เมื่อ 19-20 ธ.ค.ที่ผ่านมา เราซึ่งเป็นทีมงานจาสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพของเยาวชน(สสค) ได้ไปเยี่ยมการดำเนินการตามโครงการยกระดับการพัฒนาการเรียนรู้ระดับจังหวัด จังหวัดสุรินทร์ ครั้งที่ 3 คณะกรรมการปฏิรูปการเรียนรู้ของจังหวัด นำโดยท่านอาจารย์ทองสุข รวยสูงเนิน ท่านปลัดอบจ. และผู้บริหารของภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนระดับจังหวัดพาเราไปเยี่ยมชมกิจกรรมการพัฒนาการเรียนรู้ให้แก่เด็กด้อยโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนที่ออกกลางคัน ด้วยสาเหตุต่างๆ ที่ท้องถิ่นบริเวณชายแดน ช่องจอม อำเภอกาบเชิง และอำเภอบัวเชต
เราได้เห็นการทำงานที่เป็นระบบในระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นร่วมกันสำรวจข้อมูลเด็กเยาวชนที่ออกกลางคันหรือหายออกไปจากระบบ ตามสาเหตุต่างๆ ทั้งความยากจน ยาเสพติด เบื่อเรียน ตั้งครรค์ในวัยเรียนฯลฯ แล้วให้โอกาสทางการศึกษาแก่เขาตามความต้องการจำเป็นด้วยความสมัครใจ ซึ่งมี กศน.และวิทยาลัยการอาชีพเป็นแกนหลักจัดสอน อบรม ให้ถึงบันไดบ้าน โดยมีปัญจภาคีในท้องถิ่นจับมือกันอย่างเหนียวแน่น โดยมีความเชื่อว่าถ้าทุกคนมีการศึกษา มีอาชีพมีงานทำ จะทำให้ปัญหาสังคมหมดไป
ปัญจภาคีในท้องถิ่นมี 5 ภาคี คือ 1.ท้องที่(กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พ่อแม่ ผู้ปกครอง) 2.ท้องถิ่น(เทศบาล อบต.)3.หน่วยงานทางการศึกษา(กศน. วิทยาลัยการอาชีพ เขตพื้นที่ สถานศึกษา) 4.หน่วยงานสนับสนุนการศึกษา(สถานพินิจ พัฒนาสังคม สาธารณะสุข ตำรวจ วัด มหาวิทยาลัย) และ 5.องค์กรเอกชน(สมาคม มูลนิธิ)
ปีนี้จังหวัดนำร่องทำ 6 อำเภอ ปีต่อไปจะขยายไปอีก 11 อำเภอ จนครบ 17 อำเภอทั้งจังหวัด ปีนี้ สสค.สนับสนุนงบประมาณ ปีต่อไปท้องถิ่นภายใต้การนำของ อบจ.สุรินทร์และปัญจภาคีได้ร่วมกันวางแผนกำหนดเป็นภารกิจของท้องถิ่นและจัดสรรงบประมาณสนับสนุนไว้แล้ว
เราได้เห็นเยาวชนที่ได้รับโอกาสมาเรียนมาฝึกอาชีพกันอย่างตั้งใจและสนุกสนาน บางคนก็อุ้มลูกมาเรียนทั้งสามีภรรยาที่เกิดจากการตั้งครรภ์ในวัยเรียน เห็นภาพแล้วน่าชื่นชมจริงๆ เฉพาะที่อำเภอบัวเชตมีเด็กและเยาวชนที่ออกกลางคันมาเรียนในปัจจุบัน ชั้นประถม 19 คน ม.ต้น 54 คน ม.ปลาย 93 คน โดยฝึกอาชีพไปพร้อมกันด้วย ซึ่งวิทยาลัยการอาชีพสอนให้และสามารถสะสมเพื่อเทียบโอนได้วุฒิ ปวช.ด้วย
ทำให้ผมคิดว่า นี่แหละคือการปฏิรูปประเทศไทยที่ใช้ท้องถิ่นเป็นฐานอย่างแท้จริง