ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดิฉันและเพื่อนๆได้เรียนวิชาการสังเกตและการให้เหตุผลทางคลินิกพื้นฐานกับอาจารย์ป๊อปเช่นเคย และอาจารย์ป๊อปได้ให้การบ้านโดยให้เขียนบล๊อกจาก5หัวข้อที่อาจารย์ให้มา และหนึงในนั้นก็คือหัวข้อ "คำว่าSI ในกิกรรมบำบัดทำอย่างไร"
การบูรณาการการรับความรู้สึกคืออะไร
การบูรณาการการรับความรู้สึก (Sensory Integration) เป็นกระบวนการทางระบบประสาทที่มีมาตั้งแต่กำเนิดส่งผลต่อการรับความรู้สึก การประมวลผล และการแปลผลข้อมูลของสมอง ซึ่งได้จากการกระตุ้นจากสอ่งแวดล้อม ความผิดปกติของการประมวลผลการรับความรู้สึก เป็นความผิดปกติที่ข้อมูลการรับความรู้สึกต่างๆที่สมองรับเข้าไป ไม่ได้ประมวลผลหรือไม่ได้เกิดการจัดระเบียบอย่างเหมาะสม ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ที่หลากหลายในด้านพันาการและพฤติกรรม
Sensory Integration ให้ความสนใจกับระบบการรับความรู้สึกพื้นฐาน 3 ระบบ คือ ระบบการทรงตัว(Vestibular System) การรับความรู้สึกที่กล้ามเนื้อ เอ็นและข้อต่อ(Proprioceptive System) และระบบการรับสัมผัส(Tactile System)
การบำบัดปัญหาด้าน Sensory Integration ในกิจกรรมบำบัด
เป้าประสงค์ของการบำบัดคือ การจัดสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมเพื่อพัฒนา การจัดระเบียบหรือการประมวลผลการรับความรู้สึกของระบบต่างๆเพื่อป้อนข้อมูลการรับความรู้สึกของระบบต่างๆ ให้เกิดการประมวลผลและการจัดระเบียบของสมอง ซึ่งจมีผลถึงพฤติกรรมที่แสดงออกมาโดยตรง
หลังจากนักกิจกรรมบำบัดได้ให้การประเมินเรียบร้อยแล้ว จะทำการจัดกิจกรรมเฉพาะรายบุคคลโดยผ่านการเล่นกับอุปกรณ์เฉพาะทาง เพื่อกระตุ้นระบบที่มีปัญหาให้พัฒนาดีขึ้น ตัวอย่างเช่น เด็กมีภาวะไวต่อการับสัมผัสมากเกินไป นักกิจกรรมบำบัดจะจัดกิจกรรมในลักษณะที่ให้เด็กมีโอกาสสัมผัสกับวัตถุหลากหลายพื้นผิว การให้แรงกดเชิงลึก กิจกรรมที่มีแรงดันแรงดึงต่อกล้ามเนื้อ เอ็นและข้อต่อ
หลักการบำบัดด้วยSIนั้น นักกิจกรรมบำบัดจะเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือ พยายามกระตุ้นให้เด็กทำกิจกรรมด้วยตนเองให้มากที่สุด นักกิจกรรมบำบัดจะคอยสังเกตพฤติกรรมการตอบสนองต่อกิจกรรม และปรับกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง กระตุ้นสมองให้เกิดการสร้างโปรแกรมพัฒนาความสามารถที่สูงขึ้น และมีการแสดงออกของพฤติกรรมที่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้อย่างเหมาะสม(ข้อมูลจาก:http://www.oknation.net/blog/print.php?id=304164)
...เด็กลักษณะใดที่ควรจะได้รับการบำบัด...เพราะโดยปกติเด็กจะมีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านไปตามวัยอยู่แล้ว...มองจากรูปภาพมีทั้งเด็กอยู่ตามลำพังกับอุปกรณ์ และมีนักกิจกรรมบำบัดที่ใช้อุปกรณ์กับเด็ก...อุปกรณ์บางอย่าง...หากเด็กใช้กระตุ้นถูกจุดที่พึงพอใจทำให้เด็กติดอุปกรณ์จะเกิดผลเสียหรือไม่...
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมต่อจากเพื่อนนะคะ ส่วนใหญ่การประเมิน SI หรือการใช้ SI เข้ามาบำบัดในคนไข้ฝ่ายเด็กนั้น มีความสำคัญทางกิจกรรมบำบัดเพราะ มีผลวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า วัยเด็กถือเป็นรากฐานและช่วงสำคัญของชีวิต หากในช่วงวัยเด็กมีการบูรณาการของประสาทความรู้สึกที่ดีนั้น จะส่งผลโดยตรงต่อพัฒนาการทางด้านการใช้กล้ามเนื้อ และการเคลื่อนไหวของเด็กอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการพัฒนาการทางด้านภาษา อารมณ์ การรู้คิด (cognitive) รวมทั้งทักษะในการเข้าสังคม (social skill)
สรุปคือ ถ้ามี SI ที่ดีและเหมาะสมตามวัยแล้วนั้นจะทำให้มีความสามารถ ดังนี้
1. ทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตได้ เช่น เล่น เรียนหนังสือ ทำกิจวัตรประจำวัน
2. มีบุคลิกภาพเฉพาะตัว คือ รู้ว่าตัวเองมีความสามารถที่จะทำสิ่งใดได้
3. สามารถสร้างทักษะทางสังคมได้
4. ควบคุมตนเอง และปรับสภาพอารมณ์ต่อสถานการณ์ต่างๆได้