รายงานการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด ท่องมิติแกะกล่องสมองกล สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหลวง ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่

ผู้ศึกษา                                    นายสุวรรณ     ตาสา

โรงเรียน                                  โรงเรียนบ้านหลวง  ตำบลยางเปียง  อำเภออมก๋อย  จังหวัดเชียงใหม่

ปีการศึกษา                             2556

บทคัดย่อ

    การศึกษา  เรื่อง  การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด  ท่องมิติแกะกล่องสมองกล สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหลวง ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่  ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อหาประสิทธิภาพของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนชุด  ท่องมิติแกะกล่องสมองกล  ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์  80/80  2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนจากการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด  ท่องมิติแกะกล่องสมองกล 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนชุด ท่องมิติแกะกล่องสมองกล

    ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหลวง  ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ปีการศึกษา 2556 ภาคเรียนที่ 2 จำนวน 27 คน  เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ได้แก่ บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด ท่องมิติแกะกล่องสมองกล แบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน และแบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด ท่องมิติแกะกล่องสมองกล สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ การทดสอบค่าที (T-Test) ค่าเฉลี่ยค่าร้อยละ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC)

    ผลการศึกษาพบว่า  บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด  ท่องมิติแกะกล่องสมองกล สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนบ้านหลวง ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ที่สร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์  เท่ากับ 84.76/83.57 นักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ชุด ท่องมิติแกะกล่องสมองกลมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน  อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดยมีค่าเฉลี่ยคะแนนพัฒนาร้อยละ 32.68 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ยอมรับได้ คือ ร้อยละ 25  นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4  มีความพึงพอใจต่อการเรียนการสอนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนชุด  ท่องมิติแกะกล่องสมองกล โดยรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ย 4.48 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน เท่ากับ 0.98