เป้าหมายหลักของการจัดการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
พ.ศ. 2542 มุ่งเน้นความสำคัญที่ตัวผู้เรียนให้มีคุณสมบัติ
เก่ง ดี และมีสุข ในงานวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้จัดขึ้น
เพื่อวิจัยศึกษาวิธีการสอนหรือกระบวนการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ
3H : Heart Head and Hand on Activity. หรือ ร่วมใจ ร่วมคิด
และร่วมทำ เป็นกระบวนการที่สร้างพื้นฐานของความรัก ความเข้าใจ
ความผูกพันธ์ต่อผู้สอน และเพื่อนร่วมเรียน ให้เกิดขึ้นก่อนเรียน
โดยยึดทฤษฎีจากการทำกิจกรรมกับเยาวชน ว่า รักเป็นแรงผลักดัน คิดเป็นพลังสร้างสรรค์ และทำเพื่อยืนยันความสำเร็จ โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง
ที่มีระดับสติปัญญาที่แตกต่างกัน
ตั้งแต่ระดับสติปัญญาต่ำถึงผู้เรียนที่มีระดับสติปัญญาดี ชั้น ม.4/1 ถึง ชั้น ม.4/3 ด้วยวิธีการสุ่มตามความสมัครใจ
แต่จำกัดจำนวน และใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3H ซึ่งมีเทคนิควิธีการสอน
ที่หลากหลาย ทั้งบรรยาย เกม กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ และการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ตามหลัก CIPPA model นำผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนมาเปรียบเทียบกับการสอนโดยทั่วไปที่ใช้อยู่ในห้องเรียน
พบว่า วิธีการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ 3H ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าก่อนเรียน
ที่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.001 และวิธีการสอนโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้แบบ
3H มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่าวิธีการสอนที่ใช้อยู่ทั่วไป
ซึ่งมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ 0.01 ส่วนพัฒนาการทางด้านความเฉลียวฉลาดทางด้านอารมณ์
(E.Q.) นักเรียนที่มีความสุขกับการเรียน และการใช้สื่ออย่างหลากหลาย
ความรู้สึกรักและผูกพันธ์ต่อผู้สอน และเพื่อนร่วมเรียน ในระดับมากที่สุด
และทำให้ได้มีโอกาสแสดงออก ร่วมกันคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์
พัฒนาการทางด้านคุณธรรมจริยธรรม ( M.Q. ) การทำงานเป็นกลุ่ม ได้มีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเอง ในระดับที่มาก
แต่ความกล้าแสดงออกยังต้องเพิ่มโอกาสให้มากกว่านี้ จะเห็นได้ว่า
วิธีการสอนโดยใช้กิจกรรม 3H สามารถพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีการพัฒนาผู้เรียน ทางด้านสติปัญญา (I.Q.)
ทางด้านอารมณ์ (E.Q.) และจริยธรรม (M.Q.)
ให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปี พ.ศ. 2542 จึงมีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งที่จะนำมาใช้ในกระบวนการเรียนรู้ตามแนวปฏิรูปการศึกษาในปัจจุบัน
ไม่มีความเห็น