บันทึกปีที่ ๑
เมื่อ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๕ ได้ไปจ่ายค่าใช้จ่ายในบัตรเครดิต UOB ที่ธนาคารยูโอบี พิษณุโลก...พอถามเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์เรื่องการหักภาษีเบี้ยประกันชีวิต...เจ้าหน้าที่เรียกคุณภราดร มาบริการ
คุณภราดร แนะนำแผนประกันชีวิตดังนี้ (ไม่ใช่การแอบแฝงโฆษณา แต่ใช้เพื่อประกอบการเขียนบันทึก)
บีแมนไม่ได้สนใจเรื่องการซื้อประกัน เพราะว่าไม่มีปัญญาจะจ่ายเบี้ยประกันที่คุณภราดรเสนอมา คือ ๕๐,๒๘๙ บาท ต่อปี และเม่ื่อฝากครบ ๕ ปี จ่ายเบี้ยประกันทั้งสิ้น ๒๕๑.๔๔๕ บาท แต่เมื่อครบกำหนดสัญญาปี ๒๕๖๒ ถ้าขอรับเงินสด จะได้รับเงินคืนเพียง...๒๓๓,๑๐๐ บาท ขาดทุนไป ๑๘,๓๔๕ บาท...
ถ้าคิดแบบคณิตศาสตร์ตรงๆ แบบนี้..เราก็ขาดทุนวันยังค่ำ ยังไงก็ไม่ซื้อประกันชีวิต จนกระทั่งมีนักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังรายหนึ่งฟันธงไปเลยว่า "ลงทุนในประกันชีวิต มีแต่ขาดทุน"..
สุดท้าย หลังจากใช้เวลาคิดทบทวนอยู่ประมาณ ๑ ชั่วโมง (ขณะอยู่ที่ธนาคาร) แล้วบีแมน ยอมซื้อประกันตัวนี้ โดยรูดบัตรเครดิตยูโอบีเต็มจำนวน ๕๐,๒๘๙ บาท แต่แบ่งจ่าย ๑๐ เดือน...โดยไม่มีดอกเบี้ย
ที่ยอมซื้อเพราะถ้าคิดให้ละเอียดแล้วเราไม่ขาดทุน....ดังเหตุผล
หมายเหตุ..ในข้อ ๕ และ ๖ นี้เขียนไว้ในกฎหมายประกันชีวิต (กรมธรรม์) แต่คนส่วนมากจะไม่ทราบ (เพราะไม่ได้อ่าน) แม้แต่ตัวแทนขายประกันส่วนมากก็จะไม่ทราบเหมือนกัน..ดังนั้น ก่อนซื้อประกันฯ ให้ถามเรื่องอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากกรมธรรม์ด้วย...ให้เจ้าหน้ที่หาข้อมูลให้ เผื่อว่าเราจำเป็นจะต้องใช้เงินนี้ในอนาคต.....
บีแมนผ่อนเบี้ยประกันปีที่ ๑ กับบัตรเครดิต ยูโอบี เดือนละ ๕,๐๒๘.๙๐ บาท เป็นเวลา ๑๐ เดือนจ่ายเงินไปทั้งสิ้น ๕๐,๒๘๙ บาท ....ซึ่งยังมีโปรโมชั่นอีกว่า ถ้ารูดเงินผ่านบัตรเครดิต จ่ายเบี้ยประกันกรมธรรม์เต็มจำนวน ยอดตั้งแต่ ๕ หมื่นบาทขึ้นไป จะได้รับ Gift Voucher จากห้าง Tesco Lotus จำนวน ๓,๐๐๐ บาท
สรุปว่า จากการซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่มีทีท่าว่าจะขาดทุนตั้งแต่แรก หรือมีผลตอบแทนจากการลงทุนน้อย แต่เมื่อเรามีวิธีคิดที่ดี เราก็สามารถเพิ่มมูลค่าจากการลงทุนครั้งนี้ได้เป็นเงินทั้งสิ้น
บันทึกปีที่ ๒
เมื่อใกล้กำหนดจะจ่ายเบี้ยประกันชีวิตปีที่ ๒ คือในวันนี้ (๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๖) บีแมนไปที่ธนาคารยูโอบีเพื่อปรึกษาการจ่ายเบี้ยประกันชีวิตปีที่ ๒...โดยหักจ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิต (จะตัดจ่ายวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) ทางคุณภราดรและผู้จัดการเสนอทางเลือกให้ ๒ ทาง เมื่อจ่ายเบี้ยประกันผ่านบัตรเครดิตยูโอบี คือ
แต่ตึ๋งหนืดอย่างผมไม่เลือกทั้ง ๒ ทาง ตามที่เสนอ เพราะทางเลือกที่ ๑ นั้นเท่าทุน แต่ทางเลือกที่ ๒ นั้นเสียอัตราดอกเบี้ยปีละ ๓.๔๘ % ซึ่งคิดว่าไม่ควรจะเสีย...ผมจึงเสนอทางเลือกใหม่เป็นทางเลือกที่สามคือ
ทางเลือกที่ ๓ : จ่ายด้วยบัตรเครดิต First choice...ซึ่งมีเงื่อนไขว่ารูดเงิน ๒๐ บาท ได้ ๑ คะแนน แต่ช่วงนี้จะได้คูณคะแนนสูงสุด ๑๐ เท่า..โดยจ่าย ๑-๒๐,๐๐๐ บาท ได้คะแนนคูณ ๓ และ ๒๐,๐๐๑ ถึง ๖๐,๐๐๐ บาท ได้คะแนนคูณ ๕ เท่า
ดังนั้นยอดจ่าย (รูดเต็มจำนวน) ๕๐,๒๘๙ บาท...จะได้คะแนนทั้งสิ้น 3,000 + (1514x5) 7,570 = 10,570 คะแนน ซึ่งสามารถนำคะแนนไปแลกเงินสดได้ประมาณ ๑ พันกว่าบาท...ทางเลือกที่สามจึงทำให้มีรายได้เข้ากระเป๋า
สรุปว่า..การจะซื้อกรมธรรม์ประกันชีวิต ต้องคิดก่อนซื้อ ต้องเลือกประกันที่เหมาะสมกับตัวเรา ภายใต้เงื่อนไขที่เอื้อประโยชน์ให้เรามากที่สุด โดยที่บริษัทฯ ไม่ได้เสียประโยชน์จากเรา คิดแบบ win win and integration. และเมื่อถึงคราวจ่ายเบี้ยประกันฯ ก็เลือกช่องทางจ่ายที่เหมาะสม โดยใช้บัตรเครดิตที่ทำ Promotion กระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตร..อย่างปีที่สอง เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตร ก็จะได้เงินคืน ๑ พันกว่าบาท ซึ่งเป็นเงินประมาณ ๒ % ของยอดจ่ายเบี้ยประกัน เรา win, บริษัทบัตรเครดิต win, และบริษัทประกันก็ win ด้วย...
กำลังอยู่ในความสนใจครับอาจารย์ ;)...
เขียนจบแล้ว กรุณาเข้ามาติชมใหม่