ผลไม้พันธ์พื้นบ้าน
ประเทศไทยมีผลไม้ออกตลอดทั้งปี
ทั้งผลไม้ตามฤดูกาลและนอกฤดูกาลราคาแตกต่างไปตามความนิยมและปริมาณผลผลิตความต้องการของตลาด
ผลไม้พันธ์ใหม่ๆถูกปรับปรุงสายพันธ์ให้เป็นไปตามที่ตลาดต้องการ คือ
มีผลใหญ่สีสันสวยงาม มีน้ำหนักดี หอม น่าทาน ที่สำคัญราคาต้องดี
ทำให้เกษตรกรชาวสวนแห่กันปลูก เมื่อผลผลิตออกมา ล้นตลาดราคาตกต่ำส่งผลให้ขาดทุน
เกษตรกรต้องกู้เงินมาลงทุนเพิ่มหรือปลูกไม้ผลตัวอื่นทดแทน
แต่การปลูกไม้ผลนั้นต้องใช้เวลา
เงินทุนและความรู้ความเชี่ยวชาญประกอบกันจึงจะได้ผลกำไร ที่สำคัญต้องดูช่องทางแนวโน้มการตลาดล่วงหน้า
เช่น การบังคับให้มีผลผลิตก่อนฤดูกาล
เพื่อออกสนองความต้องการโดยเพิ่มเพ็จเกจให้สวยงามเท่านี้
มูลค่าของสินค้าก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ไม้ผลพื้นเมืองก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่กำลังกลับมาเป็นที่นิยม
ปัจจุบันกระแสความนิยมของผลไม้ท้องถิ่นมีความต้องการสูงขึ้น
เนื่องจากมีรสชาติเฉพาะปริมาณผลผลิตน้อย เพราะเป็นไปตามธรรมชาติ อย่างเช่น
ทุเรียนนนทบุรีที่ราคาลูกละหลายพันบาท
ด้วยพื้นที่ปลูกดินแร่ธาตุดีทำให้รสชาติทุเรียนที่มีเอกลักษณ์ ต่างจากทุเรียนพันธุ์หมอนทองหรือชะนีที่วางขายตามท้องตลาด
สำหรับจังหวัดแพร่นั้นสามารถปลูกผลไม้ได้หลายชนิด
แต่ที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับ คือ
พุทธานมสด,ลางสาด,ลองก๋อง,สับปะรดห้วยหมุ่น
ส่วนทุเรียนป่าแดงยังคงรู้จักในวงแคบแต่มีรสชาติลักษณะคล้ายหลงลับแลของอุตรดิตถ์
หากมีการสนับสนุนคงจะเป็นที่ต้องการของตลาด และยังมีผลไม้อีกหลายชนิดที่เริ่มหารับประทานได้ยากแล้วที่ยังมีโอกาสกลายเป็นผลไม้มีมูลค่า
เช่น มะม่วงแก้วพื้นบ้านที่ลูกดก มีรสเปรี้ยว เมื่อสุกจะหอมหวาน
ที่หลายบ้านปลูกไว้หรือมีอยู่ในสวนโดยไม่ต้องปลูกและดูแลก็ให้ผลผลิตเยอะ
นำมาแปรรูปได้หลากหลาย เช่น มะม่วงดอง-แช่อิ่ม-กวน-ตาก
ทำได้มากมายหรือจะทำเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือนก็ได้ เช่น การทำแยมบรรจุขวด,ผลไม้กระป๋อง
ฯลฯ ผลไม้พื้นบ้านที่เคยปลูกไว้ตามเขียงนา ท้ายสวน มุมบ้าน
จากที่เคยคิดว่าปลูกไว้รับประทานกันเองไม่ได้มีไว้จำหน่าย ไม่เคยดูแล ใส่ปุ๋ย
เป็นพันธุ์พื้นบ้านที่กำลังจะหมดไปเพราะสายพันธุ์ใหม่เข้ามาแทนที่
หากเกษตรกรคิดให้ดีและศึกษาช่องทางตลาด พัฒนา เพิ่มมูลค่า มะม่วงแก้ว มะขามปรี้ยว
มะเฟือง พุทธา มะยม ฯลฯ ตามรอบรั้วบ้านก็เปลี่ยนเป็นผลไม้ที่ตลาดต้องการได้
ไม่มีความเห็น