ยังวนเวียนอยู่กับเมืองสุรินทร์ มนต์ขลังกันตรึมยังซึมซาบจนยังไม่อยากจากเมืองสุรินทร์
ขณะที่ขับรถวนเวียนเมืองสุรินทร์ สายตาก็เหลือบเห็นป้ายคัตเอาท์ขนาดใหญ่ เชิญชวนเที่ยวงานบวชนาคช้าง ที่หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง อำเภอท่าตูม ระหว่างวันที่ 22- 24 พ.ค.56 วันนั้นเป็นวันที่ 23 พ.ค. เวลาประมาณ 11 โมงเช้า เอานะ...ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองไปดูเขาสักหน่อยปะไร
ไม่รู้หรอกว่าจะไปทางไหน แต่ด้วยวิญญาณของนักท่องทางไกลทำให้มิหวั่นไหวต่ออุปสรรค
ฉันตัดสินใจเลี้ยวรถมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ทราบเพียงว่าต้องขับรถไปทางอำเภอจอมพระ
เลี้ยวซ้ายสู่อำเภอท่าตูม ซึ่งระหว่างทางไม่ได้มีอะไรบ่งบอกเลยว่าฉันจะเดินทางถึงจุดหมายหรือไม่
ทางอยู่ที่ปาก,,,,,ฉันต้องจอดรถถามทางเป็นระยะ สุดท้ายก็เห็นป้ายว่ามาถูกทาง มันจะไม่ยากลำบากเลย หากสำนักงาน ททท. สภาวัฒนธรรม หรือหน่วยงานประจำจังหวัดที่เกี่ยวข้องกับงานนี้ จะอนุเคราะห์นักท่องเที่ยวด้วยการจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์หรือสัญลักษณ์นำทางบริเวณจุดที่สำคัญเช่น ทางแยก หรือ จุดสังเกตที่ชัดเจน เพื่อนำพาสิ่งดีๆเข้าสู่ชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือระบบเศรษฐกิจ อันเป็นปัจจัยสำคัญของชุมชนในยุคสังคมปัจจุบัน
ราวชั่วโมงเศษ ฉันก็เข้าสู่บริเวณจัดงานบวชนาคช้าง หมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ที่อยู่ในเขตอำเภอท่าตูมจังหวัดสุรินทร์ สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าคือขบวนช้างหลายสิบเชือกที่เดินอยู่บนถนนคอนกรีตบางๆ สายเล็กๆ ซึ่งเป็นทางเข้าศูนย์คชสิทธิ์ (น่าจะใช่นะ ไม่แน่ใจ) และวัดแจ้งสว่างบ้านตากลาง ซึ่งเป็นบริเวณจัดงาน จากการสอบถามก็ได้รับข้อมูลเพียงเล็กน้อยจากผู้ร่วมงาน(เขากำลังสนุกสนานกัน เลยไม่ค่อยมีใครจะคุยด้วย) ว่าช้างแต่ละเชือกจะเป็นพาหนะของชายหนุ่มที่อายุครบบวชของหมู่บ้าน ซึ่งจะนัดมาบวชพร้อมกันในระหว่างวันขึ้น13-15 คำ่เดือน 6 ของทุกปี
ประเพณีบวชนาคช้างเป็นประเพณีอุปสมบทของชาวลาว เขมรและกวยหรือส่วย ซึ่งเป็นประเพณีที่กระทำสืบทอดกันมาแต่โบราณกาลลักษณะการจัดงานก็ยังคงสภาพของความเป็นชาวบ้านและชนบทอยู่มาก การแต่งกายของผู้ร่วมงานยังแต่งกายด้วยผ้าพื้นเมืองโบราณ สำหรับพ่อนาคที่อยู่บนหลังช้างจะถูกแต่งองค์ทรงเครื่องราวเทพที่กำลังจะจุติลงมาจากสวรรค์ ส่วนช้างแต่ละเชือกก็ถูกประดับประดาอย่างอลังการ แต่เครื่องประดับที่อยู่บนตัวช้างนั้น มิใช้ผ้าแพรพรรณอันใด หากแต่เป็นเพียงชอล์คสีที่ควาญช้างสร้างสรรค์ลวดลายบนสรีระของช้างอย่างวิจิตรบรรจง เรียกได้ว่าเป็นจิตรกรรมบนหนังช้างกันเลยที่เดียว
ฉันตื่นตากับสิ่งที่ปรากฎตรงหน้า ด้วยไม่เคยพบเห็นมาก่อน ฉันไม่ได้อะไรมากมายไปกว่านี้ เนื่องจากไม่ได้คาดหมายมาก่อนว่าจะได้มาร่วมงานนี้ และที่น่าเสียดายคือ ฉันไม่มีโอกาสได้ร่วมขบวนแห่นาคช้างไปยังดอนปากแม่น้ำชี-มูลเพื่อขอขมาศาลปู่ตาตามประเพณีกับเขา จำต้องเดินทางกลับที่พักด้วยเกรงว่าจะค่ำเสียก่อน
ทั้งที่งานยังไม่จบเพียงเท่านี้ กลางคืนเขายังมีงานรื่นเริงในหมู่บ้านและเช้าของวันต่อมา นาคราว 60 นาคที่อยู่บนหลังช้างนั้น ก็จะได้เข้าเป็นสาวกขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าในพุทธศตวรรษที่ 26อย่างสมบูรณ์
สิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้เกี่ยวข้องของงาน อยากให้ท่านทราบว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุรินทร์ครั้งนี้
มิได้ปรากฎที่ใดเลยในประเทศ การสนับสนุนประชาสัมพันธ์ที่ดี จะนำพาชื่อเสียงและเศรษฐกิจอันรุ่งเรืองมาสู่จังหวัดของท่านอย่างเต็มภาคภูมิ สมควรหรือไม่ที่จะมีหน่วยงานเข้าร่วมถ่ายทอดอารยธรรมนี้สู่สายตาชาวโลกในวาระต่อไป
ปล.
เสียดายที่ไม่สามารถอัปโหลดภาพให้ชมได้ ด้วยเหตุขัดข้องทางระบบอินเตอร์เน็ต
ด้วยจิตคารวะอารยธรรมชุมชน
นางฟ้า เบื่อสวรรค์
26/07/2013
วัฒนธรรมชุมชนบางอย่างกำลังจะถูกกลืนหายไปกับกระแสโลกาภิวัฒน์ น่าจะมีผู้ที่เห็นคุณค่าสิ่งดีๆเหล่านี้ร่วมกันดูแลสืบสานไว้นะครับ ชื่นชมและขอบคุณสำหรับบันทึกดี ๆ นี้ครับ
ได้ชมภาพบวชนาคบนหลังช้างทางทีวี น่าสนใจมาก ๆ จ้ะ แต่ปีนี้ฝนมาเยือน อาจจะเป็นอุึปสรรคในงานอยู่สักหน่อย แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ขอบคุณที่นำเรื่องดี ๆ มาแบ่งปันนะจ๊ะ
ขอบคุณ มิตรภาพ 639 และคุณมะเดื่อ ในความเห็นสนับสนุน ขอฝากตัวนักเล่าเรื่องใหม่ นางฟ้า เบื่อสวรรค์ ของ Lux Lawan ด้วยนะคะ
ติ..ชม...ท้วง...ติง ได้ตลอดเวลา หากข้อมูลที่กล่าวมาบิดเบือน เพื่อประสบการณ์ที่ก้าวหน้า
น้อมรับด้วยจิตคารวะ
นางฟ้า เบื่อสวรรค์
26/05/2013
งานนี้ ได้รับเชิญ ให้ไปชม การบวชนาคช้าง จากคนสารคาม ที่มีญาติเป็นส่วยอยู่ท่าตูม
เสียดายพอถึงวันนัดหมายเขาไม่ได้ติดต่อมา ตั้งใจจะไปเรียนรู้ การบวชนาคจากฝั่งเพื่อนบ้าน
ขอบคุณบันทึกนี้ที่นำเรียนรู้