ความจริงสูงสุด
ที่ผมพบด้วยตัวผมเอง และเชื่ออย่างไม่สงสัย ว่า..........................
เป็นปัญหาของคนในสังคมปัจจุบัน ตั้งแต่ระดับปัจเจก ครอบครัว ไปจนถึงระดับสังคม
ทำให้เราเป็นทาสของกิเลส ทาสของสังคม ทาสของระบอบ และทาสของระบบ
ที่เขาวางไว้เพื่อเอาประโยชน์จากเรา และ
ทำลายชีวิตของเราให้เหลือแค่ความเป็น "ทาส"
ไม่น่าเชื่อ แต่ "แทบทุกคน" ก็ยอมอย่างไม่คิดต่อต้าน ไม่สงสัย และไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงใดๆ
ไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
หากท่านสามารถชี้รูป ในนามที่ท่านกล่าวว่า ผู้นั้นเป็นนายท่านได้ นั่นแหละสภาวะนั้นสมบูรณ์แล้ว แต่หากนามนั้น ยังคงบริสุทธิ์ในรูป ไม่เผยรูปให้ท่านชี้ได้ถูกต้อง ไม่มีสิ่งคล้ายหรือเคียงใดๆทั้งสิ้น อยู่ในที่ปลอดภัย แม้อารมณ์ฝ่ายต่ำเร่งเร้าจะ ส่งแรงไปเท่าใด ก็ไม่มีการตกเป็นทาสอารมณ์ของมนุษย์ผู้ใดเลย. ซ้ำยังมีหลักฐานชัดเจน(ยังไม่มีใครอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของทับซะด้วยซิ)ว่า สิ่งเสพของเราท่าน มาจากการผลิตและส่งผ่านมาถึงการเสพของเรา-ท่าน เพียงเพื่อการมีจิตเป็นประกายเบื้องต้นต่อ การกตัญญูศรัทธาใน สิทธิินั้นกันให่เป็น
นี่แหละที่เราสามารถหลุดพ้น ดั่งคำมหาบุรุษได้จริง โดยไม่จำเป็นต้องสิ้นสภาพจากภาวะพื้นฐานที่ต้องมีธรรมอยู่มิใช่ปฎิเสธเนรคุณให้ขาดธรรม(กตัญญูไปพลางๆแทนการเนรคุณไปพลางๆ)มีขันติธรรม มีศีลธรรมที่ไม่ยอม ขโมย ออกซิเจนของใครเสพ แม้แต่ผู้ที่เราอุตริไปยกเลิกรูป ทั้งๆที่มีนามมาตั้งแต่พ่อแม่ของมหาบุรุษทุกท่าน ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ เราก็จะไม่ยอมขโมย แค่ถูกกล่าวหาว่าขโมย เราก็ต้องเพียรหลุดข้อกล่าวหาง่ายๆได้ ด้วยการกตัญญูไปพลางๆ ง่ายๆตรงๆ ทำไม่ยากเลย. ทำเถิด
ขอบพระคุณมากครับ
ผมนึกว่าผมไม่มีเพื่อนคิดแบบนี้ซะแล้ว
มีกำลังใจเพิ่มมากเลยครับ
อืม….ทำใด้ยาก
แค่เปลี่ยนจากการทำทาน มาทำบุญ แทน ก็ได้แล้วครับ อิอิอิอิอิอิอิอิ