1.
ในห้วงแห่งจินตนาที่พร่าไหว
พราวแสงไฟไล้แววลงแต้มสี
แอลกอฮอล์ก่อเกิด-กำเนิดกวี
ที่ล้นปรี่จากใต้ห้วงในดวงใจ
2.
ดวงดาวยังพริ้งพราววาวสง่า
เกินกว่าตาผู้ประสบพบร่ำไห้
ในโลกนี้ยังมีสวนมวลดอกไม้
ช่วยปลอบใจคลายโศกยามโศกตรม
“แม้เธอเห็นชีวิตนี้มิมีค่า
ไร้ราคา แม้เพียงเสี้ยวเส้นผม
ไม่มีใครเข้าใจ-อาลัยระทม”
“เธอเชยชม เสวยอยู่แต่ผู้เดียว
3.
ยิ้มกับดาว จันทร์เจ้าที่พราวสว่าง
เมื่อเยื้องกร่างกลางผู้คนท้นโดดเดี่ยว
ทักสักนิด มวลดอกไม้ เป็นแรงเรี่ยว
ให้เธอเปรียวผงาดอยู่สู้ผู้คน
ราวเรือน้อย ลอยคว้างกลางทะเล
ในอ้อมแดดฝนเห่ระเหระหน
อาศัยกำลังใจ-มั่นในตน
จึงนำเรือข้ามพ้น-สมุทรเวิ้ง”
เขียนอังคารที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๗
๓.๒๕ ของวันใหม่ ขณะมึนเมา........
..เนี่ยะ..ขนาด..เมามึน..(ถ้า..ไม่..ล่ะ..เป็ง..ยัง..งาย...๕๕๕..)
ไพเราะมากค่ะ
พี่ชอบอ่านบทกวี อยากเขียนบ้าง แต่ทำไม่สำเร็จค่ะ
ขอบคุณครับสำหรับยายธีที่ให้ความเห็น และสำหรับคุณ nui อยากเขียนกลอนได้ต้องอ่าน "กลอนมากๆ" ครับ ถ้าอ่านมาก (ทั้งกลอนโบราณและสมัยใหม่) เราจะมีคลังคำศัพท์อยู่ครับ ตอนผมเรียน ม. ปลาย ผมต้องถูกบังคับให้อ่าน ขุนช้างขุนแผนตั้งแต่กำเนิดจนถึงประหารนางวันทอง ตอนนั้นนึกอะไรก็สามารถแต่งได้เป็นกลอนหมด (แต่เดี๋ยวนี้ทำไม่ได้แล้วครับ ๕๕๕)