แนวคิดเรื่องกระปุกออมบุญ มีอยู่ว่า : วันหนึ่งในปีพ.ศ.๒๕๐๙ ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนไปเยี่ยมลูกศิษย์ซึ่งป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองฮวาเหลียน (ไต้หวัน) ท่านเห็นกองเลือดบนพื้น ซึ่งไม่มีผู้คนใดที่ผ่านมาจะสนในเลือดกองนั้นเลยสักนิดเดียว ท่านจึงถามพยาบาลว่า ทำไมเลือดกองอยู่ที่พื้น มีเสียงตอบว่า หญิงชาวเขาแท้งลูกคนหนึ่ง ครอบครัวใช้เวลา ๘ ชั่วโมงจึงหามเธอมาหาที่โรงพยาบาล แต่ทางโรงพยาบาลเรียกค่ามัดจำก่อน ๔,๐๐๐ บาท..ทางครอบเธอไม่มีเงิน จึงต้องหามเธอกลับไป...
ท่านธรรมาจารย์รู้สึกหดหู่ใจมาก เพราะต้นเหตุของเรื่องคือ "เงินตัวเดียว" ท่านจึงคิดที่จะก่อตั้งมูลนิธิ "สงเคราะห์คนจน อบรมคนรวย" เพราะ
ท่านธรรมาจารย์เริ่มงานด้วยการขอร้องลูกศิษย์ ๓๐ คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแม่บ้าน ให้เจียดเงินวันละ ๑ สลึง จากเงินจ่ายค่ากับข้าว และทำให้ธนาคารเล็กๆ เป็นรูปร่างขึ้นโดยใช้ไม้ไผ่เป็นออมสิน และขอร้องให้ศิษย์หยอดเงินในกระบอกไม้ไผ่ทุกวันก่อนไปตลาด
คำขวัญที่ว่า "หนึ่งสลึงก็ช่วยคนได้" แพร่กระจายไปในตลาดเมืองฮวาเหลียน ผู้คนเข้าร่วมสมทบมากขึ้นเรื่อยๆ และโครงการนี้ก็ขยายใหญ่ขึ้น จนถึงวันที่ ๒๔ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวันจึงได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ..
ปี พ.ศ.๒๕๒๒ ท่านธรรมาจารย์ดำริที่จะสร้างโรงพยาบาล เวลานั้นท่านไม่มีเงินทุนใดๆ เลย มีหลายคนกล่าวว่า ท่านคงทำงานนี้ไม่สำเร็จ แต่ด้วยความมุ่งมั่นของท่าน ในที่สุดโรงพยาบาลฉือจี้ก็แล้วเสร็จสมบูรณ์ ในวันที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๙..
เรียบเรียงย่อความเฉพาะส่วนที่ต้องการ จากหนังสือ "จิ้ง ชือ อวี่ ๑" ของ มูลนิธิพุทธฉือจี้ไต้หวัน ในประเทศไทย
สรุปตามความเข้าใจของบีแมนว่า "กระปุกออมบุญ" ทำจากกระบอกไม้ไผ่ และการออมบุญ คือ การสร้างวินัยทางการเงินและการอดออม เพื่อขัดเกลาจิตใจ เสียสละเงินที่ประหยัดได้จากการดำรงชีวิตประจำวัน ในที่นี้คือเงินค่าอาหาร..ต้องพยายามทำทุกวันเพื่อสร้างวินัยให้กับตัวเอง.. เมื่อรวบรวมเงินได้ในจำนวนหนึ่ง ก็นำไปบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์ ในการช่วยเหลือผู้อื่นด้วยจิตใจที่เมตตาต่อเพือนมนุษย์ด้วยกัน...
ไม่มีความเห็น