นอกจากปัญหา ESD ที่ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายได้แล้ว ไฟฟ้าสถิตยังมีความสำคัญในกระบวนการสะอาด หรือชิ้นงานที่ต้องการความสะอาดสูง อาทิเช่น การฉีดขึ้นรูปพลาสติกที่นำมาทำจอแสดงผล ซึ่งการฉีดขึ้นรูปพลาสติกอาจทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตที่ชิ้นงานในปริมาณที่สูงมาก ทำให้ฝุ่นละอองถูกดูดมาที่ชิ้นงานมากและยังทำความสะอาดออกได้ยาก นอกจากนี้ไฟฟ้าสถิตยังมีผลโดยตรงกับงานที่ต้องระวังไม่ให้เกิดประกายไฟ เช่น การทำงานกับสารเคมีที่ไวไฟและการทำงานกับวัตถุระเบิด
จากที่กล่าวมาข้างต้น เราจึงมีความจำเป็นต้องมีการควบคุมและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากไฟฟ้าสถิตซึ่งมีอยู่หลายวิธี อาทิเช่น
1) การออกแบบอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความทนทานต่อไฟฟ้าสถิตมากขึ้น โดยฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์
2) การหลีกเลี่ยงและลดการเกิดไฟฟ้าสถิตโดยการเลือกใช้วัสดุที่เกิดไฟฟ้าสถิตน้อย (Low Static Charge or
Antistatic)
3) การถ่ายเทประจุที่เกิดขึ้นลงสู่กราวด์ (Dissipation) เพื่อลดประจุสะสมโดยผ่านทางพื้นผิวควบคุมไฟฟ้าสถิต (Static Control surfaces) และระบบสายดิน (Grounding)
4) การป้องกันการรบกวนของสนามไฟฟ้า (Shielding) โดยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม และ
5) การแลกเปลี่ยนประจุให้วัสดุนั้นมีสภาพเป็นกลางทางไฟฟ้า (Neutralization) โดยใช้พัดลมสลายประจุไฟฟ้าสถิต หรือ Ionizer
ครั้งแรกที่เข้าทำงานเป็น PD Supervisor (หลังเรียนจบใหม่ๆเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว) คุมไลน์ผลิตแผงวงจรไฟฟ้าที่มีส่วนประกอบหลักเป็น CMOS บริษัทมีความเข้มงวดกับเรื่องนี้มาก พนักงานที่ไม่สวม ESD wrist strap หรือไม่คีบปลายสายลงกราวด์จะมีความผิดระดับที่ถูกออกใบเตือน (Warning Letter) ซึ่งถือว่าเป็นโทษที่ค่อนข้างร้ายแรง นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้เรียนรู้ความสำคัญของ ESD
หน้าหนาวเวลาที่อากาศแห้งๆ ผมเคยสังเกตว่าเวลาขยับตัวมักจะได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะๆเบาๆจากใต้ผ้าห่มเมื่อลองดับไฟให้มืดสนิทแล้วลองขยับตัวใหม่นอกจากได้ยินเสียงแล้วยังได้เห็นประกายไฟคล้ายแสงจากฟ้าผ่าขนาดจิ๋ววูบวาบอยู่ไปมา แสดงถึงพลังของมันและก็หายสงสัยไปเลยว่าทำไมมันถึงมีอานุภาพพอที่จะทำความเสียหายให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ แล้วก็คิดเลยไปว่าถ้ามันเกิดไปโดนอนุภาคเล็กๆของละอองน้ำมันหรือก๊าซไวไฟก็น่าจะทำให้เกิดการสันดาบให้ลุกติดไฟได้เช่นกัน (ใครไม่เคยเห็นหน้าหนาวทดลองทำดูนะครับ)
สำหรับคนทั่วไปผมว่าความเข้าใจเรื่องนี้เรามีกันน้อยมาก จึงขาดความระมัดระวังหรือละเลยการปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในบริเวณที่เสี่ยงอันตรายครับ
ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นครับ และถูกต้องแล้วครับสำหรับการควบคุมไฟฟ้าสถิตที่เกิดขึ้นบนร่างกายด้วยการใส่สาย wrist strap ซึ่งในปัจจุบัน วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีขนาดเล็กลงและความซับซ้อนของวงจรที่มากขึ้น ทำให้ชิ้นส่วนดังกล่าวมีความไวต่อไฟฟ้าสถิตมากขึ้นด้วยครับ ก็เลยต้องพิจารณาการดิสชาร์จจากเครื่องมือเครื่องจักร (machine model) หรือการดิสชาร์จจากชิ้นงานไปยังวัสดุอื่น (charged device model) ซึ่งมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการดิสชาร์จจากร่างกาย (human body model) ที่กล่าวไว้ข้างต้นเลยครับ
เข้ามาเก็บเกี่ยวหาความรู้ ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลที่สำคัญและใกล้ตัวมาก