เรียนรู้ความทุกข์แบบฉับพลันทันใด!


ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แปรเปลี่ยน ไม่เที่ยง สมดังที่คำพระท่านสอน

 


(ขอบคุณภาพจาก" ดอกผับตบชวาหลังบ้าน:สีสวยจริงๆ"
 http://www.hondacitythailand.com/club/home.php?mod=space&uid=49628&do=album&picid=5382&exif=1
 สืบค้นเมื่อ8 ก.ค.2556)

ปี พ.ศ.2519-2520  ผู้เขียนอายุ 4 -5 ขวบ จำได้ราวๆนั้น
อยู่ในวัยเด็กที่ชีวิตมีแต่ความสุข กินอิ่ม นอนหลับ เที่ยววิ่งเล่น
กระโจนลงคลองเล่นน้ำไปตามเรื่องตามราว บ้านของผู้เขียนตอนนั้นอยู่ริมคลองแป๊ะกง
คลองนี้เป็นคลองสายเล็กๆ ความยาวประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้น  แต่กว้างมากในความรู้สึกของเด็กๆ
เป็นคลองซอยที่เชื่อมระหว่างแม่น้ำท่าจีนกับคลองภาษีเจริญ
วันหนึ่งเตี่ยของผู้เขียนพานั่งเรือสำปั้นลำเล็กๆ พายออกจากคลองแป๊ะกงและข้ามแม่น้ำท่าจีนเพื่อไปเยี่ยมย่าของผู้เขียน
ที่อยู่ตำบลท่าไม้  และมีนิวาศสถานอยู่ในคลองที่ต่อกับแม่น้ำท่าจีน
ผู้เขียนนั่งอยู่หัวเรือ และเตี่ยเป็นคนพายเรือให้นั่ง
เราสองคนพ่อลูก ใช้ชีวิตร่วมสุกข์ทุกข์กันมาตลอด ผู้เขียนนั้นมีความทรงจำดีๆระหว่างพ่อกับลูกที่ชีวิตนี้ไม่อาจลืมเลือนได้
ครั้งนี้ก็เช่นกัน
ลมเย็นที่พัดมา กลิ่นหอมของแม่น้ำที่เป็นกลิ่นเฉพาะ ยามเมื่อเราวาดพายลงไป ละอองน้ำกระเซ็นเบาๆ ผู้เขียนชอบที่จะเอามือวักน้ำเล่น(และเตี่ยก็ไม่เคยว่าอะไร)  ครั้งนี้เมื่อเตี่ยพายเรือข้ามแม่น้ำท่าจีนนั้น เป็นช่วงฤดูที่ผักตบชวาค่อนข้างเยอะ
และเป็นครั้งแรกในชีวิตผู้เขียนที่มีโอกาสเห็นดอกผักตบชวา
โอ้! มันช่างสวยหวาน กลีบดอกอันบอบบาง สีม่วงอ่อนนั้น สวยจับใจเสียเหลือเกิน
เกิดมาไม่เคยเห็นดอกไม้อะไรที่สวยขนาดนี้!   แทบจะทำให้ผู้เขียนกระโจนลงไปเพื่อเก็บดอกผักตบนั้นมาทีเดียว
เลยบอกเตี่ยไปว่า
"เตี่ย ช่วยเก็บให้หนูหน่อย หนูอยากได้!"  ความที่หัวใจร่ำร้องอยากได้ดอกไม้ที่ตนเองเห็นว่าสวยจับใจนั้นมาไว้ในครอบครอง
เตี่ยซึ่งคงทราบดีว่าหากเก็บดอกผักตบ ซึ่งผู้เขียนและทุกๆคนที่รู้จักผักตอบเรียกว่า "สวะ" นั้น ไม่ช้านานจะเกิดอะไรขึ้น  เลยทำสีหน้าแบบไม่เต็มใจจะเก็บให้
จำได้ว่าผู้เขียนต้องร่ำร้องบอกให้เตี่ยเก็บให้ และเตี่ยก็เก็บให้อย่างเสียไม่ได้ โดยเอื้อมมือไปเด็ดดอกสวะออกจากกอมาให้ผู้เขียน 1 ดอก พอเรือพายผ่านไปอีกกอนึงเจอดอกใหญ่กว่าเก่า ก็ร่ำร้องจะเอาที่ใหญ่กว่าอีก!
 ผู้เขียนยังจำความรู้สึกนั้นได้อย่างเต็มหัวใจว่า
"ความสุข" ที่ได้ดอกไม้แสนหวานมาไว้ในมือนั้น มันสุข สมหวัง และดีใจอย่าวที่สุด!
อนิจจา!"    คุณผู้อ่านเอ๋ย!
ความสุขของเด็กผู้หญิงที่มีโอกาสเห็นดอกสวะครั้งแรก และ "รู้สึก!" ว่าดอกไม้ชนิดนี้มันสวยมาก
อยากจะได้มาเชยชม แต่ในชั่วสุขเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น
ดอกสวะสีม่วงของผู้เขียนก็ค่อยๆเหี่ยวลงไปแทบจะทันทีทันใด หลังจากเตี่ยเด็ดออกมาจากกอสวะได้ไม่นาน
ข้าพเจ้านึกถึงเรื่องนี้ทีไรแล้ว
ทำให้รับรู้และทรงจำความทุกข์ ความเหี่ยวเฉาของจิตใจนั้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ 
หัวใจที่พองบาน เป็นสุข  ฟูขึ้น เพราะได้ดอกไม้สีสวยหวานมาครอบครองนั้น
บัดนี้มันเหี่ยวลงตามดอกไม้นั้นไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นดอกสวะเหี่ยวลงเช่นนั้น ความทุกข์ที่มาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัวมาก่อนนั้น
มากระทบหัวใจของผู้เขียนอย่างฉับพลันทันใด!
ผู้เขียนอึ้งอยู่ภายใจ  ใจนั้นเหี่ยวเฉาเช่นเดียวกับดอกสวะ และนั่งนิ่งอยู่หัวเรือเช่นนั้น จนเรือสำปั้นลำเล็กๆของเราสองพ่อลูกพายข้ามแม่น้ำเข้าไปในคลองบ้านย่าได้สำเร็จ

ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ ธรรมชาติ สอนให้ผู้เขียนรู้ถึง "อนิจจัง"
ความเหี่ยวของจิตใจที่มาแทนที่ความฟูของใจในช่วงเวลาสั้นๆ...
บัดนี้เมื่อนึกย้อนไปแล้ว ยังสามารถเอามาเป็นบทเรียนไว้สอนตนเอง เตือนตนเองตลอดได้ว่า
ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แปรเปลี่ยน ไม่เที่ยง  สมดังที่คำพระท่านสอน
หากแต่ผู้เขียนน่าจะโชคดีที่ได้รับบทเรียนดีๆ เช่นนี้ตั้งแต่เด็ก
โดยที่ "เตี่ย" ไม่ต้องพร่ำสอนด้วยวาจาเลย!

หมายเลขบันทึก: 541757เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2013 09:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 20:38 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

ขอบคุณมากครับ ชอบประโยคว่า "ไม่มีอะไรแน่นอน..."

ดอกผักตบ..เหี่ยวเร็วแบบนั้น สอนใจเราได้เยอะเลยนะครับ

ขอบคุณกับความรู้ใหม่ๆครับ

ประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตเป็นบทเรียนสอนใจเราได้ดีทีเดียวค่ะ

เป็นสัจธรรมนะคะ ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน แปรเปลี่ยน ไม่เที่ยง ...ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท