เมื่อครั้งหนึ่งผมมีโอกาสนั่งดูภาพยนตร์เรื่อง 198 รหัสรักปาฏิหาร เป็นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่สะท้อนความเป็นวิชาชีพบรรณารักษ์ซึ่งเป็นวิชาชีพที่ผมเรียนในระดับปริญญาตรี ซึ่งผมสารมารถสรุปเป็น 2 ประเด็นคือ ได้อะไรจากภาพยนตร์ และ จากภาพยนตร์เห็นอะไรเกี่ยวกับงานบริการสารสนเทศ
1. ได้อะไรจากภาพยนตร์
1. การใช้บริการในห้องสมุดควรช่วยกันรักษาทรัพยากรสารสนเทศ เนื่องจากทรัพยากรสารสนเทศบางชนิดก็ไม่มีขายอีกแล้วในร้านขายหนังสือ ซึ่งทรัพยากรสารสนเทศในห้องสมุดนั้นเป็นสมบัติของทางราชการผู้ใช้บริการทุกคนควรช่วยกันดูแลรักษาทรัพยากรสารสนเทศเพื่อเป็นประโยชน์ในการศึกษาค้นคว้าของคนในรุ่นต่อๆไป
2. หลังจากใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสารสนเทศแล้วควรจัดเก็บเข้าที่ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเพื่อสะดวกต่อการค้นหาทรัพยากรของผู้อื่นที่มาใช้บริการซึ่งทำให้ผู้ใช้บริการคนอื่นๆ ซึ่งมีพฤติกรรมต่างจากการใช้บริการทรัพยากรสารสนเทศ เช่น การซ่อนหนังสือเพื่อเก็บไว้อ่านคนเดียว การวางหนังสือกลับด้าน
การวางหนังสือผิดหมวดหมู่ การฉีกหนังสือ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมและส่งผลให้ผู้ใช้บริการคนอื่นไม่สามารถเข้าถึงทรัพยากรสารสนเทศได้และถือได้ว่าเป็นการทำลายสมบัติของทางราชการด้วย
3. การปฏิบัติงานของบรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุดจะต้องปฏิบัติงานด้วยความตั้งใจและ
มีความขยันในการทำงาน อุทิศตนด้วยความวิริยะและมีความเสียสละเพื่อให้อำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการห้องสมุด จากภาพยนตร์สังเกตได้ว่าผู้ใช้บริการต้องการค้นหาหนังสือในห้องสมุดซึ่งแฟนเก่าได้เขียนข้อความฝากไว้ในหน้า 198 แต่ผู้ใช้บริการจำชื่อหนังสือไม่ได้ บรรณารักษ์ได้อาสาช่วยค้นหาหนังสือในห้องสมุดซึ่งมีจำนวนมาก ซึ่งทำให้ได้ข้อคิดที่ว่า การที่จะเป็นบรรณารักษ์นั้นจะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ มีความเสียสละ มุ่งมั่นและมีความอดทนในการทำงานเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการให้มากที่สุด
4. บรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่ห้องสมุดไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการถือได้ว่าผิดจรรยาบรรณของบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ห้องสมุด ดังนั้นบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่จะต้องเก็บรวบรวมรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการ เคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการ ไม่จำหน่ายหรือเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการให้กับบุคคลอื่น ดังนั้นบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่ที่ดีจะต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้ใช้บริการโดยเด็ดขาด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของข้อมูลนั้นโดยตรง หรือมีบางกรณีที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว เช่น ให้บริการด้านข้อมูลหรือความช่วยเหลืออื่นๆ อนุญาตให้บรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้บริการเฉพาะส่วนของข้อมูลที่จำเป็นในการให้บริการแก่ผู้ใช้บริการเท่านั้น
5. การพูดจาของบรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่จะต้องพูดด้วยความไพเราะและจะต้องแต่งกายด้วยความสุภาพ เนื่องจากบรรณารักษ์เปรียบได้กับพนักงานบริการในสถานที่ต่างๆ ดังนั้นบรรณารักษ์จะต้องมีความอ่อนน้อมและพูดจาไพเราะกับผู้ใช้บริการและเพื่อนร่วมงานซึ่งเป็นการต้อนรับและเป็นการให้บริการด้วยความจริงใจ
6. ผู้ใช้บริการห้องสมุด บรรณารักษ์และเจ้าหน้าที่จะไม่ส่งเสียงดังรบกวนการอ่านหนังสือหรือการใช้บริการห้องสมุดของผู้อื่น
7. การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต จากภาพยนตร์ผู้ใช้บริการ มีการมอบน้ำใจหรือสินบนให้กับพนักงานในเวลาราชการ แต่พนักงานไม่รับสินบนเนื่องจากเป็นผู้ที่มีความซื่อสัตย์และเป็นผู้มีความพอใจในสิ่งที่ตนเป็นอยู่
8. การรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มภายในห้องสมุด ซึ่งไม่ควรทำเพราะบางครั้งเศษอาหารหรือเครื่องดื่มอาจหกภายในบริเวณห้องสมุดหรือหกใส่ทรัพยากรสารสนเทศถือได้ว่าเป็นการทำลายทรัพยากรสารสนเทศอีกวิธีหนึ่งได้
4. บริการช่วยค้นหาทรัพยากรสารสนเทศซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้บริการที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับหมวดหมู่หนังสือ
5.การติดตามหนังสือที่ค้างคืนจากผู้ใช้บริการ เนื่องจากผู้ใช้บริการได้ยืมทรัพยากรสารสนเทศแล้วไม่ได้คืนตามเวลาที่กำหนด บรรณารักษ์หรือเจ้าหน้าที่จะต้องติดตามหนังสือที่หายไปและนำกลับมาให้บริการเหมือนเดิม
6. บริการค้นหาสถิติข้อมูลการยืม – คืน ของแต่ละคนทำให้ทราบว่าผู้ใช้บริการแต่ละคนนั้นยืมหนังสือวันที่ เดือน ปี อะไร ยืมหนังสือเรื่องอะไรบ้าง ยืมไปทั้งหมดกี่เล่ม ส่งคืนแล้วกี่เล่ม ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบการทรัพยากรสารสนเทศที่ผู้ใช้บริการยืมไปนำกลับมาคืนแล้วหรือยัง
7. บริการแนะนำการใช้ห้องสมุด
เป็นเรื่องที่เคยอยากดู แต่ตอนนี้ลืมไปแล้ว
ได้ทบทวนใหม่ จะไปหาดูครับ ;)...
เยี่ยมครับ...
ดึงการเรียนรู้ออกจากชั้นเรียนได้อย่างมากมายหลากหลายทาง
มาให้กำลังใจนะ...
ชื่นชม เสมอมา