เล่าเรื่องสั้นๆ "มรดก"


        เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงเกิดขึ้นประมาณ 40ปีมาแล้ว แต่เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนแก่ญาติและผู้เกี่ยวข้อง  ผู้เขียนจึงต้องสมมุติชื่อและสถานที่เสียใหม่

         ตาพลอยกับยายหวานสองสามีภรรยา เป็นคนขยันขันแข็ง และเป็นคนมีเมตตากรุณา มีศิลธรรมชอบเข้าวัดทำบุญอยู่เสมอ แกมีฐานะพออยู่พอกินไม่อัตคัดขัดสน ตามประสาคนบ้ายนอกชนบท แต่ไม่มีลูกสืบสกุล  มีอาชีพทำนา และแกมีอาชีพเสริมคือทำนํ้าตาลโตนด  ที่หัวคันนาของแกมีต้นตาลโตนดอยู่หลายต้น  แกจะเอานํ้าตาลส่วนหนึ่งเคี่ยวเป็นนํ้าผึ้งขายและเอานํ้าตาลอีกส่วน  มาหมักเป็นนํ้าหวาก(นํ้าตาลเมา)ขายพวกคอหวาก พวกกินหวาก  ตาพลอยแกก็กินหวากเหมือนกัน แต่แกกินอย่างมีสติ กินไม่มาก กินบ้างเพื่อสังคมกับลูกค้า  ยายหวานจะนำนํ้าผึ้งที่ได้ไปขายที่ตลาดนัดบ้าง  มีคนมาซื้อหาถึงที่บ้านบ้าง  ใครอยากกินนํ้าผึ้ง(นํ้าผึ้งโหนด)ก็มาหาซื้อที่บ้านตาพลอยยายหวาน  ใครอยากกินหวากก็มาหาซื้อที่บ้านตาพลอยยายหวาน  บ้างซื้อกลับไปกินบ้านเอง  บ้างซื้อกินสวนเสเฮฮาที่กันที่บ้านตาพลอย   สองตายายเก็บหอมรอมริบ  จากการขายนํ้าผึ้งขายนํ้าตาลหวาก ขายข้าวที่เหลือกินบ้าง  ขายวัวที่เหลือจากไว้ไช้งานบ้าง   ได้ซื้อที่นาเพิ่มขึ้นจนแกมีที่นาถึง 30ไร่ และมีที่ปลูกบ้านอยู่บนที่โคกสูงอีก 3ไร่  บริเวณรอบๆบ้าน  มีมะพร้าว  มะม่วง  มะปราง  มะขาม  หมาก  พลู  ยังแถมมีพืชผักสวนครัวอีก  ลูกค้าที่มาซื้อนํ้าผึ้ง มากินหวาก  มักจะได้ของแถมติดมือกลับไปเสมอ เช่นพวกส้มสูกลูกไม้ ข่า  ตะไคร้  พริก  ใครขาดอะไรขัดข้องอะไรต้องนึกถึงบ้านตาพลอยยายหวาน  แห่งบ้านโคกสะท้อน  ซื้อบ้างแถมบ้างให้เปล่าบ้าง  ตาพลอยยายหวานถือว่า เป็นสินนํ้าใจ เป็นสิ่งจูงใจให้ใครๆก็อยากมาซื้อของบ้านแก

         สองตายายอยู่อย่างสมบูรณ์พูนสุข อยู่อย่างพอเพียงตลอดมา  เมื่ออายุลาวงเข้า 60 ต้นๆ  ตาพลอยต้องจากไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ  เหลือแต่ยายหวานคนเดียว  ก็เกิดความว้าเหว่ซึมเศร้า  และเกิดวิตกว่าหากเกิดเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีใครดูแลรักษาพยาบาล  จึงคิดจะให้หลานมาอยู่ไกล้ๆ เพื่อความอบอุ่น เพื่อความปลอดภัย  และเพื่อให้สมดุลย์  ไม่กินแหนงแครงใจกัน  ระหว่างญาติยายหวานเองกับญาติของตาพลอย จึงเอานายเหนียวหลานตัวเองกับนายพิศหลานตาพลอยมาปลูกบ้านอยู่ไกล้ๆคนละหลัง  ทั้งสองคนมีภรรยาแล้วยังอาศัยอยู่กับพ่อแม่เพราะฐานะลำบากยากจน  โดยแบ่งที่นาให้ทำกินคนละ 10ไร่  ส่วนตัวของยาย 10ไร่ยายทำเองแต่ให้หลานสองคนช่วยกันไถให้ยายด้วย  และหากสิ้นยายเมื่อไหร่ทรัพย์สินทั้งหมดให้แบ่งเท่าๆกัน  แต่จะยังไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้  หลานทั้งสองก็พอใจ  จึงมาปลูกบ้านเล็กๆ(ขนำ)อยู่คนละหลัง  ทำให้ยายมีความอบอุ่นและมีความสุขขึ้น  ยายยังแข็งแรงอยู่ก็ช่วยเหลือหลานทั้งสองตลอดมา ชาวยในการทำนา ช่วยเลี้ยงลูก บางครั้งถึงกับช่วยเหลือเจือจุนทางด้านเงินทอง เพื่อผลักดันให้หลานตั้งตัวได้เร็วขึ้น  จะได้เป็นที่พึ่งต่อไป

           ความสุขสบายของยายหวานก็เริ่มจะหดหายไปทีละน้อยๆ  เมื่อพวกเขามีลูกเพิ่มขึ้น  การจับจ่ายไช้สอยของพวกเขาไม่ค่อยจะพอเลี้ยงตัว  ยายต้องจุนเจืออยู่เสมอ  ร่างกายของยายหวานก็ค่อยแก่ตัวลง ทรุดโทรมลง  จิตใจก็เริ่มวิตกกังวล  ความหวังที่จะได้พึ่งพิงหลานเริ่มเลือนราง  กลับกลายเป็นว่าเอาหลานมาอุปการะเลี้ยงดู  เลี้ยงไม่โตสักที  เวลาล่วงไปๆยายหวานก็เริ่มป่วยกระเสอะกระแสะบ่อยๆ  หลานทั้งสองก็ไม่ได้ดูแลอย่างเต็มที่ เพราะดิ้นรนทำงานเนื่องจากมีลูกมากขึ้น ฐานะยิ่งแย่ลง  จนกระทั่งยายหวานป่วยหนักมากไม่สามารถพาไปหาหมอได้  นายเหนียวก็ไปตามหมอที่ตลาดให้มาดูอาการ  คือหมอสมปอง เป็นหมอหนุ่มเคยเป็นทหารเกณท์อยู่กองเสนารักา์  เมื่อปลดประจำการมีความรู้ด้านการใช้ยาและรักษาผู้ป่วย  มาเปิดร้านขายยาในตลาดและรับรักษาคนไข้  ซึ่งคนทั้งหลายรู้จักมากเรียกติดปากว่าหมอปอง

             เมือหมอมาดูอ่การแล้วก็ฉีดยาให้เข็มหนึ่งพร้อมกับจัดยาไว้ให้กินสำหรับหนึ่งสัปดาห์  และบอกว่ายายเป็นโรคขาดอาหารด้วยทำให้อ่อนแอ ให้พยายามจัดอาหารที่มีประโยชน์และถูกปากจะได้มีกำลังต้านทานโรคจะฟื้นตัวเร็วขึ้น  ให้กินอาหารบ่อยๆ  หมอก็คิดค่ายาค่าเดินทางเบ็ตเสร็จ 200บาท  นายเหนียวกับนายพิศมองดูตากันนิ่งอยู่  ยายจึงบอกให้ไปเอาในห้องของแก อยู่ใต้เสื้อผ้าที่พับทับไว้ข้างฝา  นายพิศก็เข้าไปเอาออกมา 200บาทให้หมอ   หมอก็ลากลับไป

             ล่วงไปสองวันหมอปองก็กลับไปเยี่ยมยายหวานอีกด้วยความเป็นห่วง  มาคราวนี้ซื้อของมาฝากมากมาย   มีกับข้าวทั้งหมูทั้งไก่ปรุงสำเร็จมาแล้ว มีผลไม้ ขนม นมกล่อง

              "ผมคิดถึงยาย  ผมมีความรู้สึกว่า ผมต้องมาดูแลยาย"     ยายหวานนํ้าตาคลอด้วยความปิติ เพราะตอนนี้ยายอยู่คนเดียวนอนซมอยู่คนเดียว หลานๆเขาไปนากันหมดจะมาดูอีกทีก็ตอนเที่ยงๆสักประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น

               "ยายกินข้าวกินยาแล้วยัง  อาการดีขึ้นไหม"

               "ขอบใจลูกหมอมากๆ" ยายพูดด้วยเสียงแหบๆด้วยความอิดโรย  "ยายกินข้าวนิดหนึ่งและกินยาแล้ว  ก็รู้สึกดีขึ้นบ้าง  ลูกหมอต้องลำบากด้วยหนทางก็กันดาร"

              หมอปองเข้าไปในครัวเพื่อหาจานชามมาใส่อาหารให้ยายกิน  เห็นกับข้าวของยายในหม้อมีข้าวสวยอยู่  เปิดฝาชีดูมีปลาเค็มจี่สุกแล้วตัวหนึ่ง  มีนํ้าชุบ(นํ้าพริก)กับยอดผักสองสามอย่างและไข่ต้มฟองหนึ่งผ่าซีกรอยตักไข่แดงไปนิดเดียว   จึงจัดแจงเอาชามใส่ข้าวและกับที่เตรียมมาให้ยายกิน  ยายหวานกินข้าวอย่างอเร็ดอร่อย กินได้พอสมควร  หมอปองก็จะลากลับ

             "ผมจะกลับแล้วนะยายนะ"

              "ขอบใจลูกหมอมาก ยายไมารู้จะตอบแทนอะไร ทำไมลุกจึงใจดีกับยายอย่างนี้"

              "ผมคงถูกชตากับยาย ผมอดเป็นห่วงยายไม่ได้  แล้วต่อไปผมจะมาเยี่ยมยายบ่อยๆ ผมกลับนะยายนะ"

             "ขอบใจลูกหมอมากๆ ขอให้คุณพระคุณเจ้าคุ้มครอง ขอให้เจริญๆเถิด" 

            หมอสมปองได้มาเยี่ยสยายบ่อยๆพร้อมด้วยอาหารการกิน  พักหลังแถมมีเสื้อผ้ามาด้วย และยังช่วยทำความสะอาดที่นอนที่พื้นปัดกวาดเช็ดถู  อาการของยายค่อยดีวันดีคืน จนหายเป็นปกติ หมอก็ยังมาเยี่ยมอยู่เสมอๆ จนชาวบ้านวิพากวิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ  บ้างก็ว่ายายหวานมีบุญที่มีคนมาดูแลรักษาให้ฟรีๆ โดยไมาไช่ญาติพี่น้องลูกหลาน บ้างก็ว่าเขาอาจจะเคยเป็นแม่ลูกกันมาแต่ชาติปางก่อน  หลายๆครั้งที่หมอสมปองมารับยายไปอยู่ที่บ้านครั้งละ 3วันบ้าง 5วันบ้าง  ภรรยาหมอสมปองก็ดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี   ที่บ้านหมอสมปองจะพูดคุยกับยายเล่าความหลังสู่กันฟังเสมอ

                "ผมจำแม่ไม่ได้ แม่ตายตอนผมยังเล็กๆอยู่  เมื่อเจอยายผมมีความรู้สึกเหมือนเจอแม่ มันเหมือนมีความผูกพันกันมา"

                 "ยายก็มีความรู้สึกว่าลูกหมอเป็นลูก   ยายอยู่สุขสบายมาสองคนตาพลอย   พอสินตาพลอยแล้วชีวิตยายเปลี่ยนไป  มีความลำบากสังขารทรุดโทรม  ความหวังที่จะพึ่งหลานเขาก็ลำบากเสียยิ่งกว่ายายอีก  มีแต่เขาพึ่งยาย จนยายหมดสภาพที่จะให้เขาพึ่งได้อีก มันเป็นวิบากกรรมของเขาด้วยที่เขาไม่ได้พัฒนาตัวเอง ยายก็หมดความหวัง"

                 "ยายไม่ต้องกังวลอะไรอีก ผมจะดูแลยายตลอดไป  ผมมีความสุขที่ได้เลี้ยงดูรักษายาย ทดแทนที่ผมไม่มีโอกาสเลี้ยงดูแม่ เหมือนกับว่าผมขาดอะไรไปบางอย่าง เมื่อพบยายได้เลี้ยงดูยายก็เหมือนกับว่าผมได้พบแม่

เหมือนกับว่าได้เติมเต็มสิ่งที่เคยขาดหายไป"

                  "ยายก็มีความสุข มีความหวังอีกครั้งหนึ่งในบั้นปลายของชีวิต ยายมีลูกหมอเป็นลูก ทำให้ยายมีชีวิตที่สมบูรณ์ขึ้นมาในท้ายที่สุด"

                  ยายหวานกลับมาบ้านโคกสะท้อนทีไร เพื่อนบ้านในละแวกนั้นต่างก็มาเยี่ยมเยียนและชื่นชมในการอยู่ดีกินดี มีสง่าราศรี  ผิวพรรณสดใส มีเสื้อผ้าดีๆใส่

                   "เป็นงัยไปอยู่บ้านหมอสุขสบายดีนะ เมียหมอดีไหม"

                   ยายหวานมักจะตอบแต่พองามไมายกย่องหมอจนเกินไป  ยายจะมีความรู้สึกชื่นชมอยู่เพียงภายในใจ   ยายเป็นคนฉลาดมีปัญญา มีนํ้าใจที่ดีงาม ชีวิตยายมีแต่ให้ ไม่ว่าใครที่ใหน เดือดร้อนมาพึงพิง ยายจะให้ความช่วยเหลือเสมอ จนบั้นปลายชีวิตของยาย ยายไมาสามารถจะให้ใครได้อีก ยายหมดสภาพทั้งแรงกายและทรัพย์สินเงินทองที่จะช่วยเหลือเจือจุนใครได้อีก  แม้ตัวยายเองก็แทบจะเอาตัวไม่รอด มีแต่ลูกหมอที่ยื่นมือเข้ามาโอบอุ้ม ไม่ไช่ญาติพี่น้องลูกหลาน  แต่ลูกหมอเป็นยิ่งกว่า  ยายจะตอบกับเพื่อนบ้านแต่เพียงว่า

                   "ลูกหมอเอาใจใส่ฉัน เหมือนฉันเป็นแม่เขา ฉันก็เกรงใจเขาเมื่อเขามารับก็ต้องไปเพื่อความสบายใจของเขาด้วย  ลำพังตัวฉันก็อยากอยู่ที่นี่แหละ คิดถึงลูกหลานญาติพี่น้องที่นี่ นี่ก็อายุ 80กว่าแล้วไม่อยากไปใหนอีก อยากอยู่จนวาระสุดท้ายที่นี่"

                     ยายหวานเป็นคนมีสติอยู่เสมอ มีศีล มีสมาธิ    จึงมีปัญญา รู้จักแยกแยะสิ่งใดควรไม่ควรแค่ใหน  จนถึงวาระสุดท้ายยายหวานก็จากไปด้วยอาการอันสงบ    เมื่อ  10 มิถุนายน............

                   

                                                     เช้าตรู่ของวันที่ 1 กรกฎาคม.................  

                     มีการโจษขานกันทั่วหมู่ที7 บ้านโคกสะท้อน เมื่อมีป้ายประกาศปักอยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน   


                                                   ประกาศขายทีดินนา 20 ไร่ด่วน

                                     ที่ดินตั้งอยู่หมู่ที 7  บ้านโคกสะท้อน

                                      สนใจติดต่อที่   หมอสมปอง

                                       โทรศัพท์  07x  xxx   xxx

                                                        08x  xxx  xxxx

หมายเลขบันทึก: 541423เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2013 15:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม 2013 15:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

ขอขอบคุณทุกๆท่านที่สนใจเข้ามาเยียม

ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวที่นำมาฝากกันเช่นกันจ้ะ

ขอบคุณนิทานเรื่องนี้ค่ะคุณพ่อ  มันคงไม่ใช่นิทาน แต่เป็นเรื่องจริงนะคะ

เป็นอุทาหรณ์ให้พึงระวัง

คนฉลาดสุขุม นุ่มลึก  ทำดีอย่างมีเป้าหมาย

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า ยายหวานยกให้ด้วยเสน่หาจริงๆ หรือคุณปองนั่นยกเมฆให้ยายเซ็นต์แบบงงๆ 


แต่ก็มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งว่า ไม่ว่าทรัพย์สินหลังจากยายหวานจากไปจะเป็นของใคร

แต่ก่อนที่ยายหวานจะจากไป ท่านก็อยู่ดีมีความสุขค่ะ มีคนดูแลเอาใจใส่อย่างดี

แม้คนนั้นจะหวังผลอย่างแยบยลก็ตาม 


ก็ยังดีกว่าอยู่กับหลานแท้ๆ  ที่ไม่ได้เอาใจใส่อะไร หรือไม่มีศักยภาพที่จะเอาใจใส่     ...เมื่อยายหวานตายไป ทรัพย์สินก็ตกทอดและได้รับโดยอัตโนมัติ ......

พ่อตั้งใจสอนลูกด้วยนิทานเรื่องนี้หรือเปล่าค่ะ 

ลูกตั้งใจทำดีทุกอย่าง และเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอเท่าที่ทำได้  รวมทั้งทำบุญด้วยค่ะ 

ลูกก็หวังที่จะมีชีวิตในบั้นปลายและมีความสุขเหมือนที่คุณพ่อมีค่ะ 


เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นและเป็นที่เคลือบแครงสงสัยของคนทั่วไป ต่างวิจารย์กันไปตามความคาดคเนของแต่ละคนแต่ละกลุ่ม พ่อจึงทิ้งประเด็นไว้ให้ผู้อ่านเดาเอา  พ่อได้ข้อมูลมาจากลุงหมักป้าพิม ลุงหมักเขาตัดสินเข้าข้างหลาน แต่พ่อคิดไปอีกอย่าง  จึงละทิ้งปมไว้

แท้จริงแล้วสิ่งที่ยายต้องการที่สุดคือความรักและการเอาใจใส่อย่างอบอุ่น ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังนะคะ

ขอบคุณค่ะคุณพ่อ

จริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับชีวิตคนเรา

ทุกวันนี้ก็ดูแลหลานและทุกคนให้ดีที่สุด เท่าที่สามารถจะทำได้ แต่ไม่เคยคาดหวังอะไรกับใคร ได้ทำสิ่งที่เราปราถนาให้เขาดูเป็นตัวอย่างแล้ว เขาจะคิดได้หรือไม่ก็แล้วแต่บุญของเขาเอง 


ไม่ได้คิดว่าโชคชะตาจะมาเป็นใหญ่กว่าสมองและสองมือ

ความสุขก็พยายามจัดเตรียมวางไว้ให้กับตัวเอง ไม่ได้ร้องขอมาจากใครๆ 

ความทุกข์หากมันจะมี ก็ปล่อยให้มันมี เดี๋ยวมันก็ไปเองค่ะ


หลังจากเสร็จจาก site งานนี้แล้ว ลูกตั้งใจจะไปท่องเที่ยวที่ปาลาลวัน งานน่าจะเสร็จก่อนวันที่ 12 นี้ค่ะ กำลังเร่งอยู่ค่ะ


ขอขอบคุณ    คุณตุ๊กน่ารัก

                    คุณมะเดื่อ

                   คุณชยันต์เพชรสรีจันทร์

                     คุณอักขณิช

                   คุณกบ

                   คุณยันยง-พี

          ขอบคุณครับ

ขอบคุณสำหรับช่อดอกไม้เป็นกำลังใจ

ขอบคุณครับท่าน ศน ต้น

ขอบคุณครับ คุณดร.พจนา แย้มนัยนา สำหรับช่อดอกไม้ครับ

ขอบคุณครับ คุณน้อยนํ้าพองที่เข้ามาให้ดอกไม้

            ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท