ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชาการจัดการความรู้ทางการศึกษา


ความรู้ที่ได้จากการเรียนวิชาการจัดการความรู้ทางการศึกษา

ความรู้ที่ได้  วิชาการจัดการความรู้ทางการศึกษาล้วนเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการเรียนซึ่งความรู้ที่ข้าพเจ้าได้รับคือ

  1. ความรู้คือ
  • ความรู้ หากไม่ใช่ก็ปล่อยให้ผ่านไป โดยไม่มีการทบทวนหรือประยุกต์ก็จะทำให้เกิดการสูญหาย การมีความรู้แต่ไม่เผยแพร่อาจจะมีผลดีในระยะสั้นแต่จะเป็นผลเสียในระยะยาว
  • ความรู้คือพลังที่อยู่ในตัวของทุกคนไม่สามารถถ่ายทอดผ่านพันธุกรรมได้ผู้ใดมีความรู้ก็มีพลังมากสามารถตัดสินใจได้ถูกต้องและทำงานสำเร็จได้โดยง่าย
  • ความรู้เป็นทรัพย์สินจับต้องไม่ได้
  • ความรู้ที่มีคุณค่าคือความรู้ที่ได้นำมาประยุกต์ใช้งานหรือใช้ประโยชน์ในเวลาและโอกาสที่เหมาะสม
  • ความรู้ของผู้ด้อยพัฒนาคือ การมองเห็นใบปริญญาหรือใบรับรองความรู้มาประดับบารมี
  • ความรู้มีอยู่รอบตัวทุกคน อยู่ที่ว่าจะนำเก็บมาใช้หรือไม่ เช่น ความรู้จากหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ นิตยสาร วิทยุ

2.การจัดการความรู้ (Knowledge Management - KM)คือ เครื่องมือที่ใช้ในการบริหารจัดการองค์กร เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างน้อย 3 ประการ ไปพร้อมๆ กัน คือ

                1. บรรลุเป้าหมายของงาน

                2. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาคน

                3. บรรลุเป้าหมายการพัฒนาองค์กรไปสู่การเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้

3.ประเภทของความรู้

  • Explicit Knowledge เป็นความรู้ที่ปรากฏและมองเห็นได้ชัดเจน สามารถจัดทำออกมาในรูปแบบเอกสาร คู่มือ หรือสื่อต่าง ๆ
  • Tacit Knowledge เป้นความรู้ที่ไม่ปรากฏชัดแจ้ง ถูกฝังลึกและซ่อนเร้นอยู่ในตัวคน อาจเกิดจากประสบการณ์ การเรียนรู้ พรสวรรค์ (Talent)

 

 

4.วิวัฒนาการของการจัดการความรู้

  • Pre-SECI– ค.ศ. 1978 เป็นยุคของการเริ่มต้นในการจัดการความรู้ ถูกกำหนดให้การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
  • SECI – 1995 เป็นยุคที่มีการจำแนกประเภทของความรู้แบ่งความรู้เป็น 2 ประเภท คือ  Explicit Knowledge และ Tacit Knowledge
  • Post-SECI– 2001 มีการอธิบายให้เห็นว่าการจัดการความรู้เป็นเรื่องที่ซับซ้อน

 

4.ระดับของความรู้

  1. (Know-What) เป็นความรู้เชิงข้อเท็จจริง รู้อะไร เป็นอะไร
  2.  (Know-How) เป็นความรู้เชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริง ภายใต้สภาพความเป็นจริงที่ซับซ้อนสามารถนำเอาความรู้ชัดแจ้ง
  3.  (Know-Why) เป็นความรู้เชิงเหตุผลระหว่างเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ผลของประสบการณ์แก้ปัญหาที่ซับซ้อน และนำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้อื่น เป็นผู้ทำงานมาระยะหนึ่งแล้วเกิดความรู้ฝังลึก สามารถอดความรู้ฝังลึกของตนเองมาแลกเปลี่ยนกับผู้อื่นหรือถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้พร้อมทั้งรับเอาความรู้จากผู้อื่นไปปรับใช้ในบริบทของตนเองได้
  4.  (Care-Why) เป็นความรู้ในลักษณะของความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ที่ขับดันมาจากภายในตนเอง แล้วนำมาสร้างสรรค์จนเกิดความรู้ใหม่

5.โมเดลการจัดการความรู้ SECI MODEL

  1. Socialization  เป็นการถ่ายโอนความรู้โดยตรงระหว่างบุคคลหรือกลุ่มคนโดยไม่ผ่านการเขียน เกิดจากการแบ่งปันประสบการณ์เป็นหลัก
  2. Externalization: การถ่ายโอนความรู้ผ่านสื่อต่างๆทำให้องค์การสามารถจัดเก็บและกระจายความรู้ได้อย่างกว้างขวาง
  3. Combination: เป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงความรู้ที่ชัดแจ้ง  เช่นการแลกเปลี่ยนเอกสารการประชุม การสนทนาทางโทรศัพท์

 

 

6.การจัดการความรู้กับเทคโนโลยีสารสนเทศ

—  เทคโนโลยีสารสนเทศมีบทบาทสำคัญต่อการจัดการความรู้โดยเป็นเครื่องมือที่สนับสนุนการจัดการความรู้ในองค์การให้มีประสิทธิภาพ ตัวอย่างของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ถูกนำมาใช้กับการจัดการความรู้ เช่น

  1. ระบบจัดการเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ (Document and Content Management Systems)
  2. ระบบสืบค้นข้อมูลข่าวสาร (Search Engines)
  3.  ระบบการเรียนรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning)
  4.  ระบบประชุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronics Meeting Systems and VDO Conference)
  5. การเผยแพร่สื่อผ่านระบบเครือข่าย (e-Broadcasting)
  6.  การระดมความคิดผ่านระบบเครือข่าย (Web Board หรือ                   e-Discussion)
  7. ซอฟต์แวร์สนับสนุนการทำงานร่วมกันเป็นทีม (Groupware)
  8. บล็อก (Blog หรือ Weblog)

 

คำสำคัญ (Tags): #km
หมายเลขบันทึก: 561965เขียนเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2014 11:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 กุมภาพันธ์ 2014 11:51 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท