เมื่อคืนอ่านบทความ ตอน "โปรดฟังทางนี้" ของ คุณหมอคุณากร วรวรรณธนะชัย
ในหนัังสือ "มองโรคในแ่ง่ีดี" แล้วคิดถึงใครสักคนขึ้นมาทันใด แบบนี้ต้องแชร์ด่วน ๆ
โปรดฟังทางนี้
ถาม : ทำไมแพทย์ผู้ชายส่วนใหญ่ใฝ่่ฝันที่จะเรียนต่อเฉพาะทางในสาขาโรคหัวใจ
ตอบ : เมื่อจบมา เขาจะได้แนะนำตัวกับคนไข้สาว ๆ ว่า "ผมเป็นแพทย์...ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ" (วี้ดวิ้~ว...)
ผมไม่แน่ใจว่าสถิติโลกในกินเนสต์บุ๊กบันทึกเรื่องนี้ไว้อย่างไร
แต่ที่แน่ ๆ สถิติโรคในรายงานที่กระทรวงสาธารณสุขเผยแพร่ออกมานั้น
โรคหัวใจติด ๑ ใน ๕ อันดับสาเหตุหลักของการเสียชีวิตของคนไทยแทบจะทุกปี
เมื่อผู้ป่วยตรวจด้วยอาการที่ชวนให้นึกถึงโรคหัวใจ สิ่งที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้่านหัวใจ
มักจะทำเป็นสิ่งแรก ๆ ก็คือ นั่งฟัง
การฟัง เป็นวิธีพื้นฐานที่สุดในการรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยโรค
ในขณะที่ผู้ป่วยเล่าถึอาการเจ็บแ่น่นหน้าอก เหนื่อยง่าย หรืออาการอื่น ๆ ที่นำเขามาโรงพยาบาล
หัวใจก็จะเล่าปัญหาของมันให้แพทย์ฟังเช่นกัน
ถึงตรงนี้ ผู้อ่านช่างสงสัยอาจยกมือถาม: หัวใจเนี่ยนะ พูดได้?
ได้สิครับ อะไรที่มีลิ้นมันก็ควรจะพูดได้ทั้งนั้น จริงมั้ยครับ
ในยามปกติ ทุกครั้งที่หัวใจบีบตัว ลิ้นหัวใจจะขยับเปิด-ปิดตามจังหวะพร้อมกับเปล่งเสียง
ตุบตุบ ตุบตุบ ตุบตุบ ออกมาจากหน้าอกด้านซ้ายของเราเป็นจังหวะสม่ำเสมอ
ราวกับเข็มวินาีทีบนหน้าปัดนาฬิกา รูปประโยคจะเปลี่ยนไปหากหัวใจเริ่มรู้สึกไ่ม่ดี
วลีอย่างตุบตะหรุบ, ตุบปู่ตุบ, ตุบตุบฟู่ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนบ่งบอกถึงความผิดปกติของหัวใจทั้งสิ้น
(ผู้สนใจศึกษาเพิ่มเติมได้จากตำรา ภาษาหัวใจ ๑๐๑)
ผู้เชี่ยวชาญจะฟังเสียงหัวใจโดยใช้หูฟัง-ผมหมายถึง อุปกรณ์ที่เรียกว่า หูฟัง
ซึ่งแน่นอนว่าต้องใช้หูของเราฟังต่อจากหูของหูฟังอีกทีหนึ่ง
พวกเขาจะตั้งใจฟังสิ่งที่หัวใจบอกอย่างดีที่สุด เพื่อวินิจฉัยโรคที่มันเป็น
และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้นาฬิกาแห่งชีวิตเรือนนี้ยังคงเดินต่อไป
เพราะหากนาฬิกาเรือนนี้หยุดเดินเมื่อไร เวลาในชีวิตของผู้ป่วยก็คงหมดลงเช่นกัน
ในขณะที่หัวใจพูดเสียงดังฟังชัด และตรงไปตรงมาเสมอถึงปัญหาที่มันกำลังประสบอยู่
มนุษย์-ซึ่งเป็นเจ้าของหัวใจนั้น-กลับปฏิบัติต่างออกไป
บ่อยครั้ง เรารู้สึกทุกข์จากการกระทำของใครบางคนที่เรารัก*
แต่เราก็กลับเลือกจะเก็บมันไว้โดยไม่บอกเล่าให้เขาฟัง
แม้จะมุ่งมั่นในการทำเช่นนั้น
แต่ขณะเดียวกันเราก็ยังแอบหวังให้ใครคนนั้นเข้าใจความทุกข์ของเราบ้าง
แน่นอนเหลือเกินว่าเขามักจะไม่เข้าใจ ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจอะไร
เพราะเรานั่นเองที่ไม่ยอมเล่าให้เขาฟัง
เรื่องที่ไม่น่าแปลกใจจริง ๆ ก็คือ การที่เรายังคงไม่เข้าใจว่า
ทำไมเขาจึงไม่เข้าใจเรา นั่นทำให้เรารู้สึกทุกข์จากการกระทำ
ของใครบางคนที่เรารัก... (ซ้ำ * อีก ๗ รอบ)
ซ้ำเองช้ำเอง เราเก็บเก่งจะโทษใคร
ไม่ใช่แต่การไม่สามารถสื่อสารความทุกข์ในใจออกมาเท่านั้น
การไม่สามารถสื่อสารความรู้สึกดี ๆ ในใจออกมาก้ก่อความช้ำไ้ด้ไม่ต่างกัน
มีตัวอย่างมากมายที่คนซึ่งรักและห่วงใยกันต้องมาหมางเมินกัน
เพียงเพราะความรู้สึกดี ๆ ในหัวใจของอีกฝ่ายหนึ่งไม่สามารถเิดินทางตลอดรอดฝั่ง
ไปจนถึงรูหูของอีกฝ่ายหนึ่งได้ ตัวอย่างเหล่านี้สามารถหาชมได้ไม่ยาก
จากตัวท่านเอง คนที่รักท่าน และคนที่ท่านรัก
ระยะทางจากหัวใจของคนคนหนึ่งไปสู่รูหูของใีครอีกคนนั้นช่างยาวไกล
และเต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ความโกรธซุ่มอยู่ข้างทาง
รอโอกาสมาแทรกซึม ความน้อยใจดักอยู่ข้างหน้ารอจังหวะผสมโรง
ความกลัว ความระแวงและอคติ กระจายกำลังรอบทิศพร้อมโจมตีทุกเื่มื่อ
กว่าที่ความรักความห่วงใยซึ่งตั้งต้นออกเดินทางจากหัวใจจะกระเสือกกระสน
ไปจนถึงรูหูของอีกฝ่ายได้นั้น
มันก็สะบักสะบอมจนไม่เหลือเค้าเดิมที่เคยเป็น
แทนที่จะเป็นความห่วงใย รูหูผู้ไ่ม่รู้อีโหน่อีเหน่จึงได้สัมผัสเพียงถ้อยคำระคายหูประโยคหนึ่งเท่านั้น
นี่คือสิ่งที่ผู้พูดควรตระหนก และผู้ฟังยิ่งต้องตระหนก
เพราะแม้หูเราจะไ่ม่ได้ยิน แต่ในประโยคชวนระคายที่ล่องลอยมานั้น
ร่องรอยของเจตนาดี ๆ ยังคงมีอยู่เสมอ การใช้หูฟังเพียงอย่างเดียวนั้นจึงไม่เพียงพออีกต่อไป
เพราะอันที่จริงหูเราก็เป็นแค่หูฟัง เป็นอุปกรณ์ซึ่งเราต้องใช้หัวใจฟัง-ต่อจากหูของเราอีกทีหนึ่ง
ซึ่งนั่นคือ หน้าที่ของหัวใจ
มีเพียงหัวใจเท่านั้นที่สามารถฟังอย่างลึกซึ้งไปถึงต้นธารคำพูดในหัวใจของอีกฝ่ายได้
หัวใจถูกสร้างมาให้อ่อนโยนพอที่จะรับรู้สุข/ทุกข์ของผู้อื่น และแข็งแกร่งพอที่จะเข้าใจ
และรับฟังโดยปราศจากอคติ
ถึงตรงนี้ ผู้อ่านช่างสงสัยท่านเดิมอาจยกมือถาม : ฟังด้วยหัวใจเนี่ยนะ?
ครับ ลองมองที่หัวใจสิครับ เห็นมั้ย ตรงกลางของ heart นั้น มี ear ซ่อนอยู่
ในขณะที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้าไปไกล
มนุษย์ผู้ใช้มันกลับยังย่ำเท้าอยู่ที่จุดเดิม-หรืออาจจะถอยหลัง?
พวกเรายังคงใช้การสื่อสารเพียงเพื่อประโยชน์ในการสื่อ โดยไม่เคยคิดที่จะสาน
ผลก็คือเกิดคู่ขัดแย้งขึ้นมากมายในสังคม เบาหน่อยก็พากันไปออกสื่อ
หนักหน่อยก็พากันไปขึ้นศาล
เราเคยชินกับการตัดสินผู้อื่นล่วงหน้า บางครั้งเราตัดสินเขาก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้พูดเสียอีก
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ กลายเป็นคติประจำใจในยุคสมัยของเรา
เราตัดสินถูกผิดดีชั่วกันจากลิ้นไก่เล็ก ๆ ที่เห็น
เราสะใจที่เขาไม่มีโอกาสได้พูด แทนที่จะเสียใจที่เราไม่มีโอกาสได้ฟัง
ก่อนนาฬิกาแห่งความสัมพันธ์จะหยุดลง เรามาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจกันเถอะครับ
วิธีิการไม่มีอะไรยุ่งยาก เริ่มจากบอกตัวเองว่า ทุกครั้งที่ฟัง เราจะฟังเพื่อเข้าใจผู้อื่น
การเข้าใจใครสักคนก็คือ การเข้าไปในหัวใจของคนคนนั้น
เมื่่ออยู่ในนั้นเราจะสามารถสัมผัสความทุกข์ความสุขในใจของเขาได้
ที่สำคัญจากตำแหน่งนั้น เราจะสามารถมองเห็นโลกและปัญหาจากมุมของเขา
ซึ่งนั่้นมักเป็นมุมที่เราไม่เคยมอง
การเอาใจเขามาใส่ใจเรา แท้จริงแล้วคือ การเอาใจเราไปใส่ใจเขา
ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปลี่้ยนหัวใจ เราสามารถเอาใจเราไปใส่ใจเขาได้ เีพียงแค่เรียนรู้ศิลปะง่าย ๆ ของการฟัง
Hear is art, when heart is ear.
ครั้งหน้า ถ้ามีโอกาสฟังคนที่คุณรัก โปรดฟังทางนี้
.......................................................................................................................................................................
คุณหมอคุณาธรเขียนบทความนี้ได้ "คม" มาก
รวมทั้งการเปรียบเทียบให้เห็นภาพของการสื่อสารที่เป็นแบบนั้นจริง ๆ
ความไม่เข้าใจ เกิดขึ้นได้อย่างงง่ายดาย
เพียงเพราะเราไม่เคยคิดจะนั่งฟังเขาอย่างจริงจัง
ไม่เหนือบ่าฝ่าแรงที่จะอ่านบทความนี้ด้วยความเข้าใจนะครับ
อยากให้เขาเข้าใจเรา เราก็ควรจะต้องเข้าใจเขาก่อน
จะได้ไม่ต้องย้อนไปย้อนมา เสียดายเวลาของชีิวิต
โปรดฟังทางนี้ โปรดอ่านบทความนี้ (แล้วนำไปใช้ทันที)
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
......................................................................................................................................................................
ขอบคุณหนังสือดี ๆ ...
คุณากร วรวรรณธนะชัย. มองโรคในแ่ง่ดี. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : อะบุ๊ก, ๒๕๕๖.
ตระหนักถึงการเป็นผู้ฟังมากขึ้นเลยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ ท่านอาจารย์ ชยพร แอคะรัจน์ ;)...
ชอบบันทึกนี้และจะเป็นผู้ฟังที่ดีและมีสติ ขอบคุณมากครับผม
ยินดีและขอบคุณครับ อาจารย์ Dr. Pop ;)...
ขอบคุณสำหรับบันทึกดีๆ นี้ครับ ทำให้รู้ว่า อวัยวะที่มีลิ้น ย่อมพูดได้ นั่นคือ หัวใจพูดได้ และในหัวใจ ก็มีหู อยู่ด้วย ทำให้ หัวใจก็รับฟังสิ่งต่าง ๆ ที่ใคร ๆ บอกกันได้ เพราะฉะนั้น เราต้องดูแลใจให้ดี จะพูดอะไรก็ต้องพูดด้วยใจ และจะฟังอะไรก็ต้องฟังด้วยใจ ดีใจจัง
ยอดเยี่ยมมากค่ะ ใช้ประจำ เพียงเตือนตนเสมอ ..... อย่าเคยชิน
เพราะบางเรื่องอาจคล้ายกัน แต่ก็ต่างคน ต่างเวลา หรือต่างสถานการณ์กัน
ขอบคุณคุณครูเงามากค่ะที่นำมาเล่าต่อ
ยินดีครับ คุณหมอธิ ทพญ.ธิรัมภา ;)...
แบ่งปันบทความดี ๆ ครับ
เรารู้สึกทุกข์จากการกระทำของใครบางคนที่เรารัก*
แต่เราก็กลับเลือกจะเก็บมันไว้โดยไม่บอกเล่าให้เขาฟัง
แม้จะมุ่งมั่นในการทำเช่นนั้น
เป็นบ่อยมากค่ะ เดี๋ยวจะไปตามหามาอ่าน ขอบคุณนะคะอาจารย์
หนังสือเล่มเป็น Best of the Best เล่มหนึ่งสำหรับผมเลยครับ kunrapee ;)...