้อมรอบฟัน เป็นกรด เนื้อฟันไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการสูญเสียแร่ธาตุออกจากผิวฟันได้ง่าย ก็จะทำให้ฟันผุค่ะ
จึงเน้นที่การทำให้ฟันแข็งแรง ด้วยการเสริมธาตุฟลูออไรด์เข้าไป ทางหนึ่งก็คือ ยาสีฟัน (ที่ต้องเน้นมีฟลูออไรด์) จึงตามมาด้วย เมื่อแปรงฟันได้ฟลูออไรด์เข้าไปแล้ว แต่บ้วนออกซะหมด ก็จะไม่มีเหลืออยู่่ จึงเน้นบ้วนที่ประมาณ 2 ฝ่ามือนี่ละคะ