my dear friend....
....วันนี้ ฉันว่าง เพราะฉันทำตัวให้ว่าง
ฉันนั่งรถบัสสีส้มเก่าๆ...ข้ามหุบเขานับร้อยลูก
ข้ามเหวอันเงียบงัน จับมือกับต้นไม้ใหญ่สองข้างทาง
เข้าไปในตัวเมืองเชียงใหม่
เพียงเพื่อ จะดื่มกาแฟ....... และแลสังคมเมือง
บนเขาสูงเมืองชายแดน อย่างเมืองแม่สะเรียง
อันเต็มไปด้วยชนเผ่าปกาเกอะญอ และเผ่าอื่นอื่น
ดูเก่าเก่ามอมอ เสื้อผ้าและย่ามเน่าสกปรก
มีเพียงแววตา ที่ดูหมดจด
และรอยยิ้มที่ใหม่เอี่ยมอยู่เสมอ
เป็นแววตา ของคนที่อยู่ในแดนอารยะ(ผู้บรรลุธรรม)
ดั่งคล้ายประหนึ่ง ในเมืองทิเบต (ศรัทธาคือลมหายใจ)
บางครั้ง ฉันก็นึกว่า โลกมีสี
....และมัน.....เป็นสีมัวซัว... สลัวสลัว....
ฉันยังคงล่องลอย ในกระแสแห่งชีวิต อารมณ์หนึ่งกระทบ แล้วหาย
อารมณ์หนึ่งกระทบ...แล้วปลิดปลิว...ฉันล้อเล่นกับมัน
และยิ้มกับตัวเอง...
.
วิถีที่สงบสุข....ความละเอียดของคำคำนี้
... คือ...การคิดสิ่งดีดี...ทุกวินาที
อารมณ์เข้ามากระทบตลอด
โศก เศร้า ดีใจ ....เสียใจ เหงา สงสัย
เราอยู่กับมัน ไม่หนี หากรับรู้
...ไม่ซึมลึก เข้าไปในตัวอารมณ์
อยู่ร่วมกับมัน
จนกว่า...มันจะเบื่อ....และจากเราไปเอง......
แม้แต่ความรัก....ก็ยังคงเป็นเพียงอารมณ์
.......................
............................
ยังคงท่อง ในขุนเขา หุบผา
นั่งดูผู้คน วิถี
สายลมพัด กลิ่นทิวาราตรี
กับกาลเวลาที่ลับล่วง
....ยังคงอยู่.....
ผมยาวระพื้น กับน้ำตาดาว แห่งค่ำคืน
เจ้าหญิงแห่งกาลเวลา
ชอบครับวรรคนี้
"ฉันยังคงล่องลอย ในกระแสแห่งชีวิต อารมณ์หนึ่งกระทบ แล้วหาย
อารมณ์หนึ่งกระทบ...แล้วปลิดปลิว...ฉันล้อเล่นกับมัน
และยิ้มกับตัวเอง..."