ย้อนรอยเส้นทาง PhD ของโอ๋-อโณ (30): การท่องเที่ยวในเมืองเพิร์ธ (ต่อ)


เขียนเล่าเรื่องราวสมัยที่อยู่เพิร์ธลงในวารสารสายใยพยาธิฯเมื่อนานมาแล้ว และเอามาลงใน GotoKnow อยู่พักหนึ่ง แล้วก็หยุดไป จำไม่ได้ว่าทำไม แต่ช่วงนี้เอาไปเก็บใส่ไว้ในเว็บไซต์ของบุคลากรมอ.Share.psu แล้วเลยเอามาเผื่อแผ่ตรงนี้ไปด้วยให้จบค่ะ ดีใจที่ได้เขียนไว้จริงๆ เพราะตอนนี้ให้เขียนก็คงไม่ได้รายละเอียดขนาดนี้แน่ๆ

คราวนี้มาเล่าเรื่องที่เที่ยวต่างๆในเมืองเพิร์ธกันต่อ

King’s Park

ที่ฮิตมากที่สุดที่ใครๆที่ไปเพิร์ธก็ต้องขึ้นไป ใช้คำว่าขึ้นไป เพราะมันอยู่บนเขาจริงๆคือ King’s Park เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 2,500 ไร่ (4.06 ตารางกิโลเมตร) อยู่บนเขากลางใจเมือง เขาจะมีทางขึ้นรอบด้านเลย บริเวณทางขึ้นทุกทาง จะมีต้นไม้เรียงรายขึ้นไป โดยมีป้ายสลักบอกไว้ว่าปลูกเพื่อเป็นที่ระลึกถึงทหารที่ไปเสียชีวิตในสงครามโลกทั้งครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ว่ากันว่ามีอยู่มากกว่า 1100 ต้น สมัยที่ไปใหม่ๆก็ได้มีโอกาสเดินขึ้นไปกับพี่ดุ่ย (พี่ชายที่แสนดีที่ได้มีโอกาสพบกันที่เมืองนี้) เขาจะมีทางสำหรับคนเดิน (เหมือนเดินป่าโดยมีไกด์อาสาสมัครนำทางด้วย) และทางที่รถขับขึ้นไปได้สบายๆ และเมื่อขึ้นไปอยู่บนนั้นก็จะมองลงมาเห็นเมืองเพิร์ธในทิศทางต่างๆได้ทั่ว ภาพวิวที่เราเห็นกันบ่อยๆ สำหรับเมืองเพิร์ธก็มักจะมาจากมุมกล้องที่ถ่ายจากบน King’s Park นี่แหละ เรียกว่าวิวทุกมุมสวยไปหมด ทุกเวลาด้วย ถ่ายออกมายังไงก็สวย 

DNA tower

สถานที่สำคัญๆที่ทุกคนที่ไปเพิร์ธได้ไปเยี่ยมชมแน่นอนบน King’s Park ก็คือ War Memorial กับ Botanic Garden แต่มีอีกที่ซึ่งเรามักจะไม่ค่อยได้เห็นนักท่องเที่ยวไปแวะ (เขาอาจจะไปตอนที่พวกเราไม่เห็นก็ได้ แต่ไม่ค่อยเคยเห็นใครถ่ายรูปมาให้ดูเลย) ก็คือหอสูงที่เขาสร้างเป็นบันไดเวียน 2 ทางที่เหมือน DNA และเขาก็เรียกกันว่า DNA tower จากบนนั้นเขาจะมีแผนที่ชี้บอกว่าทิศไหนคืออะไร จะมองเห็นเพิร์ธได้รอบทุกๆด้าน ใครมีโอกาสไปเพิร์ธแล้วขึ้นไปบน King’s Park อย่าลืมถามถึงนะคะ

เทศกาลดอกไม้ป่า

ในช่วงเทศกาลดอกไม้ป่า เดือนตุลาคม-พฤศจิกายนของทุกปี บน King’s Park จะมีการทำดอกไม้ป่ามาจัดแสดงอย่างใหญ่โต และมีคนมาเที่ยวมากมายเสมอ โดยจะมีการกันพื้นที่ส่วนหนึ่งเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่พวกเราโชคดีที่ปีแรกที่พวกเราไป ได้ขึ้นไปบน King’s Park กัน 2-3 วันหลังจากที่งานเสร็จสิ้นลง ได้เห็นว่าต้นไม้ ดอกไม้ที่เขามีนั้นมากมายเหมือนป่าจริงๆแต่เราได้เข้าชม ถ่ายรูปกันอย่างสบายใจโดยไม่ต้องหลบหลีกกับผู้คนและไม่ต้องเสียค่าเข้าอีกด้วย มีหลายๆรูปที่ถ่ายออกมาได้เหมือนเราไปเที่ยวชมดอกไม้ในป่ากันจริงๆ เลยได้บทเรียนว่าทุกๆปีเราจะขึ้นไปถ่ายรูปดอกไม้ป่าที่เขาจัดแสดงกันหลังจากที่งานเสร็จสิ้นดีกว่า

เรียกได้ว่าแค่ King's Park ที่เดียวก็คุ้มแล้วกับการมาอยู่เมืองเพิร์ธค่ะ เหมือนสวรรค์บนดิน มีธรรมชาติที่สวยงามและรัฐเองก็พยายามรักษาดูแลสร้างคุณค่าให้กับสิ่งที่เขามี มีกิจกรรมดีๆ มีเรื่องให้ทำอยู่ตลอดเวลา ใครได้ไปก็คงไม่มีวันลืม พวกเราขึ้นไปกันนับครั้งไม่ถ้วน น่าจะไม่มีหย่อมไหนที่เรายังไม่เคยเหยียบย่าง (แม้แต่ในดงๆที่เป็นทางเดินเท่านั้น ตัวเองก็ได้ไปเดินมาแล้ว) แทบจะหลับตาเดินได้เลย ก็ยังไม่เคยเบื่อค่ะ

ต่อมาจาก series นี้ค่ะย้อนรอย PhD

หมายเลขบันทึก: 550576เขียนเมื่อ 9 ตุลาคม 2013 14:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 สิงหาคม 2014 20:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ขอบคุณค่ะ 

ชอบการเขียนบันทึกแบบนี้นะคะ

มีเส้นทางการเดินทางไปสู่ความรู้ได้ง่าย และมากขึ้น

เช้านี้ดีใจมากค่ะ เพราะได้เข้าไปชมสวนพฤษศาสตร์ที่King's Park

มีกิจกรรมอาสาปลูกต้นไม้ด้วยสุดยอดจริงๆ มีคำเชิญชวนด้วยนะคะ

เขียนว่าLet yourself grow ! เห็นเขามีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

มีกิจกรรมเชิงอนุรักษ์แบบนี้แล้วอยากให้บ้านเมืองเราทำบ้างทำเยอะๆ

เพื่อให้เกิดจิตสำนึกรักธรรมชาติ ไม่ตัดไม้ทำลายป่าจนมนุษย์ชาติเสียหายไปด้วย

และสงสัยจังเลยว่าต้นหญ้าชนิดหนึ่งของเขามีลักษณะคล้ายต้นไม้น้ำเค็มบ้านเราคือ"ชะคราม"

ไม้กอนั้นเขาเรียกอะไร ใช่ต้นไม้ในเพลงที่เพื่อนอาสาจากออสเตรเลียเคยสอนให้พี่ร้องหรือไม่หนอ??

พรรณไม้ต่างๆส่วนมากจะเป็นพรรณไม้ทางแถบตะวันตกของออสเตรเลียใช่ไหมคะ

 

 

พี่krutoiting เก่งจังค่ะ ขอบคุณมากๆเลยที่ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ลิงค์ไว้ให้มีคนเข้าไปใช้ดูเป็นข้อมูล เป็นความตั้งใจจริงๆค่ะ เพราะเรื่องดีๆมีมาก เล่าได้ไม่หมด สำหรับพรรณไม้และสัตว์ของออสเตรเลียเขาจะเป็นของที่ประจำถิ่นค่ะ มีตำราเยอะเลย น่าทึ่งไปหมดค่ะ ทำเอาอยากเรียนมาด้านนั้นเลย รับรองที่นั่นคือแหล่งเรียนรู้สาขาพืชสัตว์ที่น่าสนุกมากมายค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท