บันทึกนี้เขียนต่อจากบันทึกนี้ http://www.gotoknow.org/posts/553030 ครับ
กิจกรรมแสกนบอดี้
กระบวนกรนำเข้าสู่กิจกรรมด้วยการเล่าเรื่องธรรมชาติการเรียนรู้ และสมองของมนุษย์ ว่ามีกระบวนการอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง แล้วค่อยๆ นำสู่การผ่อนคลายสมองโดยการทำกิจกรรมพิจารณากายด้วยความรู้สึกตัว
- แสกนบอดี้ โดยใช้ ใจ เป็นเครื่องมือในการแสกน
- ความสามารถที่ว่า คือ ความสามารถในการรู้สึกตัว วิธีการ คือ ทำใจให้สบายๆ เริ่มรู้สึกจาก
-
รู้สึกว่ามีปลายเท้า พวกสัตว์ หมา แมว ไม่รู้หรอกว่ามันมีปลายเท้า
- ให้ทุกคนขยับปลายเท้าซ้าย-ขวา
- รู้สึกได้ว่าหัวเข่ามันงอ จะรู้ได้อย่างไรว่างอ หากไม่ลืมตาดู ให้ใช้มือสัมผัส
- รู้สึกว่ากำลังนั่ง
- รู้สึกขึ้นมากลางหลัง ถ้าใครที่เกร็งหลังทั้งวัน หากท่านได้พักผ่อนบ้าง นอนเหยียดจะรู้สึกดี
- รู้สึกถึงไหล่ซ้าย
- รู้สึกถึงมือซ้าย
- รู้สึกถึงไหล่ขวา ท่อนแขนด้านบน ท่อนแขนด้านล่าง
- มือขวา ไล่กลับมา ข้อศอกขวา หัวไหล่ขวา
- ไล่กลับขึ้นมาที่ต้นคอ ไปถึงท้ายทอย
- ไปต่อที่หน้าผาก
- สิ่งหนึ่งที่ไม่ยากในการสังเกตคือ คิ้ว หากใครคิ้วขมวด นั่นแสดงว่ามีความรู้สึกเครียดแล้ว จึงควรผ่อนคลายคิ้วนั้นออก
- ลงมาที่ปลายจมูก โดยสังเกตลมที่ผ่านเข้าออก หรืออุณหภูมิลมที่เข้ากับลมที่ออกนั้นมีความแตกต่างกันหรือไม่ ที่ทำถูกคือ แค่รู้สึก ไม่ใช่เพ่ง
กิจกรรมผู้นำสี่ทิศ
- ใช้กลุ่มงานหรืองานที่ได้รับมอบหมายเดียวกันเป็นหน่วยในการแบ่งกลุ่ม
- แจกกระดาษ A4
- วาดวงกลมลงในกระดาษ 1 วง ใหญ่พอประมาณ
- กระบวนกรก็อธิบายนิสัยของสัตว์แต่ละประเภท เริ่มจากนกอินทรี กระทิง หนู และหมี
- ให้ครูนั่งอยู่กับตนเองพร้อมกับพิจารณาว่า ตนนั้นเป็นสัตว์ประเภทใด
จากนั้นแบ่งกลุ่มๆ ละ 4 คน เพื่อมาแลกเปลี่ยนให้เพื่อนฟังว่า ตนเองนั้นเป็นสัตว์ประเภทนั้นเพราะอะไร ให้เวลาในการแลกเปลี่ยน 15 นาที
สะท้อนจากครู
-
ครูเบญจวรรณ จะมีนิสัยคือช่วยคิด ช่วยทำ ไม่ใช้การบังคับ จึงคิดว่าตนเองเป็น อินทรี หนู กระทิง เท่าๆ กัน
- ครูสมหมาย ชอบอิสระ ไม่ขึ้นต่อใคร ไม่ชอบการบังคับ ไม่เพ้อฝัน ไม่ยอมเสี่ยง อะไรที่ไม่คุ้มจะอยู่นิ่งๆ หากเพื่อนมีปัญหาจะให้ความช่วยเหลือ แต่จะอาสาน้อยมาก ไม่ใช่ไม่ช่วย ช่วยเต็มที่แต่ต้องมีคนมาร้องขอ จึงคิดว่าตนเองเป็นเป็น อินทรี กระทิง หมี และหนู น้อยที่สุด
-
กระบวนกรถามครูสมหมายต่อว่า เด็กนักเรียนสมัยนี้กับสมัยก่อนแตกต่างกันหรือไม่ ครูสมหมายตอบทันทีว่า เด็กมีความแตกต่างจากสมัยก่อนมาก ไม่เชื่อครู โต้แย้ง ไม่มีสัมมาคารวะ คุณธรรมลดลง
ครูส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า ควรมีสัตว์หลายอย่างผสมผสานกัน เพราะจะให้สวมวิญญาณเป็นหมีไปตัดสินเลยคงไม่ได้
ผลการวิเคราะห์สัตว์สี่ทิศ
กิจกรรมกระดาษสี่พับ "จับจุด"
แจกกระดาษ A4 คนละหนึ่งแผ่น
- เริ่มพับกระดาษให้ได้แนวนอนสามแถว แนวตั้งสี่คอลัมน์ พร้อมทั้งตอบคำถามของแต่ละช่อง ดังภาพ
คอลัมน์ 1
วิธีการสร้าง คอลัมน์ 3
|
คอลัมน์ 2
เรื่องที่ท่านภาคภูมิใจ
|
คอลัมน์ 3
แรงบันดาลใจที่จะทำ/ ทำแล้วจะภูมิใจมาก
|
คอลัมน์ 4
แลกเปลี่ยนเรียนรู้
|
วิธีการที่จะทำให้ได้ คอลัมน์ 3
|
ความรู้
ความเข้าใจ ความสามารถ
|
ความรู้ความสามารถใดที่ต้องการ เพื่อให้สิ่งที่อยากทำประสบความสำเร็จ
|
แลกเปลี่ยนเรียนรู้
|
วิธีการที่จะได้มาซึ่ง คอลัมน์ 3
|
ผลงาน/ความสำเร็จ
|
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จ
|
แลกเปลี่ยนเรียนรู้
|
- เมื่อทุกคนเขียนคำตอบลงในแต่ละช่องเรียบร้อยแล้วก็ให้แลกกันอ่านของเพื่อน เพื่อที่จะได้ความรู้หรือประสบการณ์ใหม่
- กระบวนกรถามว่า กิจกรรมกระดาษสี่พับนี้มีการเชื่อมโยงกับกิจกรรมช่วงแรกๆ หรือไม่อย่างไร
- ครูฐานิดา ตอบว่า มีการเชื่อมโยงกันค่ะ เราสามารถวิเคราะห์นิสัยของเด็กได้จากกิจกรรมสัตว์สี่ทิศ....
o ความภาคภูมิใจคือ การเห็นความเจริญก้าวหน้าของเด็ก (เห็นความสำเร็จ) และที่สำคัญที่สุดคือเห็นเด็กดี มีคุณธรรม
o ถนัดวิชาวิทยาศาสตร์
o สิ่งที่ต้องแก้ไขคือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมากขึ้น (รวมทุกอย่างทั้งผลการเรียน คะแนน O-net A-net)
o อยากมีเวลาที่เพียงพอให้กับเด็ก (และในห้องนี้มีครูที่ต้องการเวลา ถึง 5 คน)
o เด็กประสบผลสำเร็จในการทำโครงงาน
o ปัจจัยความสำเร็จคือ ต้องลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง
o วิธีการคือ ตั้งเป้าหมายร่วมกัน
o หาวิธีการที่หลากหลาย
o วิธีการคือลงมือปฏิบัติ
- ครูภรภัทร. เล่าสิ่งที่เขียนลงไปในกระดาษสี่พับว่า
o อยากเห็นความสำเร็จของเด็ก
o อยากสร้างเด็กให้เป็นเด็กดี
o วิธีการคือ การทำตนเป็นตัวอย่าง เช่น วิธีการ Coachingทีมวอลเล่ย์บอล
o “สร้างชุมชนบุคคลตัวอย่าง”
o มีความรู้ด้านกีฬา
o อยากหาความร่วมมือ เพราะเชื่อว่าการทำงานเป็นทีมจะส่งผลให้งานนั้นบรรลุเป้าหมายได้ง่ายกว่าการทำงานคนเดียว
o วิธีการคือ ต้องช่วยเหลือผู้อื่นก่อน (แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องการความช่วยเหลือ) ก็ต้องฝึกสังเกต โดยที่ไม่ต้องรอให้คนอื่นเอ่ยปาก
o สิ่งที่ภาคภูมิใจมากที่สุดคือ เปลี่ยนเด็กเกเรให้เป็นคนดีมีอาชีพที่มั่นคงได้ (จากเด็กเกเรเป็นร้อยตำรวจโท)
o วิธีการคือ ขอให้ครูมีความเพียรบริสุทธิ์ และทำอย่างสม่ำเสมอ
สะท้อนจากครู
- คุณครูเบญจวรรณ สะท้อนว่า ได้เรียนรู้วิธีการวิเคราะห์ตนเอง และคิดต่อว่าหลังจากจบกิจกรรมวันนี้จะไปทำอะไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป (เมื่อครูเบญจวรรณพูดจบ ครูต่างก็ปรบมือให้อย่างพร้อมเพรียงกัน อาจจะเป็นเพราะว่าคำตอบนี้ถูกใจและตรงใจใครหลายคนในห้องนี้)
กิจกรรมช่วงบ่าย
กระบวนกรได้หยิบยกประเด็นที่ได้จากกิจกรรมกระดาษสี่พับ ซึ่งประเด็นที่นำมาแลกเปลี่ยนนั้น
คือเรื่อง...เวลา ซึ่งมีข้อจำกัดจากต้นสังกัด และนำไปสู่กิจกรรมกราฟความสุข
ก่อนปี 2547 ที่เด่นคือ คุณภาพของผู้เรียน ชื่อเสียงของโรงเรียน
หลังปี 2547 ที่เด่นคือ บุคลากรมีความก้าวหน้ามากขึ้น
สะท้อนจากครู
- ได้ความรู้สึกที่ดี เปิดเผย ตรงไปตรงมา
- ได้ความรู้ที่จะนำไปปรับใช้ในการทำงาน ความท้อแท้จะเกิดความทุกข์ เราจะปลดความทุกข์ให้เกิดความสุข และยึดถือหลักทำกรรมดี ต่อตนเองและเด็กนักเรียน
- วันนี้ได้เปิดใจ และสังเกตเห็นว่าครูทุกท่านได้แสดงความรู้สึกที่จริงใจและน่าจะมีความสุข กิจกรรมต่างๆที่ได้ทำร่วมกันนั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับเด็กนักเรียนได้
สะท้อนจากผู้สรุปกระบวนการ (note taker)
การทำงานวันนี้ถือว่าบรรลุเป้าหมายร้อยเปอร์เซ็น เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าดูกระบวนการและจับประเด็น
ได้ดี รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด อาจจะเป็นเพราะผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นมีจำนวนพอดี ไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งที่ผ่านมาจะเป็นเวทีหรือกลุ่มขนาดใหญ่กว่าร้อยคน แต่สิ่งสำคัญที่วันนี้รู้สึกมีความสุขที่ได้มานั่งดูกระบวนการนั้นคือ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เปิดใจ เปิดรับ ส่งผลให้บรรยากาศในวงดีมาก คละเคล้าเสียงหัวเราะ และเป็นครั้งแรกที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นอายุเฉลี่ยสูงลิ่ว (ฮา...) แต่อายุสูงใกล้เกษียณก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานเลย....ครูโรงเรียนอนุบาลประชารัฐสามัคคีคอนเฟิร์ม!!!
ข้อสรุปและสะท้อนจากกระบวนกร
จุดเด่นของประชารัฐสามัคคีคือ การทำงานอย่างมีระเบียบและระบบของ "ทีมผู้บริหาร" ด้วยวิธีการกำกับติดตามอย่างสม่ำเสมอ ใกล้ชิด เอาใจใส่ ค่อนข้างเป็นระบบแนวดิ่ง (top-down) ค่อนข้างสูง ทำให้ "งาน" ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ จุดเด่นดังกล่าวเป็นจุดอ่อนในขณะเดียวกัน เพราะส่งผลต่อความสุขในการทำงานของคณะครูส่วนใหญ่ และที่สำคัญได้รับการสะท้อนว่า "งาน" ส่วนหนึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอย่างคุ้มค่ากับเป้าหมายการพัฒนาให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21
ผมเน้นย้ำกับท่าน ผอ. เสมอว่า หัวใจสำคัญของการเรียนรู้คือ ความผ่อนคลาย ความสุข ความสนุกที่ได้เรียน ซึ่งจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อ ครูนั้นผ่อนคลาย มีความสุข สนุกที่ได้สอน ...และผมมั่นใจว่า ครูโรงเรียนอนุบาลประชารัฐสามัคคี ยังมีพลังเต็มที่แม้จะมีอายุเยอะแล้วก็ตาม ที่สำคัญท่านก็พร้อมและขยันทำงานหนักเพื่อเด็กๆ ได้ ไม่ใช่ผ่อนคลายแบบสบายขี้เกียจ....