ผญาเกี้ยว


๑.  ผญาเกี้ยวขั้นถามข่าว  ในขั้นถามข่าวนี้มักมีการถามข่าว ๒ กรณีคือ  การที่ฝ่ายชายมาถึงที่ฝ่ายหญิงอยู่  แล้วถามถึงทุกข์สุข การงาน  ที่อยู่หมู่บ้านใด  ผญาชนิดนี้ปรากฏบ้างไม่มากนัก

ตัวอย่างเช่น

  เจ้าผู้งามโต่งโหล่ง  หลงมาทางเอิ้นใส่แด่เน้อ

  มาแวะยามแล้ว  เอิ้นกินเข้าแด่เป็นสัง

ชาย :   สุขสำบายหมั้น  เสมอมันเครือเก่าบ่นอ

    เทิงพ่อแม่พี่น้อง  สำบายดีอยู่สู่คนบ่เด

  หญิง : น้องนี้สุขสำบายหมั้น    เสมอมันเครือเก่าอยู่เด้ออ้าย

      เทิงพ่อแม่พี่น้อง  สำบายพร้อมสู่คน

  (สุระ  อุณหวงศ์  : ๑๐๕)

  ในบางกรณี การถามข่าวอาจเป็นการถามถึงเรื่องคู่ครองเลยทันทีก็มี  โดยถามว่ามีครอบครัว  สามีภรรยาหรือยังแบบนี้ปรากฏอยู่บ้าง

ตัวอย่างเช่น

  ถามข่าวเจ้า  ถามข่าวทางปา

  ถามข่าวนา  ถามข่าวทางข้าว

  ถามข่าวเจ้า  มีผัวแล้วหือบ่

  หือหากมีแต่ซู้  ผัวสิซ้อนกะบ่มี

  (ประมวล  พิมเสน : ๒๕๔๓:๑๐)

 

  อ้ายอยากถามข่าวน้อง  ว่ามีผัวแล่วไป่

  หรือว่ามีแต่ซู้  ผัวซ้อนหากบ่มี

  (ประมวล  พิมพ์เสน .๒๕๔๓:๕๙)

  ผญาเกี้ยวบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องมีบทถามข่าวตรง ๆ หากแต่ใช้บทเกี้ยวเป็นบทถามข่าวโดยนัยแทนก็ได้  ซึ่งโดยมากก็มักเป็นการเกี้ยวของบ่าวสาวที่รู้จักและสนิทสนมกันก่อนแล้ว  จึงไม่จำเป็นต้องถามข่าวโดยตรง

ตัวอย่างเช่น

  พี่นี้แนวควายตู้  หากินบ่คือเพิ่น

  ประสงค์กินแต่หญ้า  สวนห้างจั่งแม่นคอ

  พอเหลียวหลังเห็นหน้า  สาวฮ้างดีใจเต้นเข้าใส่แท้แหล่ว

  (สุระ  อุณวงศ์ ๒๕๔๒:๑๐๕)

  อ้ายนี้เป็นดังเซื้อสะเพาคัง  บ่หนีฟองแก้งใหย่

  อ้ายสิเบ็ดใส่เฝือน  อ้ายสิเฝือนใส่ก้อน

  อ้ายสิย้อนใส่แก้ง  ตำแล้วจั่งสิถอย

  (ประมวล  พิมพ์เสน. ๒๕๔๓: ๘๓)

  เรา จะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมการรับแขกของชาวอีสานนั้นเป็นวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่าโดย เฉพาะอย่างยิ่งจากผญาเกี้ยวนั้นบอกให้เราทราบถึงมารยาทในการใช้ภาษา  ความมีน้ำใจของหญิงชายที่ยังไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็สามารถที่จะพูดคุยด้วยกับได้  โดยใช้ความจริงใจต่อกัน  ฝ่าย ชายเมื่อมาถึงเรือนฝ่ายหญิงก็ต้องเป็นฝ่ายต้อนรับพร้อมโต้ตอบเมื่อฝ่ายชาย ถาม โดยไม่มีอาการกินแหนงแคลงใจว่าเป็นคนแปลกหน้าแต่อย่างใด

  ๒.  ผญาเกี้ยวขั้นเกี้ยวพาราสี  เมื่อมีการถามข่าวกันแล้ว  ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง  จะทำการเกี้ยวพาราสีกัน  โดยการเกี้ยวพาราสีนั้นปรากฏอยู่ในเอกสารมาก  ซึ่งสามารถแบ่งบทเกี้ยว  ๒  ลักษณะคือ  เกี้ยวเอาใจ  เกี้ยวเชิงตัดพ้อ

  ๒.๑ เกี้ยวเอาใจ  คือ การเกี้ยวเอาใจอีกฝ่าย  หวัง เพื่อใช้คำหวานซึ่งยึดตรึงใจฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้ยอมรับตนเองโดยหวังเพื่อจะ ได้มีสัมพันธ์ชู้สาว หรือเพื่อการเป็นคู่ครองซึ่งกันและกันนั่นเอง โดยมากฝ่ายชายจำต้องแสดงภูมิรู้ในเชิงภาษาออกมาให้มากและเหนือกว่าฝ่ายหญิง ซึ่งอ่อนให้ก็เป็นอันยอมรับการเกี้ยวพาราสี

ตัวอย่างเช่น 

    ผู้งามงามจั่งน้อง  แม่นแม่อุ่นทานหยัง

  หรือว่าแม่น้องนั้น  ทานดอกคุตทังกอ

  หรือว่าแม่น้องนั้น  ทานดอกยอทั้งต้น

  น้องจังงามลื่นล้น  ซาวบ้านเพิ่นซ่าลือ

    ( ประมวล  พิมพ์เสน. ๒๕๔๓ : ๒๐)

  น้องผู้งามงามนี้  ยืมเพศผู้ใด๋มา

  น้องผู้งามงามนี้  ยืมขาผู้ใด๋ย่าง

  ขี้ฮ้ายจั่งอ้าย  แม่นยืมซ้างเพิ่นขี้มา

  ( ประมวล  พิมพ์เสน. ๒๕๔๓ : ๒๑)

  จากบท วิเคราะห์ข้างต้นเราจะเห็นได้ว่าการใช้ภาษานั้นเพื่อที่จะพูดโน้มน้าวจิตใจ คนนั้นเป็นสิ่งสำคัญและก็เป็นปราการที่จะทำให้คนเรารู้จักและรักใคร่กันได้ ในที่สุด  บทผญาเกี้ยวเอาใจนั้น เป็นความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อสื่อสารโน้มน้าวจิตใจให้ผู้ได้ฟังเกิดความ รักใคร่และอยากที่จะรู้จักใกล้ชิดสนิทสนมด้วย  ซึ่งก็นับเป็นรูปแบบหนึ่งในการจ่ายผญาที่สำคัญและจะขาดไม่ได้เลย

๒.๒ เกี้ยวเชิงตัดพ้อ  เมื่อถามข่าว  เกี้ยวเอาใจยกย่องฝ่ายตรงข้าม

แล้ว ถ้ามีถ้อยคำ  หรือสำนวนที่ไม่เป็นที่พอใจของผู้ฟังก็จะมีการกล่าวตัดพ้อต่อว่ากันโดยในข้อ นี้เราจะเห็นถึงปฏิภาณของผู้กล่าวโต้ตอบโดยใช้ภูมิรู้โต้ตอบโดยฉับพลัน  เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความละอายใจและยอมจากไป  ซึ่งที่จริงแล้วเป็นการกล่าวเพื่อต้องการทราบว่าฝ่ายชายจะเลิกล้มความคิดที่จะเกี้ยวไหมหรือยังมีความพยายามต่อไ

ตัวอย่างเช่น

  คันแม่นเจ้ามักข้อย  แกงหอยให้มันเปื่อย

  แกงปาให้เปื่อยก้าง  แกงซ้างให้เปื่อยงา

  ( ประมวล  พิมพ์เสน.๒๕๔๓:๑๓)

  เมื่อฝ่ายตรงข้ามรู้ว่าตนเองเองทำไม่ได้หรือไม่มีความพยายามก็จะจากไปไม่ทำการเกี้ยวต่อไปอีก

  ตัวอย่างเช่น

  คันบ่เป็นตาส่อน  สิคาดห่างลงสา

  คันบ่เป็นตาสา  สิแบกกะโซ้คืนบ้าน

  ( ประมวล  พิมพ์เสน.๒๕๔๓:๙)

บางครั้งการกล่าวเชิงตัดพ้อนั้นก็เพื่อเป็นการหลอกล่อให้ฝ่ายตรงข้ามเอาใจหรือสงสารตนเองก็ได้  โดยมากมักเป็นการกล่าวลดค่าของตัวเองให้เห็นว่าต้อยต่ำกว่าฝ่ายตรงกันข้าม  เป็นกลวิธีหนึ่งที่ใช้มัดใจก็ฝ่ายตรงข้าม  ซึ่งฝ่ายที่ตัดพ้อจะพยายามหาถ้อยคำมาเปรียบและทิ้งท้ายว่าไม่สงสารแล้วหรือ?  ไม่เห็นใจแล้ว?  บทผญาในลักษณะนี้เป็นการแสดงภูมิรู้ว่าผู้จ่ายหรือผู้พูดนั้นมีความรู้กว่างขวางมากเท่าใ

ตัวอย่างเช่น

 

  น้องนี่แนวนาวเซื้อ  บักหอยนาหน้าต่ำ

  บ่แมนหงคำบินผ่านฟ้า  จั่งสมอ้ายผู้งาม  ดอกนา

  ( ประมวล  พิมพ์เสน. ๒๕๔๓:๑๗)

  บางครั้งการกล่าวบทตัดพ้อก็หวังเพื่อจะได้ทราบความจริงใจของอีกฝ่ายว่ามีให้มากน้อยเท่าใด  ซึ่งกลวิธีแบบนี้มีใช้ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย  แต่จะปรากฏใช้ในฝ่ายหญิงมากกว่า  ทั้งนี้เพราะผู้ที่เข้ามาเกี้ยวก่อนนั้นเป็นฝ่ายชายก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ฝ่ายหญิงจะต้องกล่าวเพื่อ  เป็นลองใจเพื่อหยั่งเชิงฝ่ายชายดูว่าจะมีความจริงใจให้เท่าใด 

  ตัวอย่างเช่น 

  คันอ้ายมีเมียแล้ว  อย่าลงเฮือนให้หมาเห่า

  ให้อ้ายนั่งเค้าเม้า  ไพหย่าอยู่เฮือน 

  ( สุระ  อุณวงศ์. ๒๕๔๒:๑๐๒)

  (ถอดความได้ว่า ถ้าพี่มีเมียแล้วอย่าจากบ้านมาเล่นสาวให้หมาเห่าเลย ให้อยู่บ้านนั่งกรองหญ้าเฝ้าเรือนดีกว่า:เป็นการกล่าวตัดพ้อบอกชายให้บอกความจริงมาว่ามีเมียรึยังให้ยืนยันมาด้วย)

  จากการวิเคราะห์ในข้างต้นเราจะเห็นได้ว่าการกล่าวตัดพ้อของในบทเกี้ยวนั้นไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดประชดประชันด้วยความเกลียดชัง  หากแต่กล่าวอย่างมีจุดมุ่งหมายแอบแฝงมากกว่านั้นคือ  กล่าวเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามแสดงความพยายามที่จะเกี้ยวต่อไป  กล่าวเพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นใจหรือสงสาร  กล่าวเพื่อต้องการทราบความจริงใจจากฝ่ายตรงข้าม  จาก จุดประสงค์เหล่านี้เองเป็นหัวใจของการเกี้ยวพาราสีและเป็นขั้นตอนสำคัญที่คน อีสานสมัยก่อนใช้และประสบผลสำเร็จคือชายหญิงตกลงแต่งงานกันมามากนักต่อนัก แล้ว 

  ๓ . ผญาเกี้ยวขั้นลา  ด้วยความเป็นชนชาติเจ้าบทเจ้ากลอนนั้นเมื่อเกี้ยวพาราสีจนเป็นที่  บันเทิงแก่ใจแล้วเมื่อเวลาดึกหรือเวลาที่จะกลับแล้วนั้นก็จะทำการกล่าวลา  การกล่าวลานั้นต้องอาศัยอยู่กับบริบทในการเกี้ยวพาราสีว่าสำเร็จหรือไม่ ถ้าสำเร็จการลา  ก็มักจะเป็นบทที่ส่งท้ายแบบฝากรักให้ฝ่ายตรงข้ามคิดถึงและอาลัยหา

  ตัวอย่างเช่น 

  บัดนี้ดึกคล้อย ๆ  ลมวอยหนาวน่วง

  สุดเป็นห่วงนาถน้อง  ใจสะบั้นสั่นสาย

  พี่สิลาก่อนเด้อหลา  สายตาซู้เพิ่น

  วาสนาพี่ฮอดเจ้า  เซาแล้วบ่กาย ดอกนา


คำสำคัญ (Tags): #ผญาเกี้ยว
หมายเลขบันทึก: 537097เขียนเมื่อ 25 พฤษภาคม 2013 21:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 พฤษภาคม 2013 21:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณมากครับ คิดถึงตอนแม่อุ๊ย จ๊อยซอแบบนี้มากๆครับ.. วัฒนธรรมล้านนาช่วยกันสืบสานครับ


มาร่วมอนุรักษ์ภาษาท้องถิ่นค่ะ

์ ขอบคุณนะคะ คุณ tuknarak ที่ช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไว้ให้ลูกหลาน

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท